นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 197 วางแผนอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานพาเหล่าไท่ไท่เดินออกจากห้องนี้ ผ่านห้องโถง กล่าวอำลากับทุกคน จากนั้นก็เดินออกจากบ้านโจวต้าซานพร้อมกับมารดาของนาง
โจวชิวเซียงที่อยู่ในห้องโมโหจนตาแดง
ขี้ริ้วขี้เหร่ยังทำตัวสูงส่งอะไร? ใส่เสื้อผ้าอย่างกับพวกขอทานแน่ะ บ้านนอกเสียไม่มี ยังจะมาทำตัวสูงต่อหน้านางอีก!
หวังหยู่ชุนที่อยู่ด้านข้างเดินไปสองสามก้าว หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นแล้วยัดใส่อกตัวเอง หัวเราะคิกคักเอ่ย “กุ้ยหลานไม่เอา ชิวเซียงเจ้าก็ไม่เอา อย่างนั้นผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ข้าเอาไว้ใช้พอดีเลย ข้าเอาไปแล้วนะ”
โจวชิวเซียงโกรธจัด หากมิใช่คำนึงถึงว่ามีคนนั่งอยู่ด้านนอก นางต้องด่าหวังหยู่ชุนเปิงแน่!
ด้านนอก โจวกุ้ยหลานหดใบหน้ากลับเข้าไปอยู่ในคอเสื้ออีกครั้ง เอามือซุกไว้ในแขนเสื้อ ก้มหน้าสาวเท้าไปทางบ้าน
เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วก็ตลบขบขันท่าทางของนาง “ข้าเป็นยายแก่ยังไม่ใส่เยอะแยะเหมือนเจ้าเลย เจ้ายังหนาวอีกหรือ?”
“หนาว! หนาวจะตายอยู่แล้ว!” เอ่ยเสียงดังทุ้ม
ก็มันหนาวนี่แล้วจะทำไม? ใครจะไปนึกว่าพวกเขาจะทนหนาวได้ขนาดนี้?
“ปีก่อนๆ ยังไม่เห็นเจ้าหนาวขนาดนี้นี่ ทำไมปีนี้ถึงขี้หนาวได้? เจ้าคงไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรกระมัง?” เหล่าไท่ไท่เอ่ย ดวงตาคู่เล็กๆ เริ่มสำรวจตรวจตราโจวกุ้ยหลาน
ปีก่อนๆ ไม่มีเสื้อนวมใส่ กุ้ยหลานก็ยังใส่เสื้อนวมเก่าที่ไม่อุ่นอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงหนาวจนกลายเป็นอย่างนี้ไปได้?
“เมื่อก่อนหนาวจนโง่งม ไม่มีเสื้อผ้าใส่เพิ่ม ท่านก็ต้องดูไม่ออกอยู่แล้ว” โจวกุ้ยหลานตอบ นางไม่อยากให้เหล่าไท่ไท่ติดใจอยู่แต่กับเรื่องนี้อีก พลันเบนหัวข้อสนทนาไปเรื่องโจวชิวเซียง
“ชิวเซียงร่ำรวยแล้วหรืออย่างไร? เสื้อผ้าชุดนั้นกับของพวกนั้นไม่ถูกเลยนะ!”
ครั้นถามออกไป เหล่าไท่ไท่กลับเงียบไม่มีเสียงตอบกลับแม้แต่น้อย โจวกุ้ยหลานหันไปมอง เห็นสีหน้าเหล่าไท่ไท่แปลกพิลึก
“มีอะไรหรือ?”
โจวกุ้ยหลานถามต่อ
เหล่าไท่ไท่เก็บกดอยู่พักหนึ่ง แต่พอถูกถามอย่างนี้ จึงไม่ปกปิดบุตรสาวอีก ทำตัวลึกลับขยับเข้ามาใกล้ๆ โจวกุ้ยหลาน กระซิบ “ชิวเซียงได้กับเถ้าแก่เฉียนที่มานั่นแล้ว เห็นว่าจะเป็นเมียคนที่สอง (*สืบเนื่องจากภรรยาคนแรกเสียชีวิตแล้ว)ของเถ้าแก่เฉียนนั่น”
“หา? เถ้าแก่เฉียนเคราแพะคนนั้นน่ะหรือ?” โจวกุ้ยหลานตกใจ
เหล่าไท่ไท่รีบศอกใส่นาง ครั้นเห็นโดยรอบไม่มีคนจึงโล่งอก
“เจ้าเบาหน่อยสิ ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปมิต้องถูกคนเอาไปนินทาหรือ!”
โจวกุ้ยหลานเข้าใจ “เถ้าแก่เฉียนนั่นห้าสิบกว่าแล้วกระมัง?”
“เห็นว่าอายุห้าสิบห้าแล้ว อายุมากกว่าลุงใหญ่เจ้าปีหนึ่ง!” เหล่าไท่ไท่เอ่ย จากนั้นก็มองรอบๆ อีกหน กลัวว่าจะมีใครเดินออกมา
“เถ้าแก่เฉียนมีปูมหลังอย่างไร?” โจวกุ้ยหลานกระซิบ
เหล่าไท่ไท่พลันขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ เห็นว่าที่บ้านมีโรงเตี๊ยม เหมือนว่าจะมีชื่อมากด้วย แล้วยังมีร้านขายของชำอะไรอีกกิจการใหญ่โต ในบ้านก็มีเงินไม่น้อย”
โรงเตี๊ยม? โรมเตี๊ยมขึ้นชื่อของตำบลก็เหมือนว่ามีอยู่แค่ไม่กี่แห่ง ตำบลก็ไม่ได้ใหญ่นี่นะ
“คงไม่ใช่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไป่เว่ยกระมัง?” โจวกุ้ยหลานพึมพำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
นอกจากโรงเตี๊ยมเทียนเซียง ในตำบลนางก็รู้จักแต่โรงเตี๊ยมไป่เว่ยเท่านั้น
ครั้นเหล่าไท่ไท่ได้ยินชื่อนี้ดวงตาก็เปิดกว้าง “ใช่ๆๆ ที่นั่นแหละ ได้ยินว่าแขกเยอะเชียวล่ะ!”
โจวกุ้ยหลานเซ็ง เป็นเถ้าแก่โรงเตี๊ยมไป่เว่ยจริงๆ ด้วย…
“ท่านลุงใหญ่กับท่านป้าใหญ่ตกลงหรือ?” โจวกุ้ยหลานถาม
อย่างไรเถ้าแก่คนนี้ก็อายุห้าสิบกว่าแล้ว เป็นบิดาของโจวชิวเซียงได้เลย
“ลุงใหญ่เจ้าก็ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว จะอาละวาดทันที พวกเราลากชิวเซียงเข้าไปในห้อง ไม่นานเจ้าก็มานี่อย่างไร”
เหล่าไท่ไท่เอ่ย นึกถึงภาพนั้นแล้วส่ายหน้า
โจวชิวเซียงนี้ก็จริงๆ เลย อีท่าไหนถึงไปรู้จักกับผู้ชายคนนี้แล้วยังถึงกับคบหากันอีก? เพื่อแต่งเข้าตำบลได้ยอมทำทุกอย่างได้จริงๆ สิน่า ไม่รู้ว่าตัวเองนางสมัครใจหรือไม่
ทั้งสองสนทนากันกลับถึงบ้านตัวเอง เมื่อเข้าบ้านแล้วก็กินอาหาร จากนั้นทุกคนก็เริ่มทำความสะอาดครั้งใหญ่
วันก่อนวันส่งท้ายปีวันนี้ ต้องทำความสะอาดปัดฝุ่นในบ้านของปีที่ผ่านมาเพื่อรับกับปีใหม่
ครั้นทำความสะอาดเสร็จ ก็ต่อแถวกันอาบน้ำ โจวกุ้ยหลานขี้หนาว ต้องเพิ่มเตาผิงไฟในห้องอีกสองเตาจึงจะกล้าอาบ
กระทั่งนางอาบน้ำเสร็จ ก็ซักเสื้อผ้ากับเหล่าไท่ไท่และหลิวเซียง กินอาหารเย็นแล้วพักผ่อน
บ้านโจวต้าซาน
ขณะกินอาหารเย็น หลี่ซิ่วยิงไปช่วยหวังหยู่ชุนทำกับข้าว ในห้องจึงเหลือแต่โจวชิวเซียงกับจางเสี่ยวจุ๋ย
โจวชิวเซียงคล้องประตู หันกลับมาเห็นจางเสี่ยวจุ๋ยกำลังจ้องสิ่งของบนเตียงเตาอยู่ สีหน้าพลันขรึม
“ท่านเอาคำพูดข้าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหรืออย่างไร? ทำไมโจวกุ้ยหลานอยู่ดีแบบนี้?”
จางเสี่ยวจุ๋ยรีบมองออกไปด้านนอก ทำท่ามือเงียบกับโจวชิวเซียง กดเสียงลงต่ำ “เบาหน่อยสิ ไม่อย่างนั้นก็ถูกคนข้างนอกได้ยินหรอก!”
นางยังต้องอาศัยโจวต้าซานกับสวีเหมยฮวาอยู่! ถ้าแพร่ออกไปนางก็ต้องอาศัยแต่พวกชายพวกนั้นเพื่ออยู่รอดแล้ว นั่นมิแย่เกินไปหรือ?
โจวชิวเซียงหึเย็น แต่พอนึกถึงว่าโจวต้าซานกับเถ้าแก่เฉียนนั่งอยู่ข้างนอก จึงเงียบ
พอเห็นนางเงียบแล้ว จางเสี่ยวจุ๋ยจึงอ้อมเตียงเตามา แล้วเดินเร็วมาอยู่ตรงหน้าโจวชิวเซียง ดึงมือนาง ฉีกยิ้มเอ่ย “ชิวเซียง เจ้าก็รู้ว่าอาสะใภ้สามรักเจ้าที่สุด ข้าก็พยายามช่วยเจ้าสุดความสามารถนะ เจ้าดูสิ ข้าปล่อยข่าวออกไปว่าบ้านพวกเขาเผาถ่านได้เงิน ให้คนในหมู่บ้านไปหาเรื่องพวกเขา แต่ใครจะคิดว่ากุ้ยหลานจะเล่นไม้นี้?”
“บอกว่าพวกเขามีเงินมีประโยชน์อะไร? คนอื่นยังไม่ต้องไปเอาใจนางหรือ แล้วนางยังจะวางก้ามได้ด้วย ดีขนาดไหน?!” โจวชิวเซียงสะบัดมือของจางเสี่ยวจุ๋ยออก เอ่ยอย่างหงุดหงิด
ตัวนางเองมีเงินแต่ไม่คิดซ่อนเอาไว้ แทบอยากให้คนทั้งหมู่บ้านต้าสือรู้ไปทั่ว! นี่ก็คือคนเหนือคน!
ความดูแคลนแล่นปราดในดวงตาจางเสี่ยวจุ๋ย โจวชิวเซียงนี่สมองไม่แล่นจริงๆ เป็นแบบนี้แล้วยังอยากชิงกับโจวกุ้ยหลานอีก?
แต่พอนึกถึงจุดอ่อนของตัวเองแล้ว จางเสี่ยวจุ๋ยก็ยังเก็บกดความคิดของตัวเอง ยกยิ้ม เอ่ยกับโจวชิวเซียง “พวกเจ้าไม่เหมือนกัน ลองคิดดูสิ เมื่อก่อนบ้านโจวกุ้ยหลานจนขนาดไหน? จู่ๆ พอมีเงิน คนอื่นจะไม่อิจฉาได้อย่างไร? เจ้าไม่เห็นช่วงก่อน คนพวกนั้นไปนั่งที่บ้านนางทุกวัน หลายวันนี้ยังได้ยินว่ามีคนเยอะแยะไปบ้านผู้ใหญ่บ้าน ต้องการให้พวกเขาสอนเผาถ่าน!”
โจวชิวเซียงฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลก “ข้าให้ท่านไปทำร้ายโจวกุ้ยหลาน ให้พี่ฉางหลินหย่ากับนาง แล้วทำไมท่านต้องไปพูดเรื่องพวกเขามีเงินด้วยล่ะ?”
ให้คนในหมู่บ้านไปนั่งบ้านพวกเขามีประโยชน์อะไร? ก็แค่ถ่วงเวลาทำงานพวกเขาไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง ให้วิธีการเผาถ่านออกไป อย่างนั้นก็ไม่มีใครหาเงินได้แล้ว ทุกคนอดอยากเป็นเพื่อนโจวกุ้ยหลาน
จางเสี่ยวจุ๋ยรักษารอยยิ้มบนใบหน้าของตัวเอง อธิบายด้วยความอดทน “เจ้ายังไม่ได้แต่งงานไม่เข้าใจ พวกเขาอยู่สบาย อย่างนั้นก็ตั้งสบายใจ กินดื่มอะไรก็ดี ถ้ามีเรื่องให้รำคาญใจมาก พวกเขาก็จะมีอารมณ์ แล้วสวีฉางหลินยังจะไม่ทะเลาะกับกุ้ยหลานหรือ? อีกอย่าง ถ้าพวกเขาถูกบีบจนบอกวิธีเผาถ่านไป สวีฉางหลินจะไม่โทษโจวกุ้ยหลานหรืออย่างไร?”