นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 200 ช่วยให้เจ้ามีชีวิตที่ดี
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 200 ช่วยให้เจ้ามีชีวิตที่ดี
เหล่าไท่ไท่ครุ่นคิดอยู่ในใจ ตามโจวกุ้ยหลานมาที่ห้องโถง
ตอนนี้หลิวเซียงออกจากประตูห้องโถงแล้ว ในห้องโถงเหลือแต่สวีฉางหลิน โจวต้าไห่และเจ้าก้อนน้อย
โจวกุ้ยหลานเดินไปสองสามก้าว ตบๆ บ่าโจวต้าไห่แล้วเอ่ยกับเขา “พี่ ท่านอย่าเพิ่งพูด ตามพวกเราไป หลังจากวันนี้ ท่านจะได้รู้ว่าตัวเองแต่งกับหลิวเซียงได้หรือไม่”
กล่าวจบก็ดึงเสื้อผ้าของเขา
โจวต้าไห่งุนงง ลุกขึ้นยืนตามแรงของโจวกุ้ยหลาน สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างวางงานในมือลง แต่เขาเพิ่งจะลุกขึ้นก็ถูกโจวกุ้ยหลานห้ามไว้
“เจ้าอยู่บ้านดูแลเสี่ยวเทียน พวกเราจะรีบไปรีบกลับ”
สวีฉางหลินที่กำลังจะลุกขึ้นหยุดชะงัก จากนั้นก็นั่งลงเงียบๆ หยิบกระชุไม้ไผ่ที่สานอยู่ครึ่งๆ กลางๆ มาสานต่อ เพียงแต่น้อยใจอยู่บ้างเท่านั้น
บัดนี้มีเรื่องอันใดภรรยาตัวน้อยก็ไม่พาเขาไปแล้ว หรือรังเกียจเดียดฉันท์เขาแล้วหรือ?
ทว่าโจวกุ้ยหลานไม่ได้คิดมากเช่นนั้น พาเหล่าไท่ไท่และโจวต้าซานออกประตูไป ทั้งยังลวดปิดประตูให้อีกเสียด้วย
ทั้งสามตามหลิวเซียงอยู่ไกลๆ เดินไปทางบ้านของโจวต้าซาน จนถึงตอนนี้ เหล่าไท่ไท่กับโจวต้าไห่ถึงเข้าใจว่ากุ้ยหลานต้องการให้พวกเขาตามไปดูหลิวเซียง
ทั้งสองให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ต่างไม่ปริปาก
แม้ไม่รู้ว่าทำไมกุ้ยหลานถึงบอกว่าคืนนี้เรื่องราวจะกระจ่าง แต่ทำไมคืนนี้ถึงจะกระจ่างเล่า พวกเขาไม่เข้าใจสักนิด
หลังจากหลิวเซียงเดินถึงบ้านโจวต้าซานก็ตะโกนเรียกคนในบ้าน จากนั้นครั้นได้ยินเสียงของหลี่ซิ่วยิง หลิวเซียงก็ถูกต้องรับให้เข้าข้างใน
เมื่อถึงตรงนี้ โจวกุ้ยหลานก็พามารดาของตัวกับโจวต้าไห่ไปหลบอยู่ด้านนอกกำแพง
“กุ้ยหลาน พวกเราไม่เข้าไปหรือ?” เหล่าไท่ไท่มักรู้สึกว่าในใจตุ้มๆ ต่อมๆ เอ่ยถามโจวกุ้ยหลาน
“เข้าไปไม่ได้ ประเดี๋ยวนางยังต้องออกมา” โจวกุ้ยหลานตอบ ทั้งกำชับให้สองให้ซ่อนตัวให้ดี ตอนนี้กำลังซ่อนตัวรออยู่ด้านนอก
โจวต้าไห่หัวใจระส่ำ มักรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องอะไร นั่งยองเงียบๆ ไม่กล้ามากความ
ภายในบ้าน หลิวเซียงยื่นเนื้อหมูให้หลี่ซิ่วยิง บอกกล่าวธุระ
ครั้นเห็นเนื้อหมู หลี่ซิ่วยิงก็ยิ้มตาหยี เถ้าแก่เฉียนยังพักอยู่ในบ้าน
พวกเขาต้องทำกับข้าวสักหน่อย ในเมื่อมีเนื้อหมู พวกเขาก็สามารถประหยัดเงินได้ไม่น้อย
“ไอ้หยาหลิวเซียง ข้าเทน้ำร้อนให้เจ้ากินเถอะ?” หลี่ซิ่วยิงเอ่ย หันไปเทน้ำ
หลิวเซียงเห็นก็รีบปฏิเสธ จากนั้นก็ชะเง้อชะแง้ พบว่าในห้องโถงมีหลี่ซิ่วยิงเพียงคนเดียว จึงร้อนรนถาม “ท่านป้าซิ่วยิง น้องชิวเซียงล่ะ?”
“นางน่ะหรือ กำลังผิงไฟอยู่ในห้องนั้นของพวกเราอยู่” หลี่ซิ่วยิงบอก และไม่ได้เทน้ำอีก
ครั้นหลิวเซียงได้ยินว่านางยังไม่เข้านอนก็พลันดีใจ เอ่ย “ท่านป้าซิ่วยิง ท่านช่วยข้าเรียกน้องชิวเซียงให้หน่อยได้หรือไม่ ข้ามีธุระจะพูดกับนางหน่อย”
นังเด็กเลี้ยงแกะนี่ยังจะมีธุระอะไรได้ ยังอยากเจอชิวเซียงบ้านนาง?
คงไม่ใช่ว่าอยากให้ชิวเซียงบ้านนางช่วยพานางเข้าตำบลกระมัง?
ครั้นคิดอย่างนี้ หลี่ซิ่วยิงก็ทำหน้าบูดบึ้ง “นางจะนอนแล้ว มีเรื่องอะไรไว้คุยวันหลังเถอะ”
ไม่ได้นะ วันนี้กว่านางจะได้ออกมาคนเดียว ถ้าอีกสองวันโจวชิวเซียงก็ไปแล้วจะทำอย่างไร?
“คือ ไม่อย่างนั้นข้าไปหาน้องชิวเซียงเองเถอะ” กล่าวจบ หลิวเซียงก็จะเดินเข้าข้างใน
หลี่ซิ่วยิงพลันเคือง “เจ้าทำอะไรน่ะ? นังเด็กเลี้ยงแกะคิดจะขโมยของบ้านข้าหรืออย่างไร?”
คราวนี้หลิวเซียงร้อนรนแล้ว กำลังจะขอร้องหลี่ซิ่วยิง โจวชิวเซียงที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงก็เดินออกมา
“ท่านแม่ กลางค่ำกลางคืนท่านเอะอะอะไร พวกเรากำลังคุยกันอยู่นะ!”
โจวชิวเซียงไม่พอใจมาก เถ้าแก่เฉียนยังนั่งอยู่ในบ้านอยู่เลย!
คนบ้านนอกก็ไม่ดีอย่างเนี่ยแหละ ไม่มีระเบียบสักนิด!
หลี่ซิ่วยิงพลันเปลี่ยนสีหน้า กำลังคิดจะพูดอะไร หลิวเซียงที่อยู่ข้างๆ ก็ดีใจเดินไปสองสามก้าว เรียกชิวเซียง “เจ้าก็คือน้องชิวเซียงกระมัง? ข้าคือหลิวเซียง อยากมาเยี่ยมเจ้า คุยกับเจ้าหน่อยน่ะ!”
กล่าวจบ สายตาก็จ้องอยู่กับตัวของโจวชิวเซียง
ชุดนี้สวยจัง! เสื้อตัวนั้นยังมีคอเสื้อขนสัตว์ด้วย!
โจวชิวเซียงเพิ่งได้ยินชื่อของหลิวเซียงเมื่อคืนนี้ ย่อมจำได้ ครั้นนึกถึงท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของโจวกุ้ยหลานในวันนี้แล้วก็พลันเอ่ย “ได้ ไปนั่งในห้องข้าเถอะ”
หลี่ซิ่วยิงเห็นดังนั้นจึงมองบุตรสาวตนเองด้วยความสงสัย “ชิวเซียง เจ้ามีอะไรจะพูดกับนาง?”
นางกล่าวพลางเดินไปทางโจวชิวเซียง
“เปล่า ก็พูดคุยตามประสาเด็กสาว ท่านแม่อย่าฟังเลย” โจวชิวเซียงเอ่ย จะพาหลิวเซียงไป
ทว่าหลี่ซิ่วยิงกลับไม่ยินยอม “พวกเจ้าเด็กสาวจะพูดอะไรข้าถึงฟังไม่ได้? เจ้าอย่าถูกนังเด็กนี่หลอกเชียวนะ นางแผนการล้ำลึกขนาดนั้น อาสะใภ้รองยังไม่อยากให้นางเข้าบ้านเลย!”
น่ารำคาญจริง!
โจวชิวเซียงขมวดคิ้ว คิดในใจพลางเดินออกไปข้างนอก หลิวเซียงก็รีบตามไปด้วย หลี่ซิ่วยิงจะได้ไม่พูดอะไรอีก
หลี่ซิ่วยิงมองบุตรสาวตัวเองพาคนนอกเดินออกประตูห้องโถง ทั้งยังลวดปิดประตูด้วย ในใจมีความคับอกที่ยากจะเอ่ย
เลี้ยงบุตรสาวคนนี้เติบใหญ่แล้ว ไม่เชื่อฟังนางที่เป็นแม่บังเกิดเกล้าแล้ว!
ด้านนอก โจวชิวเซียงพาหลิวเซียงเดินไปถึงลานบ้าน กระทั่งคิดว่าคนในบ้านไม่ได้ยินการสนทนาของพวกนางแล้วจึงหยุด ยืนมองสำรวจหลิวเซียง
หน้าตาธรรมดา ที่แดงเป็นจ้ำสองวงบนหน้าก็ขี้เหร่จริง แล้วยังเป็นเสื้อนวมตัวหนักอึ้ง สารรูปแย่เหมือนโจวกุ้ยหลาน
หลิวเซียงที่อยู่ด้านข้างรีบยิ้มประจบนาง “น้องชิวเซียง เจ้างามจริงๆ”
“ข้ารู้ ข้าเป็นสาวงามแห่งหมู่บ้านต้าสือ” โจวชิวเซียงตอบกลับอย่างหยิ่งผยอง
สิบลี้แปดตำบลล้วนเคยได้ยินชื่อนางมาก่อน นางจะไม่สวยได้หรือ?
หลิวเซียงนึกอิจฉาในใจ ทว่าบนใบหน้ายังเป็นการประจบหลายส่วน เยินยอโจวชิวเซียงอีกสองสามประโยค แล้วจึงเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง “เอ่อคือ น้องชิวเซียงบอกว่าช่วยข้าให้แต่งกับต้าไห่ได้หรือ?”
กล่าวจบ ดวงตาทั้งคู่ก็จับจ้องโจวชิวเซียง แต่น่าเสียดายที่ค่ำคืนนี้เห็นแค่ใบหน้านางโดยคร่าวเท่านั้น
“เจ้ากำลังคิดอะไรข้าเข้าใจดี เจ้าก็อายุสิบแปดแล้วกระมัง? นี่เป็นสาวเทิ้มที่แต่งไม่ออกแล้วนะ เหมือนกับโจวกุ้ยหลาน” โจวชิวเซียงเอ่ย แล้วนึกถึงท่าทางหน้าตามอมแมมของโจวกุ้ยหลานในสมัยก่อน นึกถึงว่านางแต่งไม่ออกตั้งหลายปีขนาดนั้น ในใจจึงชื้นขึ้นมาอีกหน่อย
สาวเทิ้มที่ขายไม่ออกอย่างนั้น ยังอยากแย่งพี่ฉางหลินกับนางอีก? ฝันไปเถอะ!
หลิวเซียงอีหลักอีเหลื่อ นางอายุมากแล้ว แต่ยังไม่พ้นปีใหม่เลย ว่ากันตามจริงนางยังอายุสิบเจ็ดอยู่
แต่ตอนนี้นางไม่กล้าล่วงเกินโจวชิวเซียง จึงได้แต่อดทน
“ใช่ ข้าอายุมากแล้ว พ่อที่บ้านก็ขายข้า ข้าจนหนทางแล้ว” หลิวเซียงเอ่ย ในใจด่าทอสวีเหมยฮวาอย่างรุนแรง
หากไม่ใช่เพราะนาง ตนก็ได้แต่งกับโจวต้าไห่นานแล้ว!
โจวต้าไห่ที่อยู่ด้านนอกขมวดคิ้ว ทำไมถ้อยคำนี้จึงฟังแล้วไม่สบายใจกันนะ?
เขาพลันขยับกาย โจวกุ้ยหลานที่อยู่ด้านข้างกดเขาไว้ ทำท่าเงียบเสียงกับเขา