นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 206 ป่าเถื่อน
โจวกุ้ยหลานพูดขึ้น หยิบที่คีบถ่านที่อยู่ข้างๆขึ้นมาเขี่ยไฟบนเตาผิง
“จะขายนางให้ใครจึงจะได้เงินห้าตำลึงเล่า คนในหมู่บ้านขายสาวใช้ต่างก็ขายในราคาสามสี่ตำลึงเท่านั้น”เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้วขึ้นมา
นึกถึงครั้งนั้นที่หลิวฝูมาหาแต่นางกลับไม่ยอมให้เขาพาตัวหลิวเซียงกลับไป ในใจรู้สึกเสียใจยิ่งนัก
“ถ้าเช่นนั้นขายได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ”โจวกุ้ยหลานพูด เงยหน้ามองไปทางโจวต้าไห่ “พี่ใหญ่ พี่เห็นด้วยหรือไม่”
“เจ้าเป็นคนซื้อนางมา เจ้าจะจัดการอย่างไรก็จัดการเถอะ”โจวต้าไห่พยักหน้ารับ
เหล่าไท่ไท่จ้องมองเขาด้วยความโมโห “ทำไม เจ้ายังเสียดายผู้หญิงใจดำคนนั้นอยู่ใช่ไหม”
“ไม่”โจวต้าไห่ยังคงก้มหน้าตอบคำถาม ตอนนี้เขารู้สึกไม่กล้าเผชิญหน้ากับใครเลยจริงๆ
โจวกุ้ยหลานดึงเหล่าไท่ไท่หนึ่งที ส่งสัญญาณให้นางอย่างพูดอะไรอีก
ทุกคนนั่งล้อมวงกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับห้องตนเอง
โจวกุ้ยหลานเข้าไปในห้องก็พบว่าเจ้าก้อนน้อยกำลังนอนหลับฝันหวานอยู่บนเตียงเตา นางถอดรองเท้าออก กำลังจะก้าวขึ้นไปบนเตียงเตา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าสวีฉางหลินยกน้ำร้อนอ่างหนึ่งเข้ามาวางไว้ข้างเตียงเตา จับขาของนางแช่ลงไปในอ่างน้ำ
“ทำไมท่านจึงดูอารมณ์ดีขนาดนี้”โจวกุ้ยหลานปล่อยให้เขาทำไป และพูดด้วยรอยยิ้ม
ด้วยการกระทำของเขา โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดในคืนนี้ได้ไกลห่างจากนั้นไปแล้ว
สวีฉางหลินจับเท้าที่เย็นเฉียบของภรรยาตนเอง วักน้ำร้อนรดไปบนหลังเท้าของนาง “ข้าก็อารมณ์ดีตลอด”
“ชิ เวลาที่เจ้าทำตัวน่ารำคาญก็มีไม่น้อย ทำให้ข้ารู้สึกมันเขี้ยวซะจริงเชียว”โจวกุ้ยหลานพูด นึกถึงเรื่องที่เขาพูดว่านางขี้เหร่ ในใจก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
“ทำไมจึงรำคาญข้า”สวีฉางหลินรู้สึกร้อนใจขึ้นมา ใบหน้ายังคงมีแต่ความเรียบเฉย
“มีมากเลยล่ะ อย่างเช่นท่านรังเกียจที่ข้าขี้เหร่ ยังมีคำพูดต่างๆที่ไม่น่าฟังอีก……”โจวกุ้ยหลานนับนิ้วมือของตนเอง
สวีฉางหลินรับฟังทีละเรื่อง ยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้สึกนิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว
เมียของเขาไม่พอใจเขามากมายขนาดนี้ นี่นางไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเขาแล้วหรือ
เมื่อคิดว่าอาจเป็นเช่นนั้น แรงบีบที่มือก็เพิ่มมากขึ้น โจวกุ้ยหลานรู้สึกเจ็บ
“ท่านดูสิ ท่านยังชอบทำให้ข้าเจ็บอีกด้วย”โจวกุ้ยหลานบ่นขึ้นมา
สวีฉางหลินรีบปล่อยมือทันที แต่สุดท้ายก็รู้สึกเสียดายที่จะปล่อยเท้าของภรรยาตนเอง ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดจา
“แม้ว่าท่านจะหน้าตาดี และปฏิบัติต่อข้าไม่เลว แต่ท่านก็มีจุดที่ไม่ดีอีกมากมาย”โจวกุ้ยหลานพูด ในใจก็อดที่จะนึกถึงเถ้าแก่เฉียนขึ้นมาไม่ได้ และรู้สึกตกใจ รีบส่ายหน้าทันที
สวีฉางหลินของนางดีกว่าเถ้าแก่เฉียนหลายร้อยเท่านัก โจวชิวเซียงทำไมจึงมีสายตาเช่นนั้น ดันไปชอบคนแก่แบบนั้นเข้า
“ข้าสามารถแก้ไขได้”สวีฉางหลินพูด
ครั้งนี้กลับเป็นโจวกุ้ยหลานที่พูดไม่ออก
นั่นล้วนเป็นนิสัยของเขา และไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรเลย มีอะไรต้องแก้ไขด้วยเล่า
แต่ในเมื่อจะแก้ไข ก็มีบางจุดสามารถแก้ไขได้อยู่ อย่างเช่น
โจวกุ้ยหลานพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ เปิดปากเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องที่ท่านบอกว่าข้าขี้เหร่ข้ารู้สึกไม่พอใจเลย เรื่องนี้ท่านต้องแก้ไข เช่นนั้นหลังจากนี้ท่านต้องบอกว่าข้าสวยที่สุด”
“ข้าสวยที่สุด”สวีฉางหลินตอบรับอย่างจนใจ
เขาไม่ชอบให้คนอื่นบอกว่าเขาสวย เขาเป็นผู้ชาย จะสวยไปทำไม
มุมปากของโจวกุ้ยหลานกระตุกขึ้นมา “ข้า ข้าสวยมาก”
“ข้าสวยมาก”สวีฉางหลินยังคงพูดต่อ
โจวกุ้ยหลานหรี่ตาลง “นี่ท่านจงใจใช่หรือไม่”
สวีฉางหลินเงยหน้าขึ้นมามองนาง ไม่ได้พูดอะไร มือยังคงนวดอยู่ที่เท้าของนาง ทำเอาโจวกุ้ยหลานรู้สึกคันยิบๆที่เท้าขึ้นมา
นางยกมือขึ้นจะตบไปที่มือของเขา น้ำเสียงแฝงไปด้วยแววข่มขู่ “พูดจาดีๆ อย่าลงไม้ลงมือกัน”
สวีฉางหลินรับรู้ถึงความอุ่นร้อนที่มือ และสัมผัสถึงความนุ่มลื่นนั่น เหมือนมีขนนกปั่นอยู่ในใจ คันยิบๆอยากจะเลื้อยขึ้นไปด้านบน
“ท่านต้องบอกว่า ข้าสวยมาก”โจวกุ้ยหลานเน้นย้ำ
ผู้ชายคนนี้มักจะบอกว่านางขี้เหร่มาก เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกฝังใจมาก หากไม่พูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน ก็ไม่สามารถพูดเรื่องอื่นได้
สวีฉางหลินนิ่งเงียบ เอามือทั้งสองข้างของภรรยามาวางไว้ในอ่างไม้ น้ำร้อนท่วมไปจนถึงหลังเท้าของโจวกุ้ยหลิน นางรู้สึกแค่ว่าร่างกายอบอุ่นขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนนี้ใช้วิธีอ้อมค้อมอีกแล้ว อยู่กันแค่สองคนเท่านั้น เขาก็ไม่ยินดีจะง้อนางเลย
โจวกุ้ยหลานทำปากยื่น กำลังจะพูดบางอย่าง ก็รู้สึกว่ามือใหญ่ของสวีฉางหลินกำลังลูบไล้ไปมาอยู่บนขาของนางแล้ว หนังตาของนางกระตุก รู้ว่าในใจของสวีฉางหลินกำลังคิดอะไรอยู่ หัวใจก็กระตุกวูบทันที
สวีฉางหลินค่อยๆเลื่อนมือเข้าไปในกางเกงผ้าฝ้ายของนาง ค่อยๆลูบไล้ต้นขาของนาง
มีเสื้อผ้าหนากั้นขวางอยู่ และอยู่ในความมืด แต่โจวกุ้ยหลายรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ได้อย่างชัดเจน
ในบรรยากาศที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงหายใจแรงของสวีฉางหลินเท่านั้น โจวกุ้ยหลานรู้สึกแค่ว่ามือนั้นเหมือนมีเวทมนตร์ ไม่ว่าจะเคลื่อนไปที่ใด ที่นั่นก็เหมือนจะมีไฟลุกโชนขึ้นมา ทำให้นางไม่สามารถควบคุมตนเองได้
วินาทีต่อมา นางก็ถูกผลักให้นอนลงบนเตียงเตาอย่างแรง แผ่นหลังถูกปะทะจนนางรู้สึกมึนงง วินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งของสวีฉางหลินได้กดไหล่ข้างหนึ่งของนางเอาไว้แน่น ราวกับจะกดทับให้กระดูกของนางแตกละเอียด
ลมหายใจร้อนระอุเป่ารดที่ใบหน้าของนาง ทำให้หัวใจของนางเต้นเร็วมากขึ้น
วินาทีต่อมา ริมฝีปากของสวีฉางหลินก็ประทับลงมา บดขยี้ริมฝีปากของนางอย่างรุนแรง
ฉวยโอกาสตอนที่นางไม่ทันระวัง ลิ้นของเขาก็เข้ายึดครองปากของนาง นางไม่มีแม้แต่โอกาสได้หายใจ ได้แต่นำพาลิ้นของนางพลิกไปมาตามอำเภอใจ แย่งชิงทุกอณูอากาศในปากของนางไปจนหมด
โจวกุ้ยหลานรู้สึกแค่ว่าตนเองจะขาดอากาศตายแล้ว ทรวงอกราวกับจะระเบิดออกมา ยื่นมือออกไปจะผลักสวีฉางหลินออก แต่ข้อมือของนางกลับถูกสวีฉางหลินคว้าเอาไว้ กดไว้บนเตียงอย่างแรง ไม่ให้นางเหลือพื้นที่ในการดิ้นรนเลยแม้แต่น้อย
มืออีกข้างหนึ่งยกขาข้างขวาของนางขึ้น งอเข่าวางไว้บนหน้าท้องนาง ร่างของเขาทับโถมเข้าหานาง นิ้วเรียวของเขาลูบไล้ขาที่นุ่มลื่นเลื่อนขึ้นไปด้านบน ผ่านหัวเข่าแล้วเลื่อนไปยังต้นขาของนาง
กางเกงที่หลวมนั้นไม่สามารถขวางกั้นการจู่โจมของเขาได้เลย ขาของโจวกุ้ยหลานรู้สึกชาขึ้นมาเป็นระลอก รู้สึกแค่ว่าตนเองกำลังจะถูกสวีฉางหลินบดขยี้จนแหลกลาญอย่างไรอย่างนั้น
ร่างกายร้อนระอุขึ้นมา นางเหมือนกับปลาที่ไม่ได้อยู่ในน้ำ รับรู้ถึงความท้อแท้สิ้นหวังที่ผุดขึ้นเป็นระลอก
วินาทีต่อมา บริเวณหน้าท้องมีความร้อนสายหนึ่งกรูขึ้นมา นางได้สติขึ้นมาในชั่วพริบตา ศีรษะเอียงไปทางด้านข้าง สวีฉางหลินไม่เว้นช่องว่างให้นางได้หนีเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าคืนนี้ต้องจับนางถลกหนังกลืนกินเข้าไปทั้งตัวให้จงได้
นี่……ผู้ชายคนนี้ ……หยาบคายเกินไปแล้ว
โจวกุ้ยหลายดิ้นรนสุดแรง พยายามหนีจากริมฝีปากของเขา เพื่อลมหายใจ รีบสูดลมหายใจเข้าออกทันที
เพียงครู่เดียวเท่านั้น นางก็รู้สึกว่าตนเองจะตายแล้ว
ริมฝีปากของสวีฉางหลินได้เคลื่อนมาถึงใต้คางของนางแล้ว โจวกุ้ยหลานรีบร้องขึ้นว่า “ข้ามีประจำเดือน”
ร่างของชายหนุ่มแข็งทื่อไปทันที เงยหน้าขึ้นมองภรรยาของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“ข้ามีประจำเดือน เพิ่งมา ท่านอย่าทำต่อเลย”ระหว่างที่โจวกุ้ยหลานพูด ปากก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ไปด้วย
สวรรค์ ถ้าหากนางได้สติช้าไปกว่านี้อีกนิดเดียว เกรงว่าเมื่อครู่นางคงจะขาดอากาศตายแน่