นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 210 ต่อรองราคา
“ทำไมพวกท่านจึงขายข้า ข้าไม่ไป พี่กุ้ยหลานบอกว่าจะพาข้าไปอยู่ที่บ้านใหม่ของนางด้วย ข้าไม่ไป”
หลิวเซียงดิ้นรนอย่างลนลานพลางตะโกนเสียงดัง
นางรู้จักแม่ค้ามนุษย์พวกคนนี้ เมื่อก่อนแม่นางเคยบอกว่า ล้วนเป็นคนโหดเหี้ยมและโลภมาก มีผู้หญิงบางคนถูกนำไปขายในหอนางโลม ที่ดีหน่อยก็ถูกขายไปเป็นบ่าวในบ้านของคนรวย แต่คนเหล่านั้นมักจะถูกทำร้ายจนตายอยู่บ่อยๆ
“เด็กสาวคนนี้ขายในราคาหกตำลึงไม่ได้ แม้ข้าจะเอานางไปขาย ก็คงขายได้แค่ห้าตำลึงเท่านั้น ท่านดูสารรูปของนางซิ ธรรมดาทั่วไป รูปร่างก็ไม่มีอะไรโดดเด่น”
แม่ค้ามนุษย์มองหลิวเซียง ส่ายหัวพลางจับผิด
“แล้วยังมีนิสัยของนางอีก ไม่ดีเลยสักนิด คนตระกูลใหญ่ก็คงไม่มีทางซื้อ คงขายไม่ได้ราคาแน่”
ทำไมจึงรู้สึกว่าแม่ค้ามนุษย์คนนี้ต่อรองราคาได้โหดจริงๆ
เหล่าไท่ไท่หนังตากระตุกขึ้นมาอย่างโมโห พบคู่ต่อสู้ที่สูสีเข้าแล้ว
จึงเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ข้าเสียเงินซื้อนางกลับมาในราคาห้าตำลึง ช่วงที่ผ่านมาก็เลี้ยงดูนางอย่างดี เจ้าดูนี่ตอนนี้นางก็เริ่มอ้วนขึ้นมาแล้ว ดูแล้วก็เหมือนจะนำโชคมาให้ไม่ใช่หรือ อย่างไรก็ต้องขายได้มากกว่าห้าตำลึงแน่”
“โธ่ ก็แค่บ่าวคนหนึ่งท่านจะเลี้ยงดูอย่างดีทำไม ดูซิท่านเลี้ยงดูจนนางเคยตัว คนที่ไม่รู้คงคิดว่าข้าซื้อตัวคุณหนูกลับไปด้วยซ้ำ อย่างไรก็ต้องถูกสั่งสอน ท่านคอยดูนะ”
แม่ค้ามนุษย์คนนั้นพูดจบ มือก็ตบไปที่แผ่นหลังหนึ่งที หลิวเซียงที่เมื่อครู่ยังดิ้นรนอยู่ก็ตัวอ่อนยวบลงไปทันที แม้แต่เสียงที่ร้องตะโกนก็เบาลงไปไม่น้อย
เหล่าไท่ไท่มองอย่างประหลาดใจ พูดขึ้นอย่างรู้สึกทึ่ง “น้องสาวช่างมีความสามารถจริงๆ แค่ตีทีเดียวก็ควบคุมนางเด็กคนนี้ได้แล้ว”
“แน่นอน มีคนผ่านมือข้ามาตั้งเท่าไหร่แล้ว”แม่ค้ามนุษย์ไม่ถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย
หลิงเซียงที่ตัวอ่อนปวกเปียกรู้สึกปวดไปทั้งตัว และไม่มีแรงเลย ในใจทั้งรู้สึกกลัวทั้งสิ้นหวัง น้ำตาไหลพรากออกมา “ข้าไม่ขายตัว ข้าไม่ไป ข้าจะขึ้นเขาไปกับพี่กุ้ยหลาน”
แม่ค้ามนุษย์คนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว แค่ฝ่ามือเมื่อครู่นางก็อยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้แล้ว ถ้าหากต้องตกไปอยู่ในมือนางจริงๆ เกรงว่าภายหน้าคงมีความลำบากมากมายรอนางอยู่อย่างแน่นอน
ไม่ได้ นางจะรอต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ วันหน้านางยังต้องแต่งงานกับสวีฉางหลินนะ
เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็พยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี ร้องตะโกนไปทางห้องของโจวกุ้ยหลาน “พี่กุ้ยหลานช่วยข้าด้วย ท่านบอกว่าจะพาข้าขึ้นเขาด้วยไม่ใช่หรือ”
“ยังจะตะโกนอีก นางเด็กคนนี้คงอยากจะถูกสั่งสอนจริงๆ”แม่ค้ามนุษย์รู้สึกหมดความอดทนแล้ว ฟาดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าของหลิวเซียง ทำเอาหลิวเซียงนิ่งอึ้งไป
“โอ้โฮ น้องสาวช่างร้ายกาจจริงๆ ”เหล่าไท่ไท่เห็นแล้ว ก็อุทานออกมาประโยคหนึ่ง
เมื่อแม่ค้ามนุษย์เห็นว่าหลิวเซียงเงียบแล้ว ก็ล้วงเอาม้วนผ้าออกมาจากตัว จับตัวหลิวเซียงที่ยังคงดิ้นรนอยู่ ยัดม้วนผ้านั้นเข้าไปในปากของหลิวเซียงทันที หลิวเซียงอยากจะตะโกนอีกครั้ง แต่ก็มีแค่เสียงอู้อี้เปล่งออกมาเท่านั้น
“พี่สาว ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมกับท่านแล้ว ท่านดูนางเด็กคนนี้สิเขียวเป็นจ้ำม่วงเป็นจ้ำเต็มไปหมด สารรูปดูไม่ได้ รูปร่างก็ไม่ดี อายุก็มากแล้ว มากสุดข้าให้ได้แค่สองตำลึงเท่านั้น”
“ว่าไงนะ สองตำลึง ไม่ได้ มันน้อยเกินไป”เหล่าไท่ไท่ปฏิเสธทันที
ลูกสาวของนางซื้อหญิงสาวคนนี้กลับมาในราคาห้าตำลึงเชียวนะ
แม่ค้ามนุษย์ส่ายหน้า “ไม่น้อยแล้ว เด็กคนนี้ดูอย่างไรก็อายุยี่สิบแล้ว แม้แต่หอนางโลมที่ดีหน่อยก็ยังไม่เอา พวกตระกูลร่ำรวยก็คงไม่เอาเช่นกัน ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ ดีไม่ดีอาจจะต้องขาดทุนก็ได้ มากสุดสองตำลึง ถ้าหากท่านไม่ขาย เช่นนั้นข้าก็ไม่ซื้อ”
เมื่อได้ยินว่านางจะไม่รับซื้อ หลิวเซียงก็รู้สึกลิงโลดขึ้นมาในใจ
ถ้าไม่ซื้อก็ดี นางจะได้ใช้ชีวิตที่ดีต่อไปเรื่อยๆ
แต่เหล่าไท่ไท่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พอใจ ฉีกยิ้มออกมา พูดกับแม่ค้ามนุษย์ว่า “น้องสาว เจ้าดูเด็กสาวคนนี้ สารรูปก็ยังดูดีอยู่ ที่เห็นนั่นเป็นเพราะถูกข้าตีสั่งสอน ใบหน้านางก็เลยบวมจนดูไม่ดี เจ้าดูซิอย่างไรเสียก็ยังสามารถให้กำเนิดลูกได้ ต้องมีคนอยากได้แน่ๆ เจ้าก็เลี้ยงดูนางสักหน่อย รอให้หน้าหายดีแล้ว ค่อยขายก็ได้นี่นา”
แม่ค้ามนุษย์ส่ายหน้าติดๆกัน “พวกท่านเลี้ยงนางบ่าวคนนี้ดีเกินไปแล้ว ข้ายังต้องเสียเวลามาสั่งสอนอีก เด็กคนนี้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอะไร ข้าให้ได้แค่สองตำลึงเท่านั้น ”
โจวกุ้ยหลานฟังเสียงสนทนาของทั้งสองคนอยู่ในห้อง ในใจรู้สึกพอใจมาก
ต่อรองราคาต่อหน้าหลิวเซียงเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าหลิวเซียงคิดอย่างไร แม้ว่าหลิวเซียงจะนับไม่ได้ว่าเป็นคนสวย แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่พอได้ยินแม่ค้ามนุษย์พูดแล้วกลับฟังดูแย่มาก แย่จนแทบจะไม่เหลือค่าแม้แต่อีแปะเดียว
“เด็กคนนี้ทำงานนับว่าคล่องแคล่วทีเดียว เจ้าให้นางออกไปทำงานทั้งวันก็น่าจะหาเงินได้ไม่น้อย ข้าก็ไม่อยากจะพูดมากแล้ว สี่ตำลึง น้อยกว่านี้ก็ไม่ขายขาดทุนมากไปแล้ว”
“พี่สาว สี่ตำลึงข้าก็ไม่สามารถซื้อได้เหมือนกัน เอาอย่างนี้ เราทั้งสองคนต่างก็ถอยกันคนละก้าว สองตำลึงแล้วกัน ถ้าท่านขาย ข้าก็จะพานางไปเลย ถ้าไม่ขาย ข้าก็จนปัญญาแล้ว”
“โธ่เจ้าดูผ้านวมผืนนี้ นี่เป็นผ้านวมใหม่ที่บ้านข้าเพิ่งจะทำใหม่ปีนี้เอง ยังมีเสื้อผ้าในนี้อีก ล้วนเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่ข้าทำให้นาง พวกนี้ต่างก็ให้นางเอาไปด้วย ไม่พูดถึงตัวนาง ลำพังแค่ของที่นางเอาไปด้วยก็ไม่ต่ำกว่าสองตำลึงแล้ว สี่ตำลึง เจ้าเอาของพวกนี้ไปด้วยได้เลย”
เหล่าไท่ไท่ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว
แค่สี่ตำลึงก็ขาดทุนไปไม่น้อยแล้ว
แม่ค้ามนุษย์คนนั้นมองดูสิ่งของต่างๆแล้วก็ดูไม่เลว สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร ล้วงเอาเงินสี่ตำลึงออกมามอบให้กับเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่ไปเอาเชือกออกมาจากห้อง ช่วยแม่ค้ามนุษย์ผูกหลิวเซีองเอาไว้ แม่ค้ามนุษย์คนนนั้นลากตัวหลิวเซียงเดินออกไปข้างนอกทันที
หลิวเซียงดิ้นรนอย่างรุนแรง อยากจะหนีให้พ้น แม่ค้ามนุษย์โมโหจนใช้เท้าเตะท้องของนาง และเหยียบท้องของนางเอาไว้ ทำให้หลิวเซียงสงบลงทันที พลางก่นด่า พลางผลักนางขึ้นไปบนเกวียนที่จอดรออยู่นอกบ้านตระกูลโจว สั่งการชายขับเกวียนคนนั้นเสียงหนึ่ง เกวียนเล่มนั้นก็พาพวกหลิวเซียงจากไปทันที
ข้างนอกไม่มีเสียงเอะอะแล้ว โจวกุ้ยหลานจึงเดินออกมา
เหล่าไท่ไท่นั่งอยู่ที่โต๊ะ เอาผ้ามาผืนหนึ่งค่อยๆเช็ดเงินที่ได้มา ท่าทีเช่นนั้น เหมือนเศรษฐีบ้านนอกมาก
“ท่านแม่ เงินนี่ท่านต้องให้ข้านะ”โจวกุ้ยหลานพูด พลางพาเจ้าก้อนน้อยเดินเข้าไปหา
เหล่าไท่ไท่เหลือบมองโจวกุ้ยหลานแวบหนึ่ง บ่นพึมพำว่า “ข้ารู้ว่าเป็นเงินของเจ้า จึงได้เช็ดให้สะอาดอยู่นี่ไงเล่า”
ว่าแล้ว ก็เอาผ้าห่อเงินเอาไว้อย่างดี ยื่นไปยังอีกฝั่งของโต๊ะ เป็นสัญญาณให้โจวกุ้ยหลานเอาไปเอง
โจวกุ้ยหลานนั่งลง จากนั้นก็เปิดผ้าที่ห่อเงินออก มองดู อืม เหล่าไท่ไท่เช็ดได้สะอาดจริงๆ
“ทำไม กลัวว่าข้าจะให้ไม่ครบหรือ ขายได้สี่ตำลึง เจ้าก็เก็บไว้ให้ดีแล้วกัน”
“พวกเสื้อผ้ากับผ้านวมข้าล้วนไม่คิดเงิน ยังขาดอีกหนึ่งตำลึง ท่านอย่าลืมให้ท่านพี่เอามาคืนข้าด้วย”โจวกุ้ยหลานพูด แล้วก็เอาเงินที่ถูกห่อด้วยผ้าเก็บไว้ในกระเป๋าหน้าอก
เหล่าไท่ไท่ได้ยินดังนั้น ก็ถลึงตาขึ้นมาทันที “ว่าไงนะ เงินหนึ่งตำลึงนั่นยังจะให้พี่เจ้าใช้คืนอีกหรือ เจ้าเป็นคนซื้อหลิวเซียงกลับมาเองมิใช่หรือไง”
“ท่านแม้ ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวเซียงไปมีความสัมพันธ์กับท่านพี่ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านพี่ต้องการจะแต่งงานกับหลิวเซียง ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องขายนาง ท่านดูซิ หลิวเซียงถูกขายไปข้าเองก็ขาดทุนไปหนึ่งตำลึง ไม่เท่ากับพี่ข้าติดค้างข้าหรอกหรือ”
โจวกุ้ยหลานในตอนนี้ไม่ยอมถอยให้แม้แต่ตำลึงเดียว ต้องทวงคืนมาให้ได้
การขาดทุนครั้งนี้จะให้นางเป็นคนแบกรับได้อย่างไร
หนังตาของเหล่าไท่ไท่กระตุกอย่างรุนแรง แรงจนแทบจะเรียกได้ว่าสั่นระริกทีเดียว
“ลูกสาวข้า พี่ชายเจ้ามีเงินที่ฝากไว้กับข้ารวมกันแล้วก็ไม่มาก เมียก็ยังไม่ได้แต่ง ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่ควรเอาเงินของเขาไม่ใช่หรือ อีกอย่างเจ้าเองก็มีเงิน สร้างบ้านหลังนั้นเสร็จแล้ว อย่างไรเสียก็น่าจะยังเหลืออยู่สักสองสามตำลึงกระมัง”