นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 215 แลกเปลี่ยนสินค้า 2
“ทำไมเอามาเยอะแบบนี้?”
โจวกุ้ยหลานพูดพลาง รีบเข้าไปช่วยเอาของวางลงบนพื้น และช่วยสวีฉางหลินปัดหิมะบนตัวออก
“นางให้ข้าเอามา บอกว่าหักค่ากระดูกหมูกับเครื่องในหมูพวกนั้น” สวีฉางหลินพูดพลาง ถอดเสื้อบุนวมออกไปพลาง
“ป้าหวูก็เกรงใจเกินไป” โจวกุ้ยหลินพูดพลางช่วยสวีฉางหลินนำของไปวางไว้ในห้องโถง
ของเหล่านี้ถ้าจะซื้อก็ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะ นางจะเอาเปรียบแบบนี้ได้ยังไง?
“พรุ่งนี้ค่อยเอาเงินไปให้พวกเขาแล้วกัน จริงสิ ลูกสะใภ้นางเป็นยังไงบ้าง?” โจวกุ้ยหลานถาม
สวีฉางหลินคิดอยู่สักครู่ก็ส่ายหน้า “ยังไอออกมาเป็นเลือดอยู่”
เรื่องนี้ ….เกรงว่าจะยากซะแล้ว
เมื่อเห็นป้าหวูน่าสงสารแบบนี้ โจวกุ้ยหลานก็ส่ายหน้า และก็ปล่อยวาง
แต่เรื่องพวกนี้ก็เกิดขึ้นไม่น้อย นางเองก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ไว้รอฤดูใบไม้ผลิพวกเรามาขุดห้องใต้ดินกันเถอะ อนาคตพวกเราจะได้ซื้ออาหารมาเก็บตุนไว้ในห้องใต้ดิน จะได้ไม่เหมือนปีนี้ที่ต้องขาดแคลนอาหาร” โจวกุ้ยหลานพูดสิ่งที่คิดเอาไว้ออกมา
“พวกเรายังมีอีกห้าตำลึง ถ้าจะทำห้องใต้ดินก็ยังพอได้อยู่นะ” โจวกุ้ยหลานคิด
สวีฉางหลินจับมือของโจวกุ้ยหลาน ยังเย็นจนแข็งอยู่ เลยช่วยเขาถูมือ “เก็บเงินไว้เถอะ ข้าขุดเอง”
พูดพลาง ก็เอามือของโจวกุ้ยหลานขึ้นมาอังที่ปาก และพ่นลมอุ่นๆ ออกมา จากนั้นก็ช่วยนางถูมือ
เก็บเงินเอาไว้หาหมอมาช่วยรักษาภรรยา
“ก็ได้ พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ บ่ายๆ พวกเราค่อยเอาเนื้อมาหมัก” โจวกุ้ยหลานบอก รู้สึกว่ามือของตนเริ่มอุ่นขึ้นบ้างแล้ว จึงดึงมือกลับมา และจูงสวีฉางหลินเดินไปทางห้องครัว
ดื่มน้ำซุปร้อนๆ สักหน่อย โจวกุ้ยหลานก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
ช่างสบายอะไรแบบนี้ อุ่นไปทั้งตัวเลย!
เจ้าก้อนน้อยกินข้าวไปครึ่งชาม พุงน้อยๆ ก็โปนขึ้นมา
สามคนพ่อแม่ลูกดื่มน้ำซุปจนหมด
ช่วงบ่ายทั้งสามคนก็เริ่มเอาเนื้อมาหมักกัน ตอนนี้ไม่มีแสงอาทิตย์ มีแต่ลมหิมะ พวกเขาไม่มีวิธีที่จะทำให้เนื้อแห้งได้ สุดท้ายโจวกุ้ยหลานก็ไม่รู้จะทำยังไงดี สวีฉางหลินออกความเห็นว่าให้ขุดห้องใต้ดินหิมะที่ลาน และเอาเนื้อฝังไว้ในหิมะ โจวกุ้ยหลานเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยลงมือทำตามนั้นทันที
ทั้งครอบครัวทำงานร่วมกันอย่างคึกคัก
ระหว่างนั้นก็ได้ยินคนมาเคาะประตู สวีฉางหลินเปิดประตูออก และพาพี่สะใภ้ซิ่วเหลียนเข้ามา
“กุ้ยหลานกำลังทำเนื้อหมักอยู่หรือ?”
ซิ่วเหลียนพูดพลาง ก็เดินเข้ามามองดูสิ่งที่โจวกุ้ยหลานทำอยู่
โจวกุ้ยหลานยิ้มและตอบว่า “ใช่ค่ะ พอดีฆ่าหมูไปตัวหนึ่ง เนื้อมันเยอะ เลยเอามาหมักไว้บ้าง”
“ไอหยา ขายให้ข้าสักหน่อยเถอะ ข้าได้ยินมาว่าบ้านเจ้าซื้อหมูไว้หลายตัว เลยตั้งใจจะมาหา”
โจวกุ้ยหลานไม่รู้จะพูดอะไร หิมะตกหนักขนาดนี้ ทำไมคนพวกนี้ยังกระจายข่าวได้อยู่อีกนะ? ทุกคนควรอยู่แต่ในบ้านเฉยๆ ไม่ใช่หรือ?
ในใจคิดแบบนั้น แต่ใบหน้ากลับยิ้มและต้อนรับซิ่วเหลียนเข้าบ้าน รินน้ำให้กับอาสะใภ้ให้ร่างกายอบอุ่น สวีฉางหลินกลายเป็นคนเอาเนื้อไปฝังอยู่ด้านนอกแทน
“อาสะใภ้ บ้านพวกท่านมีเนื้อเหลือเฟือเลยไม่ใช่หรือ?” โจวกุ้ยหลานรู้สึกแปลกใจ เมื่อตอนวันสุกดิบตรุษจีนนางส่งเนื้อไปให้แล้ว เนื้อของบ้านหวังโหยวเกินน่าจะใช้ได้ถึงตรุษจีนเลยด้วยซ้ำ
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของซิ่วเหลียนก็เต็มไปด้วยความสุขที่ไม่สามารถซ่อนได้ “ถ้าเป็นเมื่อปีที่แล้ว ก็คงจะพออยู่แหละ แต่หลายวันมานี้สะใภ้ใหญ่อาเจียนหนักมาก คิดว่าน่าจะตั้งครรภ์ ข้าเลยต้องใช้เนื้อใช้ผักทำอาหารให้นางกิน เลยคิดว่าปีนี้ เนื้อคงไม่พอถึงตรุษจีนเสียแล้ว ข้าเลยอยากจะซื้อเนื้อจากเจ้าไปบำรุงนางสักหน่อย ปีหน้าจะได้ให้กำเนิดเด็กอ้วนๆ ให้ข้า!”
ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง
โจวกุ้ยหลานพูดคุยอยู่อีกสองสามประโยค แล้วก็เข้าไปเอาเนื้อในบ้านที่ตัวเองเก็บไว้กินเองให้นางไปซิ่วเหลียนไปสองจิน ซิ่วเหลียนกลับรู้สึกว่ายังไม่พอ อยากจะเอาเนื้อของโจวกุ้ยหลานที่เหลือกลับไปทั้งหมด
“ต้องใช้เยอะขนาดนี้เลยหรือ?” โจวกุ้ยหลานตกใจ
“บ้านข้ามีผู้ชายอยู่หลายคน ถ้าให้แต่ลูกสะใภ้ใหญ่กินเนื้อคนเดียวแล้วให้พวกเขานั่งมองก็คงไม่ได้ ปีนี้นับว่าพวกเขาเองก็หาเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ต้องให้พวกเขาฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข!” ซิ่วเหลียนพูดด้วยสีหน้าที่มีความสุข
โจวกุ้ยหลานคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอาเนื้อทั้งหมดให้ซิ่วเหลียนไป “พี่สะใภ้ ข้าไม่มีตะกร้าให้ท่านใส่กลับไป งั้นท่านเอาไปก่อนหนึ่งจิน แล้ววันหลังค่อยว่ากันดีไหม?”
“ไม่เป็นไร ข้าเอาตะกร้ามา แต่กลัวว่าบ้านเจ้าเองจะไม่มีเนื้อ ข้าก็ไม่กล้าที่จะเอาเข้ามา” พูดพลาง ซิ่วเหลียนก็ยกขาจะเดินกลับ
โจวกุ้ยหลานอดไม่ไหวที่จะถอนใจอีกครั้ง เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน
สักพัก ซิ่วเหลียนก็ถือตะกร้าเข้ามา และเอาเนื้อทั้งหมดที่เหลืออยู่กลับไป และให้เงินกับโจวกุ้ยหลานทั้งหมดหนึ่งร้อยอีแปะ
โจวกุ้ยหลานเองไม่รับเงินมากขนาดนี้ เลยคืนสามสิบอีแปะให้กลับไป “อาสะใภ้ซิ่วเหลียน ข้าเองก็ไม่ได้ขายเนื้อ คิดแค่จินละเจ็ดตำลึงก็พอ ที่นี่ก็ไม่มีตาชั่ง งั้นก็คิดสิบจินแล้วกัน ที่เหลือท่านก็เอากลับไปเถอะ”
“ไอหยา กุ้ยหลานเจ้าเกรงใจเกินไปแล้ว งั้นข้าเอาไปเลยนะ?” อาสะใภ้ซิ่วเหลียนพูดและยิ้มตาหยี และรับเอาสามสิบอีแปะที่เหลือกลับมา และเดินถือตะกร้าที่ใส่เนื้อเดินกลับไปอย่างมีความสุข
ถ้าไปซื้อเนื้อในตำบล จินหนึ่งก็สิบกว่าอีแปะแล้ว!
พอนางเดินกลับไป โจวกุ้ยหลานคิดแล้วคิดอีกแล้วให้สวีฉางหลินเอาเนื้อที่จะฝังออกมาจำนวนหนึ่ง เพื่อเตรียมไว้ค่อยๆ กินฉลองตรุษจีน
ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ในหมู่บ้านไปตั้งแต่เมื่อไร ตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างรู้กันหมดแล้ว ในช่างบ่ายมีอีกหลายครอบครัวมาเพื่อขอแบ่งเนื้อกัน ซื้อไปครอบครัวละสองสามจิน เนื้อที่พวกเขาเอาออกมาขายจวนจะหมดแล้ว
บรรดาพี่สะใภ้และคุณยายหยิบเนื้อพลาง พูดพลางว่าพวกเขาไม่มีที่ซื้อเนื้อ โจวกุ้ยหลานขายถูก ก็เลยมาซื้อที่นี่
“กุ้ยหลาน หรือว่าเจ้าขายเนื้อที่บ้านดีไหม พวกข้าที่นี่ก็ไม่มีเนื้อกินแล้วสิ! จะว่าไปเจ้าขายถูกแบบนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ก็สบาย ให้พวกข้าได้อาศัยบารมีเจ้าบ้างเถอะ?”
พี่สะใภ้คนหนึ่งพูดติดตลกขึ้นมา
โจวกุ้ยหลานยิ้มและตอบไปสองสามประโยค สุดท้ายก็คิดว่าเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เมื่อคนกลับไปกันหมด โจวกุ้ยหลานก็ปรึกษากับสวีฉางหลินถึงเรื่องนี้กัน
“พวกเราไปซื้อของในตำบลไม่ได้ บ้านอื่นก็เหมือนกัน ไม่งั้นพวกเราฆ่าหมูพวกนี้เสียให้หมด อีกสองวันก็จะฉลองตรุษจีนแล้ว เอาเนื้อมาขายออกไปให้หมด แล้วให้พวกเขาเอาพวกข้าวสารหรือผักอะไรมาแลก เจ้าเห็นว่าเป็นไงบ้าง?”
“ตกลง” สวีฉางหลินตอบ
พูดแล้วก็ทำเลย โจวกุ้ยหลานใส่หมวกของตน และลงเขาไปพร้อมกับไม้ค้ำยันเพื่อไปเรียกคน สวีฉางหลินอยู่บ้านฆ่าหมู ยังมีอีกสองตัว ยังไงก็พออยู่แล้ว
เดินตามรอยเท้าของคนพวกนั้นไปทำให้ประหยัดแรงได้ไม่น้อย
โจวกุ้ยหลานลงเขาไปบ้านของเหล่าไท่ไท่ก่อน พอเข้าประตูไป ก็เจอกับโจวต้าไห่นั่งสานตะกร้าอยู่ในห้อง ส่วนเหล่าไท่ไท่กำลังทำหมวกอยู่
หลังจากที่ได้ฟังความคิดขอลูกชายตัวเองและสวีฉางหลินแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็เห็นด้วยความคิดนี้เช่นเดียวกัน
“แบบนี้ก็ดี อาหารที่บ้านพวกเราก็ไม่พอที่จะแบ่งให้กับครอบครัวเจ้า ไม่งั้นเจ้าก็ซื้อจากในหมู่บ้าน ข้าว่าลมหิมะอาจจะอยู่แบบนี้อีกสิบวันหรือไม่ก็ครึ่งเดือนเลย” เหล่าไท่ไท่พูด
ในบ้านของนางก็มีอาหารไม่เยอะแล้ว เป็นเงินที่บุตรสาวซื้อมา และกลัวว่าจะซื้อไม่ได้แล้วด้วย