นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 216 แลกสิ่งของ 1
“งั้นเจ้ากับพี่ชายข้าก็ไปช่วยข้า ถ้ามีคนอยากขายหมูก็ดี ข้าคิดสี่อีแปะเก็บหนึ่งจิน ขายเจ็ดอีแปะเก็บหนึ่งจิน”
เหล่าไท่ไท่ฟังอย่างขมวดคิ้ว “แล้วเจ้าจะไม่ขาดทุนหรือ? ยังมีเลือดหมู เครื่องในหมู กระดูกหมูอีก พวกนี้ไม่เบาเลยนะ เจ้าเองก็ขายไม่ได้ราคาหรอก”
“ไม่ขาดทุนหรอก ในหมู่บ้านต้องมีคนจนที่อยากกินน้ำซุปกระดูกหมู ข้าไม่พูดอะไรมากล่ะ ให้พวกเขาเอาอาหารหัวผักกาดหัวไชเท้ามาแลกเอาแล้วกัน”
โจวกุ้ยหลานคิดดีแล้ว นางเองก็ไม่ได้อยากหาเงินทางนี้ แค่อยากเก็บตุนอาหารเฉยๆ
“ตกลง แม่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกสักสองสามบ้าน ไม่นานหรอกเดี๋ยวคนทั้งหมู่บ้านก็จะรู้กันหมดแล้ว”
พูดพลาง เหล่าไท่ไท่ก็ดับไฟ และสวมรองเท้าของตัวเอง
เมื่อเห็นดังนั้นโจวกุ้ยหลานก็รั้งนางไว้ “แม่ หิมะตกหนักขนาดนี้ท่านจะไปเดินเคาะบอกตามบ้านไม่เหนื่อยแย่หรือ? พวกเรามาคิดหาวิธีอื่นกันเถอะ…”
“ไอหยา เจ้าเป็นกังวลเรื่องนี้หรือ? คนในหมู่บ้านนั้นเขาอยู่บ้านกันนิ่งๆ เฉยๆ หรือ? ก็ยังเดินแวะเวียนไปบ้านโน้นบ้านนี้แหละ ข้าแค่ไปบอกเรื่องนี้กับครอบครัวปากมากสักสองสามบ้านก็พอแล้ว ไม่ถึงวันหรอกพวกนางป่าวประกาศกันจนทุกคนในหมู่บ้านรู้กันแน่นอน เจ้ารอเฉยๆเถอะ” เหล่าไท่ไท่ลงพื้นและเอามือของโจวกุ้ยหลานออก
“งั้นแม่เอาตาชั่งในบ้านให้ข้านะ ข้าไม่มีใช้!”
“บ้านข้ามีตาชั่งเล็กๆ อันหนึ่ง เจ้าเอาขายซะ บ้านลุงใหญ่มีตาชั่งอันใหญ่อยู่ เจ้ารีบไปเอาและรีบกลับมา ให้พี่ชายเจ้าเอาไปให้ฉางหลิน ข้าไปก่อนนะ”
เหล่าไท่ไท่พูดพลาง ก็หยิบเอาหมวกมาใส่บนหัว ใส่เสื้อนวมอีกหนึ่งตัว รีบสาวเท้าเดินออกไป
โจวกุ้ยหลานเองก็ไม่รอช้า เอาตาชั่งอันเล็กกับมีดทำครัวในบ้านออกไป และเรียกให้โจวต้าไห่ตามนางไปบ้านของโจวต้าซาน เพื่อขอยืมตาชั่งใหญ่อันนั้นเสร็จแล้วก็กลับ
พอโจวต้าซานได้ยินว่านางจะไปขายหมู เลยให้เอ้อร์เฉียงกับซานเฉียงตามไปช่วยเขาด้วย
คิดไม่ถึงว่าหวังหยู่ชุนผู้เกียจคร้านรอบนี้ก็ตามมาด้วย ได้ยินว่าโจวกุ้ยหลานจะขายเนื้อ ก็ดีใจและพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะไปบอกคนอื่นด้วย ถึงเวลาจะช่วยหาลูกค้าให้ด้วยนะ!”
“ดีสิ ถ้าพี่สะใภ้พาคนมาได้หนึ่งคน ข้าจะให้พี่สะใภ้หนึ่งอีแปะ” โจวกุ้ยหลานพูดขำๆ
หิมะหนาจนถึงเข่าแล้ว ออกไปข้างนอกคงไม่ง่ายนัก ถ้าหวังหยู่ชุนยอมไปดึงลูกค้ามาได้ งั้นเหล่าไท่ไท่ก็จะไม่ต้องเมื่อยขาแล้ว
“เจ้าพูดเองนะ! วันนี้ข้าจะเรียกให้เจ้าสักแปดคนสิบคนเลย!” หวังหยู่ชุนพูดพลาง ก็เดินออกไปอย่างตื่นเต้นดีใจ
หลี่ซิ่วยิงเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไร โจวกุ้ยหลานพาคนกลุ่มหนึ่งเดินไปที่บ้านของตนอย่างเอิกเกริก
เดินตามรอยเท้าขึ้นเขาไป เมื่อพวกเขาถึงบ้านโจวกุ้ยหลานแล้ว ก็เริ่มทำงานกันทันที
สักพักสวีฉางหลินก็ฆ่าหมูเสร็จ สองสามคนนั้นก็เริ่มจัดการหมูสองตัวนั้น ฝั่งนี้เริ่มยุ่งกัน ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาถามเรื่องหมู โจวกุ้ยหลานบอกวิธีการขายหมูกับเขาไป ชายคนนั้นจูงหมูของเขาเข้ามา ชายร่างใหญ่สองสามคนก็เอาหมูไปชั่ง และคิดราคาให้กับชายผู้นั้น และชายผู้นั้นก็ได้เอาเนื้อสามจินกลับไปฉลองตรุษจีน
พอพวกเขาจัดการหมูตัวแรกเสร็จ หวังหยู่ชุนก็พาผู้หญิงสองคนขึ้นเขามา
“กุ้ยหลาน พี่สะใภ้สองคนนี้อยากจะซื้อเนื้อ อยากจะถามเจ้าว่าเอาผักมาแลกเนื้อหมูได้ไหม” หวังหยู่ชุนรีบถามโจวกุ้ยหลาน
“ได้สิ แต่ผักได้ราคาถูก ค่าผักของที่นี่คิดจินละหนึ่งอีแปะ” โจวกุ้ยหลานเช็ดมือ และหยิบตะกร้าให้พี่สะใภ้ทั้งสองไป
สะใภ้ทั้งสองคนได้ยินดังนั้นก็ดีใจ “พอสิพอสิ พวกเรากินไม่หมดหรอกผักพวกนี้ เอามาแลกเนื้อได้ ยอดเยี่ยมไปเลย!”
โจวกุ้ยหลานเอาหัวผักกาดกับหัวไชเท้าในตะกร้าของพวกนางมาชั่งบนตาชั่ง หนักประมาณนี้ น่าจะได้เนื้อสักสองหรือสามจินกลับบ้านไป
สะใภ้ทั้งสองคนนั้นดีใจมาก ยกเนื้อกลับบ้านไปฉลองตรุษจีน
โจวกุ้ยหลานบอกกับหวังหยู่ชุนตกลงกันว่าจะคิดบัญชีกันในตอนเย็น ให้นางไปเรียกเหล่าไท่ไท่กลับ ไม่ต้องไปป่าวประกาศต่อแล้ว
ผู้คนจำนวนไม่น้อยทยอยกันเข้ามา บางคนเอาข้าวโพดมาแลก บางคนเอาข้าวสารมา แทบจะไม่ได้ใช้เงินเลย ช่วงเวลาไม่นาน ห้องโถงนั้นก็ถูกวางของจนเต็มเสียแล้ว หมูตัวหนึ่งแลกของได้มากขนาดนี้และจวนจะหมดแล้ว โจวกุ้ยหลานไม่มีทางเลือก เลยพาทุกคนไปที่ห้องหลักในบ้านข้างๆ เพื่อทำการค้าขายต่อ
จนกระทั่งช่วงเย็นคนก็เริ่มซาลง ทุกคนต่างถอนใจด้วยความโล่งอก โจวกุ้ยหลานใช้กระดูกต้มน้ำซุปหม้อใหญ่มาหม้อหนึ่ง ใส่ไชเท้าลงไป แล้วค่อยทำเนื้อจานใหญ่อีกหนึ่งจานมาปลอบใจทุกคน
ทุกคนในบ้านกินอาหารมื้อนี้กินกันอย่างมีความสุข ทุกคนกินจนอิ่มแล้ว ก็ลงเขากลับบ้านไป
พอทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว โจวกุ้ยหลานก็เริ่มทำการตรวจนับสิ่งของ
สวีฉางหลินช่วยเขาจัดการอยู่ข้างๆ ข้าวโพดวางไว้ด้วยกัน แป้งหมี่ขาวจัดวางไว้ด้วยกัน หัวไชเท้าหัวผักกาดเยอะมากจนเป็นภูเขาสองลูก
“ของพวกนี้เยอะเกินไปแล้ว ห้องโถงขนาดใหญ่ของพวกเราวางไม่พอแล้ว!” โจวกุ้ยหลานพูดออกมา
มีผักดองไม่น้อยวางกองอยู่ตรงนี้ ยังมีมันฝรั่งอีกด้วย มีครบทุกอย่าง พวกเขาจะได้กินในสิ่งที่พวกเขาอยากกินกันแล้ว
“ข้าย้ายของไปไว้ห้องข้างๆ สองห้องก่อนนะ” สวีฉางหลินพูดพลางก็เตรียมตัวย้ายของทันที
โจวกุ้ยหลานรีบห้ามเขาไว้ “ของเยอะขนาดนี้ ต้องย้ายถึงเมื่อไรกัน?” ข้าว่า วางไว้แบบนี้แหละ ข้าวโพดอะไรพวกนี้ ไว้มีโอกาสค่อยแลกเป็นธัญพืชเอา
ในเมื่อภรรยาออกปากสั่งแล้ว สวีฉางหลินเลยปล่อยให้อาหารพวกนั้นไว้ที่เดิมของมัน
เหลือบมองของพวกนี้ ในใจของโจวกุ้ยหลานก็รู้สึกดีใจ “หมูสามตัวของพวกเราซื้อมายังไม่ถึงสองตำลึงเลย คิดไม่ถึงว่าจะแลกของได้มากมายขนาดนี้ สงสัยว่าพวกเราต้องตั้งใจทำค้าขายกันแล้วหล่ะ!”
สวีฉางหลินเหลือบมองสิ่งของพวกนี้ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
ถ้าไม่จำไม่ผิด ในหมู่บ้านยังมีช่างตีเหล็กที่ทำมีดทำครัวจะมาแลกเนื้อ และก็ยังมีช่างไม้ที่ทำเก้าอี้อีกด้วยนะ
ท้องฟ้าเริ่มมืดค่ำแล้ว ทั้งสองตรวจนับสินค้าไม่ทันแล้ว โจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินอาบน้ำสระผมเสร็จแล้ว วันต่อมาก็ถูกคนตะโกนปลุกแต่เช้า
พอเปิดประตูออกมาก็เห็นชายคนหนึ่งในมือถือไก่มาสองตัว แบกตะกร้าอยู่ด้านหลัง ก้มศีรษะและย่อตัวลง
ชายผู้นั้นเหลือบมองสวีฉางหลิน เหมือนจะรู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย แต่ก็อยากจะบอกจุดประสงค์การมาของตนเอง เลยพูดกับสวีฉางหลินว่า “ไม่ทราบว่า ไก่สองตัวนี้ของข้าจะแลกอาหารของพวกเจ้ากลับไปได้ไหม?”
สวีฉางหลินทำหน้านิ่งและพูดกลับไปว่า “เข้ามาสิ” ชายผู้นั้นตกใจและรีบเข้าไปในบ้านทันที สวีฉางหลินปิดประตูลง และพาชายผู้นั้นเดินไปทางห้องของตน
ชายผู้นั้นเดินตามรอยเท้าของสวีฉางหลินไปทีละก้าวทีละก้าว คิดในใจว่าบ้านนี้ช่างกว้างใหญ่อะไรแบบนี้
พอพวกเขาเดินไปถึงลานเล็กๆ ด้านใน โจวกุ้ยหลานก็กล่าวทักทายเขา
เมื่อเห็นโจวกุ้ยหลาน ชายผู้นั้นก็ถอนใจด้วยความโล่งอก “กุ้ยหลาน บ้านของเจ้ารับแลกของใช่ไหม? เจ้าดูทีว่าไก่สองตัวนี้สามารถแลกอาหารหรือเงินได้บ้างไหม?”
คนผู้นี้ เหมือนจะเป็นคนในหมู่บ้านหลินซง อาศัยอยู่แถวบ้านของแม่นางเอง
โจวกุ้ยหลานยิ้มแย้ม พาเขาเข้าไปในห้องและพูดว่า “ไก่สองตัวนี้ของเจ้าออกไข่ได้ไหม?”