นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 225 พวกเราออกมาใช้ชีวิตกันเอง
“ท่านยาย ข้าคิดมาแล้ว น้าพูดถูก พวกเราแยกเรือนออกมาอยู่กันเองถึงจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่เช่นนั้นถูกผลักลงน้ำครั้งต่อไปยังไม่รู้ว่าจะเป็นใครเลย ถ้าท่านพ่อท่านแม่ข้าไม่ยินยอมพร้อมใจ ข้าก็พาน้องสาวน้องชายออกมาใช้ชีวิตเองได้!”
“ต้าญา! เจ้าพูดจาเลอะเทอะอะไรกัน? ”ซุนโก่วต้านตะคอกด้วยความโมโหอีกครั้ง
มีที่ไหนกันที่เด็กจะไม่ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่?พวกเขาที่เป็นเด็กทำอะไรได้?
“ข้าจะอยู่กับพี่สาวใหญ่ ข้าไม่อยากกลับไปที่เรือนแห่งนั้น!”เอ้อร์ญาที่ไม่พูดอะไรมาโดยตลอด วิ่งไปทางต้าญา แล้วกล่าวพูดขึ้น
ครั้งก่อนเป็นนางที่ดูแลพี่สาวใหญ่ คำพูดเหล่านั้นที่ท่านย่ากล่าวพูดออกมา นางก็จดจำไว้ในหัวใจ ก็ต่อให้หิวตาย นางก็ไม่อยากกลับไปอีก
ต้าหู่กับเสี่ยวหู่ก็เดินมาอยู่ข้างกายของต้าญา โดยไม่พูดอะไร แต่ความหมายนั้นชัดเจนมาก
ซานญาก็กระดิกเท้าอยากจะออกจากอ้อมแขนของแม่ตัวเอง โจวคายจือไร้หนทาง เลยได้ปล่อยนางลงบนพื้น ซานญาก้าวเท้าน้อยๆวิ่งไปทางต้าญา และใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดเอวต้าญาไว้แน่น
“พวกเจ้า! พวกเจ้าอยากให้ข้ากับท่านแม่เจ้าโมโหใช่ไหม?”ซุนโก่วต้านโมโหตบลงที่ขาของตัวเองแรงๆ
“เห็นหรือยัง? ลูกของพวกเจ้าไม่อยากใช้ชีวิตร่วมอยู่กับพวกเจ้า ดูพวกเจ้าเสียสิ!”เหล่าไท่ไท่ชี้หน้าด่าทอทั้งสองคน ตามด้วยตบไหล่ของต้าญา“ต้าญา ต่อให้พวกเจ้าอยากออกมา ก็ยังไร้หนทางบันทึกสำมะโนครัว…..”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านยาย ข้าแต่งกับคนแก่ รอเขาสิ้นใจตายข้าก็เป็นหม้ายแล้ว จากนั้นข้าก็สามารถตั้งสำมะโนครัวเองได้”ต้าญากล่าว ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าคำพูดของตัวเองจะมีผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างไร
“อะไรนะ? ต้าญา ไม่ได้! นั่นมันสามารถทำลายทั้งชีวิตเจ้าได้!ข้าไม่ตกลง เหตุใดเจ้าถึงไม่เชื่อฟังเลย?” โจวคายจือรีบลุกขึ้นยืน สาวเท้าเดินไปทางต้าญา
นี่เป็นลูกสาวคนโตของนาง นางอยากให้หาครอบครัวที่ดีคนที่ดีแต่งงานด้วย อนาคตจะได้ใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุข……
“ท่านแม่ หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ครอบครัวใครจะยินยอมให้ข้าแต่งแล้วพาน้องชายน้องสาวเข้าไปด้วยล่ะเจ้าคะ? แค่ทำให้น้องชายน้องสาวเติบโตได้ ข้าทำได้ทุกอย่าง!”ต้าญากล่าวพูดออกมา น้ำตาก็ไหลรินมากขึ้น
คำพูดนี้คล้ายดั่งมีดที่ค่อยๆกรีดลึกเข้าไปในหัวใจของโจวคายจือ นางปกป้องครอบครัวนี้ไว้เพื่ออะไร ไม่ใช่เพื่อเหล่าเด็กน้อยแล้วก็ผู้ชายคนนี้หรือ? แต่เมื่อลูกพูดคำนี้ออกมา นางจะไม่เสียใจได้อย่างไร?
“ไม่ได้ แม่จะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้า แม่จะพาพวกเจ้าออกมาใช้ชีวิต!”โจวคายจือกล่าวพูด พร้อมกับกระโจนออกมา เอื้อมมือเข้ามาคว้าโอบกอดพวกเด็กๆ แล้วร่ำไห้ออกมา
ในที่สุดภายในใจของเหล่าไท่ไท่ก็นับว่าผ่อนคลายกังวลลงบ้างแล้ว ลูกสาวอะไรกัน ยังรู้จักที่จะแข็งแกร่งมีศักดิ์ศรีเพื่อลูก
“คายจือ เหตุใดเจ้าถึงเลอะเทอะไปกับลูกๆ? พวกเจ้าจะเลี้ยงดูตัวเองยังไง? ไม่มีเรือนไม่มีที่ดิน เจ้าอยากอดอยากไม่มีจะกินหรือ?”ซุนโก่วต้านขมวดคิ้วเป็นปมตะคอกด้วยความเดือดดาล
“ต่อให้อดอยากไม่มีจะกินก็ได้อยู่กับลูกๆ! ข้าทำร้ายลูกของข้าไม่ได้! ”โจวคายจือตอบกลับ ดวงตาก็ร้องไห้จนแดงก่ำ
นางอดทนมาตั้งหลายปี ลูกของนางผอมเกินไปแล้ว อีกอย่างลูกของครอบครัวพี่น้องมีเนื้อหนังมังสา นางทำเพื่ออะไร ไม่ใช่เพราะอยากจะปกป้องครอบครัวนี้ไว้หรือ?ตอนนี้ครอบครัวจะแตกแยกย้ายแล้ว แน่นอนนางจะต้องปกป้องลูกของตัวเองไว้อยู่แล้ว
“ทำไมถึงจะใช้ชีวิตไม่ได้ล่ะ? สามีตายแล้วข้าคนเดียวก็ไม่ใช่ว่าสามารถเลี้ยงดูพวกเขาไม่กี่คนนี้ได้หรือ? อย่างไร แย่กว่าครอบครัวพวกเจ้าหรือ? ซุนโก่วต้าน ถ้าเจ้ารู้สึกว่าท่านแม่ของเจ้าสำคัญกว่าลูกกว่าเมียเจ้า เจ้าก็กลับไปใช้ชีวิตกับพวกเขาเสีย พวกเจ้าหย่ากัน ต่อไปอนาคตเจ้าก็หาเมียที่ปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่ของเจ้าเสีย!”
ตอนนี้เหล่าไท่ไท่โมโหมาก
คำพูดความรู้สึกนี้กักเก็บภายในใจนางมาสิบกว่าปีแล้ว คิดมาโดยตลอดว่าลูกสาวและหลานของตัวเองถ้ากลับมาแล้วไม่มีหนทางใช้ชีวิต นี่จะไม่ยอมให้ลูกสาวของตัวเองกับหลานถูกกลั่นแกล้งตลอดไปหรอก
“ใกล้จะตายแล้ว ข้าไม่คิดถึงชื่อเสียงแล้ว! ข้าจะดูว่าถึงตอนนั้นเจ้าอายคนหรือว่าตระกูลโจวของเราอับอายขายหน้า!”
ซุนโก่วต้านได้ยินเรื่องหย่า ภายในใจกระสับกระส่ายจนไม่ไหวแล้ว เลยรีบกล่าวขึ้นว่า“ท่านแม่ ท่านใจเย็น คายจือเป็นภรรยาของข้า ข้าไม่มีนางไม่ได้! แล้วพวกลูกๆ พวกเขาล้วนแซ่ซุนขอรับ!”
“แซ่ซุนแล้วยังไง? ข้าให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นตระกูลโจว เอาข้าวเอาน้ำให้พวกเขากิน เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยินยอมอยู่กับเจ้าหรือว่าเมียของเจ้า!”
ตอนนี้เหล่าไท่ไท่โมโหสุดขีด ด่ากดซุนโก่วต้านสุดฤทธิ์
ชื่อนี้ตั้งไม่ผิดเลย ไม่ได้เรื่อง แล้วยังให้เมียกับลูกตัวเองหดคอ อย่างนั้นสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขหรือ?
ซุนโก่วต้านไม่กล้าพูด เขากลัวแม่ยายของตัวเอง
“ข้าเป็นท่านแม่ของคายจือ คำพูดนี้ข้าพูดแล้ว เจ้าคิดดูเองแล้วกัน แยกบ้านออกมาอยู่กับพวกเขา หรือตัวเองจะอาศัยอยู่กับพ่อแม่!”เหล่าไท่ไท่กล่าวพูดจบ ก็ขี้เกียจจะสนใจซุนโก่วต้าน นางตบลงที่แผ่นหลังของโจวคายจือ
“คนหนึ่งที่เป็นแม่ ร้องไห้ประพฤติเช่นนี้ต่อหน้าลูก เจ้าจะให้พวกเด็กๆทำยังไงหรือ?”
โจวคายจือเงยหน้าขึ้นมา น้ำตาคลอเบ้ามองเหล่าไท่ไท่ เสียงจมูกฟุดฟิด น้ำตาร่วงหล่นลงมา“ท่านแม่….ข้า……ข้าอยากใช้ชีวิตกับท่าน ข้าทำผิดต่อลูกๆ……”
“พอแล้วๆ พูดเรื่องเหล่านี้ทำไมกัน?”ภายในใจของเหล่าไท่ไท่รู้สึกไม่สบายใจ ตอนนั้นก็ควรจะค้านนางหัวชนฝาตีให้นางกลัว ทำให้นางไม่กล้าแต่งเข้าไปในตระกูลซุน!
โจวคายจือเช็ดซับน้ำตา เด็กๆก็ร้องไห้ด้วย
ซุนโก่วต้านนั่งอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ด้านข้าง ภายในรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที
การฉลองตรุษจีนกลับมาที่บ้านแม่ยายครั้งหนึ่ง ทำไมถึงทำให้ครอบครัวของเขาแตกแยกแล้ว?
โจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินมาถึงเนินเขา ก็บอกให้โจวต้าไห่กลับไป ไม่ต้องส่งพวกเขาแล้ว
“ให้ข้าส่งพวกเจ้าถึงด้านในเรือนเถอะ”โจวต้าไห่พูดแล้วยังจะเดินไปข้างหน้า
โจวกุ้ยหลานยิ้ม กล่าวว่า“อย่างนั้นไม่เป็นการรบกวนหรือ? ท่านขึ้นไปแล้วยังต้องลงมา”
“ไม่เป็นไรหรอก”กล่าวพูดแล้วโจวต้าไห่ ก็เอื้อมมือจะไปอุ้มเจ้าก้อนน้อย
สวีฉางหลินหันไปมองโจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานพยักหน้าให้เขา เขายื่นเจ้าก้อนน้อยให้โจวต้าไห่ ตามด้วยจูงมือของโจวกุ้ยหลานเดินต่อ
“ข้ารู้ท่านไม่อยากอยู่ในบ้านถึงได้ออกมา อย่างนั้นไปนั่งที่บ้านข้าเถอะ”โจวกุ้ยหลานหัวเราะคิกคัก ยกฝีเท้าเดินไปข้างหน้า
เมื่อถูกน้องสาวของตัวเองเดาใจถูก โจวต้าไห่ก็ยิ้ม กล่าวตอบรับว่า“เห็นพวกเขาผอมแล้วรู้สึกทุกข์ใจ”
“ข้าก็ไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านั้น เรื่องนี้พวกเราทุกข์ใจก็ไม่มีประโยชน์ จะต้องขึ้นอยู่กับพี่สาวใหญ่”โจวกุ้ยหลานกล่าว ตัวโยนแทบจะล้มลง สวีฉางหลินใช้มือทั้งสองข้างจับที่ไหล่ของนาง เพื่อประคองนางไว้ แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
โจวกุ้ยหลานตบที่หน้าอกของตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัวเองตกใจคลายกังวล ถึงได้เดินต่อ
เมื่อกลับมาเรือนของตัวเอง โจวกุ้ยหลานรู้สึกผ่อนคลายลงมาก ตอนนี้นางให้โจวต้าไห่อยู่กินมื้อเที่ยงด้วย โจวต้าไห่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ก็เลยนั่งอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็กลับไป
“ตอนเที่ยงพวกท่านอยากกินอะไร รีบพูดเร็วเข้า ข้าจะไปทำอาหารแล้ว!”โจวกุ้ยหลานถามผู้ชายสองคนขึ้นมา
เจ้าก้อนน้อยรีบยกมือน้อยๆขึ้นตามโจวกุ้ยหลาน น้ำเสียงละมุนกล่าวว่า“ข้าอยากกินไส้หมู!”