นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 237 ข้าไม่เคยเห็น
ทุกวันนี้สวีฉางหลินล้วนสอนพวกเขาทั้งคู่ด้วยอักษรง่าย ๆ คำยาก ๆ อย่างหู่สวีฉางหลินไม่เคยสอนเลย
“อ๋า งั้นทำอย่างไรล่ะ พวกข้าล้วนไม่รู้ว่าชื่อตัวเองเขียนอย่างไร…” เสี่ยวหู่หดหู่มาก
เจ้าก้อนน้อยพยายามคิด คิดครู่หนึ่ง ยกปากยิ้มกล่าวว่า “พ่อข้าเขียนได้!”
“จริงด้วย ลุงเขยเขียนได้ พวกเราให้เขาสอนพวกเราเขียนอักษรไหม” เอ้อร์ญาเสนอความคิดเห็นอย่างยินดี
พวกเด็กเหล่านี้ล้วนดีใจ พากันยืนขึ้นอย่างอลหม่าน เจ้าก้อนน้อยนั่งยอง ๆ นานแล้ว ขาเลยชา ไม่ทันระวังก้นจ้ำเบ้าลงพื้น
เขาใช้มือและเท้า พยุงลุกขึ้นจากพื้น มือทั้งสองข้างเอื้อมไปด้านหลังปัดก้นน้อย ๆ ของตัวเอง แววตาสั่นเครือ พอเห็นแม่ของตัวเอง ก็ยกยิ้มขึ้นมา แล้ววิ่งไปหานาง
โจวกุ้ยหลานเห็นเขาดีใจ ก็เอื้อมมือไปหาเขา เจ้าก้อนน้อยวิ่งไปหา ดึงมือของโจวกุ้ยหลานมา แล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าเขียนหู่ไม่เป็น”
“แม่ก็เขียนไม่เป็น” โจวกุ้ยหลานตอบกลับ แล้วย่อกายลง ช่วยเขาปัดดินบนหัวเข่า
พวกต้าญาก็รีบโจวกุ้ยหลาน เห็นพวกเขาน่ารักขนาดนี้ ในใจโจวกุ้ยหลานก็เอ็นดูขึ้นมา ถามพวกเขาด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้าอยากรู้อักษรหรือ”
พวกเด็ก ๆ พยักหน้า แต่เพียงแวบเดียวก็ส่ายหน้า
พวกเขาล้วนไม่อาจจะกินอิ่ม ไหนเลยจะไปเรียนรู้อักษรได้กัน?
โจวกุ้ยหลานเข้าใจความคิดของพวกเขา ก็ลูบหัวเสี่ยวหู่ “ถ้าคราวหน้าลุงเขยพวกเจ้าว่าง ก็ให้เขาสอนพวกเจ้าเขียนชื่อของตัวเอง”
“จริงหรือ”
“ขอบคุณน้า!”
พวกเด็ก ๆ หัวเราะอย่างตื่นเต้น ตอบมา
เห็นพวกนางดีใจขนาดนี้ โจวกุ้ยหลานก็ดีใจด้วย
นางกับเจ้าก้อนน้อยสองคน รวมทั้งพวกเด็ก ๆ วาดไปมาบนพื้นด้วยกัน สอนพวกเขาเขียนอักษร พวกเด็ก ๆ เรียนอย่างตั้งใจมาก ท่าทางพวกเขาที่เรียนแต่ละคนขีดเขียนแต่ละเส้นได้อย่างสะเปะสะปะ
ไม่นาน ได้ยินเสียงตีฆ้องมาจากด้านนอก พวกชุ่ยฮวาก็วิ่งออกมาทันที เห็นโจวกุ้ยหลานก็รีบเอ่ยเรียก “กุ้ยหลาน รีบเร็ว คนรับตัวเจ้าสาวมาแล้ว ต้องจัดโต๊ะอาหารแล้ว รีบไปอุ่นอาหารเร็ว!”
โจวกุ้ยหลานตอบรับหนึ่งประโยค หันกลับมาขอให้ต้าญาดูแลพวกน้องสาวน้องชายให้ดี ส่วนตัวเองก็กลับไปอุ่นอาหารที่ห้องครัวทันที
ยุ่งวุ่นวายอุ่นอาหารให้เสร็จ พวกชายฉกรรจ์ที่เดินโต๊ะถือถาดอาหารมายกอาหารไป คนในห้องครัวยุ่งมาก ต้องรอพวกเขาทำเสร็จก่อน พวกเขาถึงจะได้พักหายใจ
คนที่ครัวขณะนั้นเพิ่งเริ่มมื้ออาหารกินข้าวกัน โจวกุ้ยหลานเรียกพวกเด็ก ๆ เข้ามา ช่วยพวกเขาเตรียมอาหารให้ ให้พวกเขานั่งกินอีกด้านหนึ่ง
“ต้าซานให้ความสำคัญกับชิวเซียงจริง ๆ เจ้าดูอาหารพวกนี้สิ มีทั้งข้าวขาว เทียบกับโต๊ะอาหารงานแต่งลูกสะใภ้ของบ้านผู้ใหญ่บ้านดีกว่าอีก!”
“นั่นน่ะสิ อาหารพวกนี้มีเนื้อไม่น้อยเลย แหม ชีวิตชิวเซียงนี่ดีจริง ๆ มีพ่อแม่ที่รักใคร่นาง!”
คนพูดคุยด้วยน้ำเสียงอิจฉา
แม่นางหมู่บ้านนี้นั้นไม่ใคร่คนที่ได้รับความสำคัญ ตั้งแต่เด็กที่บ้านการกินก็ไม่ดีของที่สวมใส่ก็ไม่ดี บ้านอื่นแต่งลูกสาวที่ให้ความสำคัญก็จะทำอาหารให้พวกญาติกิน ถ้าไม่ให้ความสำคัญ ก็จะรับสินสอดทองหมั้นแล้วให้แม่นางตัวเองห่อของไปบ้านฝ่ายชาย
ชิวเซียงแต่งงานมีหน้ามีตากว่าบ้านอื่นที่แต่งลูกสะใภ้ ไม่แปลกเลยที่ในใจคนเหล่านี้จะอิจฉาริษยา
โจวกุ้ยหลานตักอาหารขึ้นมา วางบนถาดอาหาร แล้วยิ้มเล็กน้อยกล่าวกับชุ่ยฮวาว่า “อาสะใภ้ชุ่ยฮวา รบกวนท่านนำอาหารนี่ไปส่งให้พวกท่านแม่กินที ตอนนี้ข้างนอกยุ่งมาก พวกนางคงยังไม่ได้กินอะไรเป็นแน่”
“แหม ยังเป็นกุ้ยหลานที่ใส่ใจคนอื่น!”
อาสะใภ้ชุ่ยฮวายิ้มตอบกลับมาหนึ่งประโยค วางชามและตะเกียบในมือลง ยกถาดอาหารเดินออกไปข้างนอก
โจวกุ้ยหลานเรียกพวกเด็ก ๆ มากินข้าว ตัวเองกินไปได้ไม่กี่คำ ครู่เดียว ชุ่ยฮวาก็กลับมา ทำหน้าลับ ๆ ล่อ ๆ
คนอื่นเห็นเข้า ก็รีบถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น
ชุ่ยฮวาวางถาดอาหารอย่างไม่รีบไม่ร้อน ยกชามกับตะเกียบของตัวเองขึ้นมา กินข้าวเข้าไปหลายคำ ขณะเคี้ยวอาหารก็กล่าวว่า “ผมของชิวเซียงหวีเรียบร้อยแล้ว แต่หน้าน่ะ ไม่งามเพริศแพร้วแล้ว ที่หน้ามีแต่รอยข่วน แป้งก็ปกปิดไม่มิด แล้วเถ้าแก่เฉียนเห็นเข้าคิ้วก็ขมวดเป็นปมเลย!”
พูดจบ แล้วคิดถึงฉากในบ้าน นางก็หัวเราะดังลั่น
คนอื่นที่ได้ยิน บ้างก็ทอดถอนหายใจ บ้างก็หัวเราะครืน
โจวกุ้ยหลานทำเป็นเหมือนตัวเองไม่ได้ยิน กินอาหารของตัวเองต่อ
ต้าญาที่อยู่ด้านข้างมองโจวกุ้ยหลาน เห็นนางกำลังกินข้าว ตัวเองก็เงียบปากไม่พูดอะไร กินอาหารของตัวเองต่อไป
จนพวกเขาด้านนี้กินไปไม่น้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงบรรเลงดนตรีประเภทด้านนอกดังขึ้น เหมือนจะรับคนไปแล้ว พวกโจวกุ้ยหลานเก็บกวาดอยู่ที่บ้าน ค่อย ๆ เก็บพวกจานชามกลับมา ของพวกนี้ทำความสะอาดแล้วก็ให้คนส่งคืนกลับไป
ตอนนี้ บรรดาสตรีวัยกลางคนที่มาช่วยให้รวดเร็วขึ้น ได้ทุกคนช่วยล้างชาม ความเร็วนั่นก็ไวขึ้น
ชุ่ยฮวาถือถาดใหญ่สองสามอันออกไปเก็บอาหารที่กินไม่หมดบนโต๊ะ พวกจานเปล่าก็ให้คนอื่นช่วยยกไปที่ห้องครัว
เท่านี้ก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
ชุ่ยฮวานำจานอาหารบนโต๊ะอาหารวางลงอ่างล้างจานเรียบร้อยแล้ว แล้วหลี่ซิ่วยิงก็เดินตาแดงเข้ามา มองอาหารพวกนี้ ก็กล่าวว่า “วันนี้ลำบากทุกคนแล้ว พวกเจ้ากลับบ้านไปเอาชามมา แต่ละบ้านเอาอาหารกลับไปกินสักหน่อย เยอะขนาดนี้พวกข้าก็กินไม่หมด”
กฎของหมู่บ้านแห่งนี้ ก็คืออาหารที่เหลือจากโต๊ะอาหารต้องให้ผู้คนที่มาช่วยเหลือ ดังนั้นคนเหล่านี้ได้ฟังคำเหล่านี้ ก็รีบวางงานในมือ สาวเท้าเร็วกลับไป กลัวว่าจะช้ากว่าคนอื่น อาหารดี ๆ จะไม่เหลือมาถึง
ตัวหลี่ซิ่วยิงเดินเข้ามา ยกถาดไม้ใหญ่ด้านข้างช่วยโจวกุ้ยหลานล้างจาน ไม่นานเหล่าไท่ไท่ โจวคายจือ โจวซ่านเย่ก็กลับมา มือไม้ทำงานคล่องแคล่วฉับไว
ขณะเหล่าไท่ไท่ล้างจาน ก็ปลอบหลี่ซิ่วยิงให้สบายใจ
ด้านโจวกุ้ยหลานจดจ่อทำงานของตัวเอง ไม่พูดอะไรเลย
จนพวกนางทำงานเสร็จเรียบร้อย เหล่าไท่ไท่พาลูกสาวทั้งสามกับพวกเด็ก ๆ ไปบ้านตัวเอง พวกคนที่กลับบ้านไปเอาชามแต่ละคนกลับมาบ้านโจวต้าซานไปถืออาหารแล้ว
เมื่อถึงบ้าน เหล่าไท่ไท่เปิดประตู พาพวกลูกสาวนั่งลงในบ้าน ส่วนพวกเด็ก ๆ เล่นกันเองที่ด้านหลังสวน
หลายคนคุยกันสบาย ๆ ได้สักพัก โจวซ่านเย่ก็ได้โอกาสเปิดปากกับโจวกุ้ยหลานอย่างยิ้มแย้ม “กุ้ยหลาน วันนี้พี่เขยรองเจ้ามา เจ้าได้พบหรือไม่”
พี่เขยรอง? พี่เขยรองไม่เคยจะมาหมู่บ้านต้าสือแต่นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมา แปลกจริง ๆ
ในใจโจวกุ้ยหลานก็คิด กล่าวด้วยใบหน้าเป็นธรรมชาติ “ทั้งวันข้ายุ่งอยู่แต่ในห้องครัว แม้แต่ฉางหลินข้าก็ไม่ได้เจอ ไม่รู้ว่าเขาไปยุ่งอยู่ที่ไหนกัน”
“ก็ใช่ เจ้าอยู่ในครัวตลอดเวลาถึงไม่ได้พบเจอ แต่วันนี้พี่เขยรองเจ้าอยู่ในขบวนรับเจ้าสาว ตามเถ้าแก่เฉียนมา พอรับชิวเซียงก็ไปแล้ว ไม่ทันได้ทักทายกับพี่ใหญ่เจ้า” โจวซ่านเย่เล่าอย่างกระตือรือร้น