นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 240 มันเจ็บ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 240 มันเจ็บ…
ร่างกายนางก็ยิ่งออกอาการทรมาน ขณะนั้นก็ควบคุมไม่ไหวแล้ว กัดฟัน และเปิดปากอย่างโมโห “สวีฉางหลิน เจ้าเลิกโอ้เอ้ได้แล้ว!”
โอ้เอ้จนนางทรมานไม่ไหวแล้ว
เปลี่ยนใจไปมาอาจอยากจะทำไปตามขั้นตอนนั้น กลัวแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
อีกอย่างนางก็เป็นคนที่ใกล้จะสามสิบแล้ว ยังเทียบกับสวีฉางหลินไม่ได้อีก?
สวีฉางหลินก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะระเบิดแล้ว ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว…
……
โจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นตอนเที่ยงของวันถัดมาแล้ว
แค่ขยับ ก็รู้สึกเหมือนเอวของตัวเองจะหัก อีกทั้งรู้สึกร่างกายไม่สบาย นางคร่ำครวญ ทั้งร่างนอนลงกลับไปอีกครั้ง
“เป็นอะไรไป” สวีฉางหลินได้ยินเสียงคร่ำครวญของภรรยาตัวน้อย ละงานในมือลงแล้วเร่งเท้าเดินเข้ามา รีบไปหาข้างกายโจวกุ้ยหลานอย่างประหม่า
โจวกุ้ยหลานโกรธจนหยิบหมอนขึ้นมา โยนไปทางสวีฉางหลิน แต่นางไม่มีแรง หมอนใบนั้นกลิ้งไปมาบบนพื้น โยนไปไม่ถึงหัวเตียงเตาด้วยซ้ำ
“เป็นอะไรไป? เจ้าสัตว์เดรัจฉานนี่!” โจวกุ้ยหลานขยับเพียงเล็กน้อยก็รู้สึกทั้งร่างเจ็บไปหมด
แค่เจ็บขึ้นมา ความโมโหในใจก็เพิ่มขึ้น มองไปที่ตาของสวีฉางหลินดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
สวีฉางหลินเดินเข้ามา ขมวดคิ้วมองไปโจวกุ้ยหลานอย่างร้อนแรง เอื้อมมือยกผ้านวมขึ้น
เห็นการกระทำของเขา ในใจของโจวกุ้ยหลานก็ตกใจ เอื้อมมือไปกดผ้านวม จ้องเขาอย่างระแวดระวัง “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก”
เมื่อวานนางเป็นครั้งแรกของนาง!เจ้าบุรุษผู้นี้นี่ บุรุษที่กล่าวว่ารักใคร่นางแต่ก็พลิกนางตลอดทั้งคืน!แม้นางจะร้องขอความเมตตาเขาก็ไม่ปล่อยนางไป!
ตรงไหนกันที่เอ็นดูนาง? ตรงไหนกันที่ดีต่อนาง?
ยิ่งคิด โจวกุ้ยหลานยิ่งรู้สึกว่าร่างกายไม่สบาย
อีกอย่างนิยายที่อ่านเมื่อก่อน ด้านในไม่ได้บอกว่าพวกนี้คือสวรรค์หรือ นี่แทบจะเป็นนรกชัด ๆ!
“ข้าดูหน่อย” ขณะสวีฉางหลินกล่าวแรงในมือเพิ่มขึ้นหลายส่วน
กลัวเขาจะยกออกจริง ๆ โจวกุ้ยหลานขยับตัว กดด้านนั้นเอาไว้ แล้วจ้องเขาอย่างดุดัน “เจ้าอันธพาลตัวเหม็นนี่ รีบไปให้พ้นเลย!”
ถ้าเขาลงมืออีก นางต้องตายแน่ ๆ!
สวีฉางหลินขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้ารู้สึกเจ็บ ข้าจะช่วยเจ้าทายา”
ทายา?
แม้โจวกุ้ยหลานจะหน้าต้านแค่ไหน แต่ตอนนี้หน้าแดงแล้ว
“คำพูดเจ้าข้าไม่เชื่อแล้ว รีบไปเลย ข้าจะใส่เสื้อผ้า!” เชื่อเขา?
กลางคืนเมื่อวานเชื่อเขา แล้วผลเป็นยังไงล่ะ? ตอนนี้นางเจ็บปวดไปทั้งตัว
คำพูดผู้ชายตอนอยู่บนเตียงไม่อาจเชื่อโดยเด็ดขาด สัจธรรมมนุษย์โลกไม่หลอกข้า!
เจ้าก้อนน้อยที่อยู่ด้านนอกเดินมาที่ประตู มองพ่อแม่กำลังดึงผ้านวมไปมา ยื่นหัวเล็ก ๆ ออกมา มองท่านแม่ที่ยังนอนอยู่บนเตียงเตา ก็กังวลเล็กน้อย
“ถ้ายังไม่ไป ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกแล้ว!” โจวกุ้ยหลานโพล่งคำพูดโหดร้ายออกมา
สวีฉางหลินที่ถกเถียงกับนางมาตลอดวางผ้านวมในมือลงอย่างว่าง่าย มองใบหน้าแดงก่ำของภรรยาตัวน้อยอย่างอาลัยอาวรณ์ แอบเสียดายที่ไม่ได้เห็นร่างของภรรยาตัวน้อย แล้วหันกายจากไป
เมื่อถึงประตู สองมือสอดใต้รักแร้ของเจ้าก้อนน้อย ยกเขาเดินออกไป แล้วใช้เท้าปิดประตูลง
โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก แอบยกผ้านวมขึ้น ก้มหน้ามอง ทั้งร่างฟกช้ำไปหมด
สูดหายใจเข้าลึก ๆ ในใจแอบด่าสวีฉางหลินไปหลายคำ ใส่เสื้อผ้าที่อดทั้ง ๆ ที่เจ็บ ลงจากเตียง เดินออกไปด้วยความยากลำบาก
พอถึงด้านนอก ก็ได้ยินเจ้าก้อนน้อยเงยหน้าถามสวีฉางหลิน “ท่านแม่สบายดีไหม”
“นางบอกปวดตามร่างกาย” สวีฉางหลินตอบอย่างจริงจัง
เจ้าก้อนน้อยขมวดคิ้ว ค่อนข้างเหมือนกับสวีฉางหลินหลายส่วน “งั้นข้าเอาน้ำให้ท่านแม่ดื่มได้ไหม”
“นางอยากอยู่คนเดียว” สวีฉางหลินขมวดคิ้วเหมือนกับเขา กล่าวปฏิเสธ
ภรรยาตัวน้อยไม่ยอมเจอเขาด้วยซ้ำ อย่าพูดถึงสี่ยวเทียนเลย
ใบหน้าโจวกุ้ยหลานมืดลงสองสามส่วน เจ้าสวีฉางหลินพูดอะไรกับเจ้าก้อนน้อยกัน
“เสี่ยวเทียน!” โจวกุ้ยหลานตะโกนเรียกไปด้านนั้น
ทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยอยู่นั้นหันหน้ามาพร้อมกัน มองไปทางที่สวีฉางหลินอยู่ ขณะเดียวกันมองมาที่นางด้านนี้ก็รีบมาหาทันที
สวีฉางหลินเร็วสุด เดินมาไม่กี่ก้าว มือข้างหนึ่งพยุงโจวกุ้ยหลาน ดวงตามองขึ้นลงไปทั่วร่างภรรยาตัวน้อยรอบหนึ่ง เห็นนางสบายดี ในใจก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้ในใจโกรธเคืองเขา ขณะนั้นโจวกุ้ยหลานก็ไม่อาจผลักเขาออกไปได้ แค่นางยืนก็ทรมานไปหมดแล้ว
เจ้าก้อนน้อยก้าวเท้าวิ่งเข้าไปด้วยขาสั้นป้อม เอื้อมมือไปคว้ามือโจวกุ้ยหลานเอาไว้ เงยหน้ามองโจวกุ้ยหลานอย่างกังวล “ท่านแม่ ท่านยังทรมานอยู่ไหม”
โจวกุ้ยหลานจ้องไปที่คนที่เป็นต้นเหตุ คิดจะย่อตัวลงไป แต่ขยับครู่เดียว ด้านล่างก็รู้สึกเหมือนฉีกขาดไปหมด นางทำได้เพียงยืนตัวตรง ส่งใบหน้ายิ้มแย้มให้เจ้าก้อนน้อย “แม่ไม่เป็นไร เพียงยังเหนื่อยอยู่ พักสองวันก็ดีแล้ว”
ได้ที่ท่านแม่พูดว่าเหนื่อยอยู่ เจ้าก้อนน้อยก็รีบสลัดมือโจวกุ้ยหลานออก ก้าวเท้าสั้นป้อมออกไป
“เจ้าพูดอะไรกับลูกชาย”
สวีฉางหลินลูบจมูกตัวเอง “เพียงบอกว่าเจ้าป่วย”
“ทำโทษเจ้านอนกับลูกชายหนึ่งอาทิตย์ ห้ามเจ้าขึ้นเตียงเตาข้า!” โจวกุ้ยหลานกล่าวถ้อยคำโหดร้าย
สวีฉางหลินอ้าปาก อยากจะไม่ยอมรับ แต่เห็นสีหน้าเจ็บปวดของภรรยาตัวน้อยของตัวเอง ก็ได้แต่กลืนคำพูดกลับลงไป
ขณะทั้งสองคนกำลังพูดคุย เจ้าก้อนน้อยพกเก้าอี้หนึ่งตัวเดินเข้ามา วางไว้ด้านหน้าโจวกุ้ยหลาน แล้วไปพยุงโจวกุ้ยหลานทันที โจวกุ้ยหลานเข้าใจความตั้งใจของเจ้าก้อนน้อย ก็ไม่อาจปฏิเสธเขา ทำได้เพียงอดต่อความเจ็บปวด นั่งลงได้ด้วยการประคองของสวีฉางหลิน
ขณะกำลังคิด จ้าก้อนน้อยก้าวเท้าสั้นป้อม หยิบแก้วน้ำไปเทน้ำร้อนจากในกา
โจวกุ้ยหลานเห็นแล้ว ในใจก็ตื่นตระหนก รีบผลักสวีฉางหลินที่ประคองนาง “รีบไปเร็ว อย่าให้เสี่ยวเทียนถูกน้ำร้อนลวก!”
สวีฉางหลินก็รู้ว่าเสี่ยวเทียนยกกานั้นไม่ไหว เห็นภรรยาตัวน้อยนั่งเรียบร้อยแล้ว เร่งเท้าไปหาด้านหลังเจ้าก้อนน้อย ช่วยเขายกกาใบใหญ่นั้นมา เทน้ำลงแก้ว ให้เจ้าก้อนน้อยถือแก้วน้ำส่งให้โจวกุ้ยหลาน
นี่คือน้ำที่ลูกชายเทให้!
โจวกุ้ยหลานรู้สึกอบอุ่นหัวใจ รับแก้วน้ำมา ดื่มอึกหนึ่ง แล้วเงยหน้าก็เห็นสวีฉางหลินที่ไปห้องครัวแล้ว โจวกุ้ยหลานพ่นลมอย่างเย็นชา สำหรับผู้ชายที่ทำให้นางอนาถขนาดนี้นั้นไม่คิดสนใจโดยสิ้นเชิง
พูดคุยกับเสี่ยวเทียนไม่กี่คำ แล้วปลอบเขาว่าตนเองไม่เป็นไร เจ้าก้อนน้อยถึงได้โล่งใจ
ไม่นาน สวีฉางหลินถือเอาพวกน้ำล้างหน้าเข้ามา ยังหาเก้าอี้สูงตัวหนึ่งมาอย่างใส่ใจ วางของเหล่านั้นไว้ด้านบน ความโกรธของโจวกุ้ยหลานหายไปบ้างแล้ว หยิบของเหล่านั้นแล้วนั่งสระผมที่โถงบ้าน จนตนเองสระผมสะอาดแล้ว สวีฉางหลินก็ยกโจ๊กชามหนึ่งมาไว้ตรงหน้านางอีก
ไม่ต้องพูด ไม่ได้กินอะไรมาตั้งนาน นางหิวตั้งแต่แรกแล้ว