นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 242 ซื้อไก่ ซื้อเป็ด ซื้อห่าน
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 242 ซื้อไก่ ซื้อเป็ด ซื้อห่าน
ตั้งแต่ที่บ้านนางเริ่มสร้าง นางก็ไม่เคยมาพบเถ้าแก่โจวอีกเลย แต่ฟืนที่สวีฉางหลินนำมาส่งให้ในสัปดาห์นี้เขาล้วนรับเอาไว้ทั้งหมดโดยที่ไม่สนว่าจะขายออกหรือไม่ เทียบกับจำนวนเงินแล้ว การได้พบกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ดีขนาดนี้ เกิดนางเปลี่ยนใจขึ้นมาจะไม่เป็นการน่าเสียดายหรอกหรือ ?
“โอ้ย ! นี่จะเยี่ยมเกินไปแล้ว ! เยี่ยมเกินไปแล้วจริง ๆ ! ฉันขอเชิญพวกเจ้ากินข้าวกันสักมื้อ !” เถ้าแก่โจวลุกยืนขึ้นด้วยความดีใจ เดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง
เห็นท่าทางของเขาที่ดีใจ โจวกุ้ยหลานก็ไม่คิดจะขัดอาการดีใจของเขา ตอบรับกลับไป แต่ว่าในตอนนี้ก็เกือบจะถึงเวลาของอาหารเที่ยงแล้ว ทันทีที่โจวกุ้ยหลานซื้อของภายในร้านเสร็จ ก็พาสวีฉางหลินไปตลาดด้วยความร่าเริง
หลังจากเข้าฤดูใบไม้ผลิ ตลาดแห่งนี้ก็คึกคักขึ้นมา สินค้ามากมายทั้งไก่เป็ดห่านล้วนถูกนำออกมาวางขาย
โจวกุ้ยหลานเริ่มเดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนก่อน มองลูกเจี๊ยบปุยขนสีเหลืองกับจะงอยปากสีเหลืองที่อยู่ในตะกร้า ส่งเสียงร้อง “เจี๊ยบ ๆ” ให้กับนาง
“นี่ ลูกเจี๊ยบนี่ขายยังไงหรือ ?”
ชายคนนั้นยินดีปรีดา รีบพูดขึ้นมาว่า “ลูกเจี๊ยบตัวเมียหนึ่งตัวหกอีแปะ ลูกเจี๊ยบตัวผู้หนึ่งตัวห้าอีแปะ”
“ทำไมลูกเจี๊ยบตัวเมียถึงแพงกว่าอีแปะนึงล่ะ ?” โจวกุ้ยหลานหันสายตามองไปที่ชายคนนั้น ถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ชายคนนั้นไม่คิดว่าจู่ ๆ โจวกุ้ยหลานจะยิ้มออกมา ทำให้รู้สึกอายเล็กน้อย
สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างมองดูด้วยความรู้สึกอึดอัด สีหน้าตกตะลึง จ้องชายคนนั้นเขม็ง “นางถามเจ้าอยู่นะ”
เมื่อเห็นท่าทีของสวีฉางหลิน ชายคนนั้นก็ตกใจ เข้าใจคำพูดของหญิงสาวแล้ว รีบปรับอารมณ์อธิบายไปว่า “ไก่ตัวเมียอีกหน่อยจะสามารถออกไข่ได้ ก้นของมันก็คือเงิน ไก่ตัวผู้นั่นทำได้แค่ขัน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรใช่ไหม ?”
ในใจโจวกุ้ยหลานเข้าใจเหตุผลการเพาะพันธุ์ตัวเมียมากกว่าตัวผู้ แค่ตอนนี้นางกำลังต่อราคาอยู่ จึงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
“ถ้าหากขายลูกเจี๊ยบตัวเมียให้ข้าในราคาห้าอีแปะ งั้นข้าจะขอซื้อลูกเจี๊ยบทั้งหมดสองตะกร้านี้ ว่ายังไงบ้าง ?”
“เจ้าต้องการลูกเจี๊ยบทั้งหมดนี่เลยหรือ ?”
ชายคนนั้นถามด้วยความตกตะลึง
นี่มันมีตั้งหลายสิบตัวเลยนะ !
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า “ข้าต้องการซื้อทั้งหมด ไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมรึเปล่า”
“ยอมสิ ยอม !” ชายคนนั้นรีบตอบ
จะมีอะไรให้ไม่โอเคอีก ? ถ้าหากขายไม่หมด แบกกลับไปก็กินแรงเสียเปล่า แถมลูกเจี๊ยบตัวผู้นี่ก็ขายไม่ได้ง่าย ๆ ด้วย หญิงคนนี้ตกลงที่จะซื้อ ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
ชายคนนั้นพูดจบ ก็ก้มลงนับจำนวนลูกเจี๊ยบ รวม ๆ แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีอยู่ถึงสามสิบตัว
โจวกุ้ยหลานซื้อมาพร้อมกันทั้งสองตะกร้าหาบ ให้เงินเขาไปร้อยหกสิบอีแปะ
“เอ่อ ไม่ทราบว่าลูกค้ายังต้องการลูกเจี๊ยบอีกหรือเปล่า ?” ชายคนนั้นได้เงินมาแล้ว รีบถามนางไปอีกครั้ง
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า “ข้ายังอยากจะไปซื้อมาเพิ่มอีกสักหน่อย”
“ที่บ้านข้ายังมีอยู่อีกมาก จะให้ข้าพาไปดูหน่อยไหม ?” ชายคนนั้นรีบถามออกมา
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า เดินไปกับเขา จากนั้นซื้อลูกเจี๊ยบจากชายคนนั้นมาอีกสี่สิบตัว สองสามีภรรยา มีคนหนึ่งแบกลูกเจี๊ยบจำนวนมากมายเอาไว้ ระหว่างทางลูกเจี๊ยบส่งเสียงร้อง “เจี๊ยบ ๆ ” เสียงดัง
เขามองน้องนางของตนแบกตะกร้าทั้งสองใบ ในใจของสวีฉางหลินก็รู้สึกเจ็บปวด ยื่นมือออกคิดจะไปรับตะกร้าหาบที่อยู่บนไหล่ของโจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานรีบขยับร่างกายหนี
“นี่มันไม่ได้หนัก และข้าก็ยังไม่เหนื่อย อีกเดี๋ยวเจ้ายังต้องแบกของอย่างอื่นอีกนะ !”
เมื่อถูกโจวกุ้ยหลานพูดอย่างนี้ สวีฉางหลินก็ได้แต่ปล่อยนางไป
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในตลาด มองไปรอบ ๆ
เมื่อฤดูใบไม้ผลิหวนกลับมา ผู้คนที่ได้แต่อุดอู้อยู่ในบ้านตลอดฤดูหนาวต่างล้วนนำของออกมาขาย
ในช่วงนี้ของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่ตลาดคึกคักที่สุด
โจวกุ้ยหลานเดินดูอย่างมีความสุข ที่นี่มีของตั้งอยู่มากมาย ช่างดึงดูดสายตาเหลือเกิน !
“ห่านจ้า ! มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่เลย !” เจ้าของร้านคนหนึ่งตะโกนเรียกลูกค้า
ห่าน นี่มันของดีนี่นา ทั้งสวย ทั้งอร่อย ไข่ห่านเองก็อร่อย แถมยังซื่อสัตย์กับเจ้านายด้วย !
“ป้า ห่านของป้าขายยังไงหรือ ?” โจวกุ้ยหลานวางตะกร้าหาบที่อยู่บนบ่าลงบนพื้น รีบเดินเข้าไป มองไปยังห่านตัวโตสีขาวที่อยู่ภายในตะกร้า
เมื่อเห็นว่าธุรกิจกำลังเข้าทาง น้ำเสียงของป้าคนนั้นก็สูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ ?”
“แพงเกินไปแล้ว ไก่นั่นแค่สิบกว่าอีแปะเอง !” โจวกุ้ยหลานตอบโต้ออกไป
ป้าคนนั้นไม่แม่แต่จะหงุดหงิด พูดอย่างยิ้มแย้มออกไปว่า “โอย นังหนู นางจะเอาไก่มาเทียบกับห่านได้ยังไง ? เลี้ยงห่านเสียค่าอาหารมากกว่าไก่นะ นางลองดูห่านนี่สิ สวยมากใช่ไหม ? แถมเป็นธาตุเย็นด้วย ได้กินเข้าไปยิ่งดีต่อร่างกาย !”
“งั้นลูกห่านนี่ล่ะ ?” โจวกุ้ยหลานชี้ลูกป่านที่อยู่ข้างในพลางถามออกมา
ป้ามองไปตามสายตาของนาง ลูกห่านพวกนี้เพิ่งจะขายออกไปได้ไม่กี่ตัว จึงกัดฟันเงยหน้ามองโจวกุ้ยหลาน
“นังหนูเอ๋ย ถ้าหากว่านางอยากได้จริง ๆ ข้าจะขายให้ในราคาแปดอีแปะต่อหนึ่งตัวเป็นยังไง ?”
แปดอีแปะ ถือว่าใกล้เคียงแล้ว
โจวกุ้ยหลานเผยรอยยิ้มออกมา “งั้นลูกห่านพวกนี้ข้าขอซื้อหมดเลย ป้าลองนับดูว่ามีเท่าไหร่”
“โอว เยี่ยมไปเลย !” ป้าดีใจเป็นอย่างมาก รีบเข้าไปนับ ได้จำนวนทั้งหมดสิบหกตัว
โจวกุ้ยหลานหยิบกระเป๋าเงินของตนเองออกมา นับจำนวนอีแปะที่อยู่ข้างใน จากนั้นยื่นให้ป้า
ป้ารับมาด้วยความดีใจ หยิบห่านออกมา ใส่ไว้ในตะกร้าของโจวกุ้ยหลานพลางพูดชื่นชมนางว่า “นังหนูมีฝีมือจริง ๆ หน้าตาก็สะสวย สามีของนางช่างโชคดีจริง ๆ !”
“สามีป้าก็โชคดีเช่นกัน”
“เฮ้อ นั่นเทียบกับนางได้ที่ไหน ฉันน่ะต้องกัดฟันเลี้ยงห่าน ขายบางส่วนออกมาค้ำจุนครอบครัว ไม่กล้าเลี้ยงมากมายอย่างเจ้าหรอก แค่อาการคนก็ไม่พอกินแล้ว จะเอาอาหารจากไหนให้ห่านพวกนี้กินล่ะ ?”
โจวกุ้ยหลานหัวเราะพลางพูดคุยกับนางสองสามประโยค เตรียมตัวไปหามตะกร้าหาบ สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างรีบดึงนางเอาไว้ นางหันกลับไป ก็เห็นสวีฉางหลินนำคานยกขึ้นมาแบกไว้บนบ่า เข้าไปหาบตะกร้าที่ใส่ลูกห่านไว้จำนวนมากด้วยตนเอง
แต่ในวินาทีนั้นโจวกุ้ยหลานก็เข้าใจได้ทันที แน่นอนว่าสวีฉางหลินรู้สึกได้ว่ามีห่านจำนวนมาก ตะกร้าหาบจะต้องหนักขึ้น
ป้าขายห่านมองด้วยแววตาชื่นชม “ข้าไม่เคยเห็นชายที่เป็นห่วงสะใภ้อย่างนี้มาก่อนเลย วันนี้ช่างเปิดหูเปิดตาจริง ๆ !”
โจวกุ้ยหลานถูกป้าพูดแบบนี้ทำเอาหุบรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ “เขาช่างดีเหลือเกิน”
“นังหนู ชีวิตนางโชคดีจริง ๆ ที่ได้แต่งงานกับสามีที่ดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้ ไม่เห็นเหมือนกับสามีฉันเลย โอย จะเมื่อไหร่ก็ไม่เคยรักฉันเลย !”
ขณะที่พูด ป้ายังส่ายหัวไปมาด้วย
เรื่องนี้โจวกุ้ยหลานกลับไม่เห็นด้วย ทันทีที่กล่าวอำลาป้า ก็จากไปพร้อมกับสวีฉางหลิน
ป้ามองพวกเขาจากไป ไม่ไม่ทันได้บ่นสามีนาง ก็ตะโกนเรียกรู้ค้าอีกครั้ง
จนกระทั่งเดินออกมาจากแผงลอย โจวกุ้ยหลานก็หันไป มองสวีฉางหลินที่อยู่ด้านหลัง พูดกับเขาออกมาว่า “นี่มันก็ไม่ได้หนักเท่าไหร่ ทำไมเจ้าถึงมาเปลี่ยนกันล่ะ ? ทำเอาคนมองรู้สึกเขินแปลก ๆ”