นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 276 วันนี้เจ้าดูสวยเป็นพิเศษ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 276 วันนี้เจ้าดูสวยเป็นพิเศษ
ป้าอู๋ ไม่มีหนทางให้เลือกแล้วจริง ๆ นั่งลงข้างโจวกุ้ยหลาน พูดเรื่องสัพเพเหระอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
“ป้า มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาเถอะ” โจวกุ้ยหลานเห็นว่านางรู้สึกเกรงใจ จึงเป็นคนเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
ป้าอู๋ยังทนต่อไปไหวได้ยังไง เล่าเรื่องราวครอบครัวของตนให้ฟัง ที่แท้ก็เป็นเพราะสะใภ้ตนอาการป่วยกำเริบหนัก นางไม่มีเงิน ที่ร้านขายยาก็ไม่ให้เธอจดบัญชีไว้ก่อน จึงทำให้นึกถึงโจวกุ้ยหลานขึ้นมา
“ข้าก็ไม่มีวิธีแล้วเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่มาคุยกับเจ้า…..หลานชายข้ามือเท้าดีขึ้นแล้ว แต่แค่เขาคนเดียวไปทำไร่ทำนา เลี้ยงดูพวกข้าได้ก็ดีถมไปแล้ว เงินน่ะไม่มีแล้วล่ะ……”
โจวกุ้ยหลานฟังเข้าใจแล้ว ป้าอู๋คนนี้ต้องการมายืนเงินนางนี่เอง
นึกถึงเรื่องที่แม่ของนางพูดก่อนหน้านี้ ขอแค่มีเงิน ในหมู่บ้านนี้ใครที่มีปัญหาก็จะมาหานาง หากไม่ยื่นมือออกไปช่วย ก็คงหาเหตุผลไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าคิดที่จะช่วยล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นคนอีกมากมายล่ะ จะช่วยไหวหรือ ?
เมื่อเห็นว่าโจวกุ้ยหลานไม่พูด ป้าอู๋ก็รู้สึกกังวล“กุ้ยหลาน หากไม่มี…หากเจ้าไม่มี ข้าก็…เช่นกัน…ไม่เป็นไร…”
โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นว่า “ป้า แค่ป้ารู้แล้สว่าชีวิตของข้าเดินมาวันนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว หลังจากที่ข้าสร้างบ้านหลังนี้ เงินก็แทบจะไม่มีแล้ว ครอบครัวของป้ายากจน แต่ว่าเงินของข้าก็ไม่ได้พัดตามสายลมมาหรอกนะ”
นี่หมายความว่าไม่ยินยอมแล้ว
ในใจป้าอู๋ได้แต่ถอนหายใจ ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับกุ้ยหลาน ดังนั้นการที่นางไม่ช่วยก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล
“ไม่เป็นไร ป้าคงสับสนน่ะ เจ้าพักผ่อนเถอะ……” ป้าอู๋พูดเสร็จ กำลังจะลุกขึ้น
โจวกุ้ยหลานก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “แต่ยังไงพวกเราก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ช่วยได้เท่าไหนก็เท่านั้น ในมือของข้ามีเงินอยู่หนึ่งตำลึง ก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะเอาไปซื้อไก่ ถ้าที่บ้านป้ามีไก่ก็ขายให้ข้าสิ”
ไม่ว่าจะบ้านไหนล้วนมีไก่เลี้ยงเอาไว้ ป้าอู๋เป็นคนขยัน เลี้ยงไก่เอาไว้ไม่น้อย แต่…..แต่ไก่พวกนั้นมันออกไข่ นางก็เลยไม่ค่อยอยากจะ……
“นั่น……ไก่พวกนั้นข้าอยากจะเก็บไว้ขายไข่ไก่หาเงินสักหน่อย……”
“ป้า ข้าไม่ได้จะซื้อไก่ตัวโตเต็มวัย แต่อยากจะซื้อลูกไก่ ถ้าหากลูกไก่ฟักออกมาจากไข่ก็ขายให้ข้า สำหรับลูกไก่หนึ่งตัว ข้าให้สิบอีแปะ” โจวกุ้ยหลานบอก
ป้าอู๋งงงวย “ตอนนี้ เลยเวลาที่แม่ไก่ฟักลูกไก่ออกมาแล้ว…..”
“ที่บ้านป้ามีเตียงเตา ลองวัดอุณหภูมิที่เตียงเตาดูสิ มันเหมาะจะเอาไว้ฟักไข่เหมือนกัน” โจวกุ้ยหลานแบะปากพูด
ป้าอู๋งงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ายังมีวิธีนี้อยู่
ถ้าหากฟักลูกไก่ออกมาได้ มันยังขายได้เงินดีกว่าไข่ไก่เสียอีก
ป้าอู๋ถามโจวกุ้ยหลานอย่างละเอียดอีกเล็กน้อย โจวกุ้ยหลานบอกทุกสิ่งที่นางรู้ให้ฟัง และบอกนางว่าจะส่งเงินให้นางในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ป้าอู๋กล่าวขอบคุณโจวกุ้ยหลานแล้ว นางก็กลับไป
โจวกุ้ยหลานหยิบเสื้อผ้าขาด ๆ ออกมา ลุกขึ้นยืน จากนั้นดึงข้างผนังออก หลังจากนั้นไม่นาน ก็หยิบตำลึงเงินชิ้นเล็ก ๆ ออกมาชิ้นสองชิ้น หลังจากที่นางนำของทุกอย่างเก็บเข้าที่แล้ว ก็นำเงินตำลึงไปเก็บไว้ในตู้ โดยคิดว่าจะเก็บไว้ให้ป้าอู๋ในวันพรุ่งนี้
ไม่รู้ว่ามันได้สืบทอดความรู้สึกของเจ้านายคนก่อนหรือเปล่า นางมีความสัมพันธ์อันดีกับคนในหมู่บ้านต้าสือไม่น้อย แม้ว่านางจะไม่มีความสุขที่ได้ยินเหล่าผัวเมียนินทากัน แต่ว่า เมื่อครอบครัวนางเกิดปัญหา ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ต่างก็เป็นคนในหมู่บ้านที่เข้ามาช่วยเหลือเสมอ หากช่วยเหลือได้ นางก็เต็มใจ ถ้าหากให้นางเห็นแก่ตัวขนาดนั้น นางคงทำไม่ได้
โจวกุ้ยหลานยังไม่ทันทำอะไร โจวคายจือก็กลับมาแล้ว ทำให้นางยิ่งยุ่งมากขึ้น เด็ก ๆ ต่างก็กลับไปเรียนกันหมดแล้ว
ถึงตอนเย็น โจวกุ้ยหลานโบกมือไป ให้โจวคายจือฆ่าไก่ตัวผู้หนึ่งตัว ทำซุปไก่ตุ๋นกับเห็ดให้ทุกคนได้ทาน เติมพลังงานให้กับร่างกาย
ทุกคนตกลงกันว่าจะไม่พูดถึงเรื่องของซุนโก่งต้านและต้าหู่ เด็ก ๆ กินกันอย่างเอร็ดอร่อย ไก่ทั้งตัวถูกกินจนเกลี้ยง
จากนั้นก็ไปอาบน้ำและรีบเข้านอน
ตลอดทั้งคืน สวีฉางหลินไม่ได้ทำอะไรกับโจวกุ้ยหลาน นอนกอดนางและหลับไปเหมือนกับวันปกติ
ก่อนจะหลับ สวีฉางหลินได้กระซิบข้าง ๆ หูโจวกุ้ยหลานว่า “วันนี้เจ้าดูสวยเป็นพิเศษ”
เพียงแค่ประโยคเดียว ช่วยปลอบประโลมจิตใจของโจวกุ้ยหลานที่กระสับกระส่ายลงได้
วันที่สอง โจวกุ้ยหลานได้นำเงินหนึงตำลึงไปมอบให้ป้าอู๋ที่บ้าน บ้านของป้าอู๋ทำมาจากก้อนหิน ดูไม่เลวเลยทีเดียว หลานชายของนางออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ส่วนป้าซุนก็กำลังดูแลสะใภ้ที่กำลังป่วยหนักอยู่
เมื่อเห็นนางนำเงินมาให้ ป้าอู๋ก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ
โจวกุ้ยหลานนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยกลับมาที่บ้านของตน
ในวันต่อมา สวีฉางหลินยังคงทำเหมือนปกติ พาเสี่ยวจิ่วไปล่าสัตว์ในป่าทั้งวัน ทุก ๆ วันได้สัตว์กลับมาไม่น้อย แถมล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ใหญ่ จำพวกกระต่าย ไก่ป่า โจวกุ้ยหลานก็ไม่เคยเห็นอีกเลย
แม้จะบอกว่าสวีฉางหลินจะปฏิบัติกับเสี่ยวจิ่วไม่เหมือนคนอื่น แต่โจวกุ้ยหลานเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้ใกล้ชิดกันมากเกินไป
โจวต้าไห่ตลอดทั้งวันนอกจากจะไปทำไร่แล้ว ก็พาโจวกุ้ยหลานนำสัตว์ป่าไปขายในตำบล ส่วนโจวคายจือก็ยุ่งอยู่ตลอดทั้งวัน คอยดูแลบ้านให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย แม้จะเหนื่อย แต่ก็ได้กินแต่ของดี แถมไม่มีเรื่องว้าวุ่นใจ ร่างกายจึงเริ่มมีเนื้อหนังมากขึ้น สีหน้าเองก็ดูดีกว่าแต่ก่อนไม่น้อย
โจวกุ้ยหลานกลัวว่าสะใภ้โจวต้าไห่จะเกิดข้อข้องใจ ทุก ๆ ครั้งที่เข้าไปช่วยในตำบลนางจึงให้เงินอีแปะกับโจวต้าไห่เป็นค่าแรง เริ่มแรกเดิมทีโจวต้าไห่ไม่ต้องการ แต่หลังจากที่โจวกุ้ยหลานเอาเงินไปให้ป้าคนนั้น หลังจากที่ป้าคนนั้นรับมาด้วยความดีใจอยู่หลายครั้ง โจวต้าไห่ก็ค่อย ๆ รับเงินนั้นไว้แทน
เพียงพริบตาเดียว วันปีใหม่ก็มาถึง
ในครั้งนี้ หิมะเข้าปกคลุมภูเขาอีกครั้ง แต่ราชสำนักกลับมีการเก็บภาษีรายหัวที่เพิ่มขึ้น เมื่อเป็นอย่างนี้ ครอบครัวที่ยากจนก็แทบจะทนไม่ไหว ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาในหมู่บ้าน ยกเว้นครอบครัวที่มีลูกชายคนเดียว ครอบครัวอื่น ๆ ต่างพากันเลือกผู้ชายไปสมัครทหาร ครอบครัวของโจวต้าซานมีลูกชายอยู่สองคน ท้ายที่สุดก็ได้นำซานเฉียงไป
ทันใดนั้น ท้องฟ้าในหมู่บ้านก็มืดครึ้ม แม้แต่โจวกุ้ยหลานก็ยังรู้ว่านี่ไม่ปกติ แต่ว่าในช่วงที่ผ่านมานี้นางได้กักตุนเสบียงเอาไว้แล้ว จึงไม่กลัว
โจวกุ้ยหลานคอยช่วยโจวคายจือจ่ายภาษีให้กับทั้งครอบครัว และได้จ่ายภาษีของหลิวเกาสองพ่อลูกด้วย คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยมาหาโจวกุ้ยหลานเพื่อขอแลกสิ่งของ โจวกุ้ยหลานจึงค่อย ๆ เปิดกิจการให้แลกสิ่งของอีกครั้ง
โดยในครั้งนี้ แม้แต่คนจากหมู่บ้านถัดไปก็มาด้วย เหล่าไท่ไท่และสะใภ้โจวต้าไห่ก็ร่วมช่วยด้วย สวีฉางหลินใช้เวลาว่าง พาโจวต้าไห่เข้าไปในภูเขาเพื่อสอนเขาเผาถ่าน
วันแรมยี่สิบหกค่ำเดือนสิบสอง โจวกุ้ยหลานปิดประตู เลิกทำกิจการ หยิบลูกชิ้นรากบัวมาทอด
ใส่น้ำมันลงไปในหม้อ กลิ่นหอมลอยฟุ้งออกมา เด็ก ๆ จอมตะกละรายล้อมรอบห้องครัวไม่ยอมไปไหน
เหล่าไท่ไท่มองดูด้วยความเจ็บปวดใจ คอยบอกให้โจวกุ้ยหลานหยุดทำเสียที
“ของพวกนี้น่ากินทั้งนั้น ทำไมถึงไม่ทำล่ะ ? ลองดูซานญาสิ น้ำลายไหลออกมาแล้ว” โจวกุ้ยหลานพูดเสร็จ ก็นำหัวไชเท้าทอดอุ่น ๆ ใส่เข้าไปในปากนาง
ซานญาเคี้ยวอย่างตั้งใจ พลางบอกว่าอร่อยด้วยความดีใจ
เหล่าไท่ไท่สบถออกมา “ของทอดจากน้ำมันพวกนี้ มีไม่อร่อยด้วยหรือ ?”