นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 277 เจ้าจะจากข้าไปงั้นหรือ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 277 เจ้าจะจากข้าไปงั้นหรือ ?
“แม่ วันนี้ขายถ่านได้เงินมาตั้งเยอะ ทำไมยังจะตระหนี่อีกล่ะ ?” โจวกุ้ยหลานอดที่จะหยอกล้อเหล่าไท่ไท่ไม่ได้
เหล่าไท่ไท่ยื่นกระชุน้ำมันให้นาง จากนั้นพูดออกมาอย่างไม่พอใจว่า “ประหยัดเสื้อผ้าใส่ จะได้มีเสื้อผ้า กินประหยัด ๆ จะได้มีข้าวกิน ใครจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนเจ้าล่ะ ? ต่อให้มีภูเขาเงินภูเขาทองก็ใช้ไม่พอ !”
“งั้นไม่ใช่ว่าท่านอยู่กับคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอย่างข้าถึงมีของดีกินหรอกหรือ ?” โจวกุ้ยหลานพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
ตั้งแต่เข้าฤดูหนาวมา สวีฉางหลินพาโจวต้าไห่ไปอยู่บนภูเขา ใช้เวลาเผาถ่านทั้งวัน แทบจะไม่มีโอกาสได้ใช้เงิน พอเผาได้มาก ก็ขายได้เงินมาก กระเป๋าเงินของโจวกุ้ยหลานจึงบวมอีกขึ้นแล้ว
โจวคายจือใส่ฝืนเข้าไปในเตา มองเหล่าไท่ไท่และโจวกุ้ยหลานถกเถียงกัน ในใจรู้สึกอิจฉา รวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า “แม่ กุ้ยหลานรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว”
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา โจวคายจือร่าเริงมากขึ้น เริ่มมีความกระฉับกระเฉง บางครั้งก็พูดคุยกับทั้งสองคนบ้าง
“ใช่แล้ว ข้าไม่ได้ตระหนี่เหมือนท่าน แล้วชีวิตข้าจะยังรุ่งเรืองอยู่รึเปล่า ?” โจวกุ้ยหลานแหงนหน้าพูดขึ้น
เหล่าไท่ไท่เหลือบมองนางหนึ่งครั้ง ขี้เกียจเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกไป
จนกระทั่งหัวไชเท้าทอดสุก ก็นำรากบัวลงไปทอดต่อ
โจวกุ้ยหลานตักซุปราดลงไปในชามลูกชิ้น จากนั้นยื่นให้กับต้าญา ให้นางและเด็กคนอื่น ๆ เอาไปกินกันอีกด้านหนึ่ง
ต้าญาตอบรับคำ จากนั้นรีบวิ่งออกไปข้าง ๆ
กระทั่งเด็ก ๆ ไปกันหมดแล้ว เหล่าไท่ไท่ก็เริ่มรำพันกับลูกของนาง
โจวกุ้ยหลานฟังจนหูชา ตอบรับนางไปพลาง ๆ เหล่าไท่ไท่เห็นท่าทีของนางแบบนี้ หญิงชรารู้สึกว่านางไม่ฟัง จึงจิ้มไปที่หัวนางและพูดว่า “เจ้าแค่รับปากที่ข้าบอกเท่านั้น ไม่ทำตาม ! ตอนนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว ? ผ่านปีใหม่ไปก็ยี่สิบแล้ว ! ตอนที่ข้าอายุเท่าเจ้า พี่สาวเจ้าก็อายุเท่าเสี่ยวเทียนแล้ว ! ถ้าเจ้ายังไม่รีบอีกหน่อยเจ้าจะต้องร้องไห้แน่ !”
“ท่านแม่ล่ะก็ แค่ข้าอยากมีแล้วจะมีได้ที่ไหน ? หมอก็บอกแล้วไง ร่างกายข้าอ่อนแอมาก ถ้าไม่ติดครรภ์ข้าก็ไม่มีวิธีแล้วเหมือนกัน !” โจวกุ้ยหลานร้องหาความยุติธรรม
“เจ้าไม่มีวิธีงั้นหรือ ? งั้นเจ้ากินยาไม่ได้หรือไง ? ข้าได้ยินมาว่าที่หมู่บ้านข้าง ๆ มีคนตั้งครรภ์ยากอยู่ แต่พอได้กินยาของหมอในเมืองเข้าก็ตั้งครรภ์ได้ แถมเด็กยังตัวจ้ำม่ำด้วย ! กุ้ยหลานเอ้ย ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไง เสี่ยวจิ่วน่ะ เจ้ายังไม่เข้าใจว่านางเป็นคนยังไง คอยเอาแต่ตามสวีฉางหลินตลอดทั้งวัน ถ้าเกิดสองคนนั้นมีอะไรกันขึ้นมา เจ้าจะทำยังไง ?”
เหล่าไท่ไท่แค่คิดถึงเสี่ยวจิ่ว ในใจก็รู้สึกเป็นกังวล
คนในหมู่บ้านนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตกันตามลำพัง มีบ้านพักคนชราที่ไหน ? นางเห็นว่าเสี่ยวจิ่วยังไม่แต่งงาน เอาแต่ตามสวีฉางหลินต้อย ๆ ในใจจึงรู้สึกเป็นกังวล เอาแต่คิดว่าสวีฉางหลินจะไปมีอะไรกับเสี่ยวจิ่ว แต่ลูกของตัวเองกลับไม่รู้จักคอยป้องกัน !
โจวกุ้ยหลานมือสั่นเทา พลางพูดออกมาว่า “สวีฉางหลินไม่ได้มีอะไรกับนาง”
แม้จะบอกว่าแรกเริ่มนางจะไม่ปกติ และไม่อยากให้เสี่ยวจิ่วมาอยู่ที่บ้านของตน แต่ต่อมานางได้ลองสังเกตดู และพบว่าเสี่ยวจิ่วจะคอยเว้นระยะห่างกับสวีฉางหลินเสมอ เมื่อเห็นนางกับสวีฉางหลินใกล้ชิดกันก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสองคนจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรต่อกัน
“เจ้าใจกว้างเกินไป ! อยู่กับสาวสวยสองต่อสอง สวีฉางหลินจะไม่เผลอใจอ่อนเลยหรือ ? ลูกเอ้ย เจ้าเป็นลูกที่ข้ารักสุดหัวใจ รีบหาวิธีจัดการเสี่ยวจิ่วให้ออกไปได้แล้ว ! ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เจ้าคงได้เลิกกับสวีฉางหลินแน่ !”
เหล่าไท่ไท่ร้อนรน
โจวกุ้ยหลานยิ้มพลางส่ายหน้า หยิบรากบัวที่เพิ่งจะทอดสุกใส่เข้าปากเหล่าไท่ไท่
โจวคายจือที่กำลังก่อไฟอยู่มองโจวกุ้ยหลาน คิดจะพูดอะไรออกมา แต่เมื่อเห็นท่าทีน้องสาวของตนเอง สุดท้ายจึงไม่ได้พูดอะไร
ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อไฟต่อไป
จนกระทั่งพลบค่ำ สวีฉางหลินพาโจวต้าไห่และเสี่ยวจิ่วกลับมาแล้ว โจวต้าไห่รู้สึกดีใจจนแทบทนไม่ไหว เอาถ่านที่ตนเองเผาไปบอกกับคนอื่นว่าตนเผาถ่านได้ดีแล้ว
ทุกคนต่างพากันดีใจ โจวกุ้ยหลานโบกมือ ประกาศว่าเย็นนี้จะทำหม้อไฟกินกัน ทุกคนต่างพากันจัดเตรียมของด้วยความกระตือรือร้น
แม้แต่เสี่ยวจิ่วที่มักจะไม่แสดงสีหน้าออกมายังรู้สึกมีความสุข เตรียมของกับทุกคน
ทั้งครอบครัวรวมตัวกันและทานอาหารหม้อไฟ โจวต้าไห่และเหล่าไท่ไท่เอาลูกชิ้นรากบัวทอดที่พวกเขาให้ และยังให้ครอบครัวของโจวต้าซานและจางเสี่ยวจุ๋ยด้วย
คนอื่น ๆ ไปล้างหน้าสระผม ก่อนที่จะค่อย ๆ กลับเข้าห้องของตนเอง
โจวกุ้ยหลานกำลังคิดที่จะถอดรองเท้าออกลงไปแช่เท้า สวีฉางหลินก็พานางไปยังห้องทิศตะวันตก ทันใดนั้นเขาก็ปัดเศษหญ้าและสิ่งของที่วางอยู่บนพื้นออก จากนั้นเปิดประตูไม้ออกมา พาโจวกุ้ยหลานลงไปด้านล่าง
เมื่อทั้งสองคนเดินลงมาข้างล่าง โจวกุ้ยหลานก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิห้อง ตะเกียงน้ำมันในมือของสวีฉางหลินทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ด้านในเป็นพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ น่าจะเกือบหนึ่งร้อยตารางเมตร ภายในเต็มไปด้วยเมล็ดข้าวพันธุ์
“นี่คือ ?” โจวกุ้ยหลานถามเขาด้วยความตกใจ
สวีฉางหลิน “เมล็ดข้าวพันธุ์”
โจวกุ้ยหลานพูดไม่ออก “ข้ารู้ว่านี่คือเมล็ดข้าวพันธุ์ แต่มันมาจากไหนนัก ?”
“ข้าให้คนซื้อมา” สวีฉางหลินตอบ
คน ?
ในบ้านนี้นอกจากเสี่ยวจิ่วแล้ว ใครจะช่วยเขาซื้อเมล็ดข้าวพันธุ์มากมายขนาดนี้โดยไม่บอกนาง ?
เมื่อเห็นว่านางสงสัย
สวีฉางหลินจึงไม่คิดจะปิดบังนางอีกต่อไป เขาวางตะเกียงลงบนพื้น หยิบเก้าอี้จากที่ไหนก็ไม่รู้ออกมาให้นางนั่งลง ปืนบันไดขึ้นไปปิดประตู จากนั้นพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า “เมล็ดข้าวพันธุ์พวกนี้ เพียงพอให้เจ้าใช้กินได้ถึงห้าปี”
“เจ้าจู่ ๆ เตรียมเมล็ดข้าวพันธุ์มากขนาดนี้ไว้ทำไมกัน ?” โจวกุ้ยหลานฝืนยิ้มออกมาด้วยความยากลำบาก
ตั้งแต่ที่เสี่ยวจิ่วปรากฏตัวขึ้น ความรู้สึกกังวลก็ถูกขุดขึ้นมา
สวีฉางหลินสูดหายใจเข้าลึก “เหลียงกั๋วของพวกเราใกล้จะถูกประเทศฝ่ายศัตรูล้อมไว้แล้ว”
“ก็เลย ?”
“กุ้ยหลาน ขอโทษด้วย”
โจวกุ้ยหลานที่ได้ยินดังนั้น ความรู้สึกกังวลก็แผ่ซ่านไปทั้งตัว
“เจ้าก็เลยจะทิ้งข้าไปงั้นหรือ ?”
สวีฉางหลินขยับริมฝีปาก นิ่งอยู่นานไม่ยอมพูดอะไรออกมา
ในหัวของโจวกุ้ยหลานตอนนี้ชัดเจนขึ้นแล้ว เมื่อคิดถึงการกระทำต่าง ๆ ของตัวเองตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา และนำมารวมเข้ากับคำพูดของเขา ทำให้เกิดความคิดที่ชัดเจนขึ้น
ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนหน้านี้ ในทุก ๆ วันเขาจะไม่ค่อยว่าง มักออกไปล่าสัตว์อยู่เสมอ โดยที่ไม่เคยล่าสัตว์เล็กเลย แค่ที่นางมีอยู่ตอนนี้ก็สามร้อยกว่าตำลึงแล้ว บวกกับเมล็ดข้าวพันธุ์เหล่านี้ ชีวิตนี้คงไม่ต้องกังวลกับเรื่องกินเรื่องดื่มอีก
แถมยังมีผืนจากโจวต้าไห่ ที่ไม่ใช่แค่เพื่อให้ต้าไห่หาเงิน แต่เพื่อช่วยเหลือนางใช่ไหม ?
ยิ่งคิด โจวกุ้ยหลานยิ่งรู้สึกตกตะลึง
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่สังเกตเห็น แต่นางไม่กล้าคิดมาก ได้แต่เก็บความคิดเหล่านี้ไว้ในใจเสมอโดยที่ไม่กล้าพูดออกมา แต่ในตอนนี้ นางเข้าใจแล้ว ว่าความกังวลที่ผ่านมามาจากไหน
“สวีฉางหลิน เจ้าก็แค่คนขี้โกหก เจ้าโกหกความรู้สึกของข้า ตอนนี้กลับพาข้ามาดูของพวกนี้อีกงั้นหรือ ? ใช้เงินและเมล็ดข้าวพันธุ์พวกนี้เพื่อทิ้งข้าไปงั้นหรือ ?”
โจวกุ้ยหลานตะโกนอย่างคร่ำครวญ ลุกขึ้นต้องการออกไป แต่ไม่ทันได้ระวังเท้าสะกิดเข้ากับตะเกียงที่อยู่บนพื้น นางคิดที่จะออกไปอีกครั้ง แต่แขนก็ถูกสวีฉางหลินดึงเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
“ข้าจะกลับมา เชื่อข้าเถอะ” สวีฉางหลินให้สัญญา สีหน้าดูขาวซีดผิดปกติ
โจวกุ้ยหลานสบถออกมา “เจ้ามันคนบ้า”
ให้เชื่อเขา ? จะให้เชื่อเขาได้ยังไง เขาไม่ได้มีสามหัวหกมือสักหน่อย !
สวีฉางหลินเงียบลงอีกครั้ง เพิ่มแรงบีบในมือขึ้นอีก