นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 28 เมียเป็นไรหรือไม่
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่28 เมียเป็นไรหรือไม่?
คำว่าเจ้าจ๋า ทำเอาสวีฉางหลินรู้สึกจิตใจเบิกบานขึ้นเยอะมาก
“ต่ำกว่าสามสิบชั่งสิบเหวิน สามสิบชั่งขึ้นไปแปดเหวิน”
พูดจบก็หั่นเนื้อหมูป่าของตัวเองต่อ
โจวกุ้ยหลานคิดในใจ เทียบเท่ากับราคาของเนื้อหมูธรรมดาเลย
คิดแล้วก็ใช่ เนื้อหมูป่าอร่อยกว่าเนื้อหมูธรรมดามาก เนื้อของหมูป่าเหนียวแน่นกว่า
“แพงไปหรือเปล่า?”
ชายชุดขาวอดไม่ได้ไล่ถาม
น่าเสียดายที่สวีฉางหลินไม่เงยหน้าขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ไม่ให้โอกาสเขาได้ต่อรองราคาเลย
ผู้ชายคนนี้ชักจะเย่อหยิ่งเกินไปแล้วนะ……
หรือว่าเขาจะไม่ใช่คนธรรมดา……
โจวกุ้ยหลานรู้นิสัยของสวีฉางหลิน นางรีบตอบว่า: “ท่านเปิดโรงเตี๊ยม ท่านน่าจะรู้ดีว่าเนื้อหมูป่าอร่อยกว่าเนื้อหมูธรรมดา และเนื้อหมูป่าก็ไม่ได้หาง่ายๆด้วย ซื้อกลับไปทำอาหารไม่ขาดทุนหรอก”
ชายชุดขาวมองไปที่โจวกุ้ยหลานอีกครั้ง เห็นนางมองเขาอย่างเรียบเฉยและใจกว้าง ทำเอาเขาแอบนับถือนางขึ้นมาในใจ
ถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะพูดกับเขาอย่างมีมารยาท แต่ท่าทีกลับไม่เหมือนจะยอมคนง่ายๆ ดูแล้วนางก็มีความสามารถอยู่เหมือนกัน
“เจ้าพูดถูก แต่หากข้าซื้อเนื้อหมูป่าห้าสิบชั่ง จะเป็นราคาไหนล่ะ?”
ตอนนี้โจวกุ้ยหลานไม่รอสวีฉางหลินพูด นางก็รีบตอบว่า “งั้นก็ขายเจ้าเจ็ดเหวินแล้วกัน”
ไม่รู้ว่าทำไม เขารู้สึกว่าถ้าต่อราคาอีก ผู้หญิงคนนี้คงไม่ลดให้เขาแล้ว และผู้ชายคนนั้นไม่มีทางลดให้เขาเหมือนกัน
เขาเคาะพัดในมือ “งั้นข้าเอาห้าสิบชั่ง”
โจวกุ้ยหลานตอบรับแล้วเอาตาชั่งออกมา สวีฉางหลินหั่นเนื้อหมูป่าออกมาหนึ่งก้อนใหญ่ๆ ช่างได้ห้าสิบชั่งเป๊ะๆพอดี
แม่นเกินไปแล้ว ไม่ขาดไม่เกินเลยสักชั่งเลยเหรอ?
สวีฉางหลินให้ชายเสื้อขาวดูชั่ง พอชายเสื้อขาวพยักหน้าแล้ว เขาก็เอาเนื้อใส่ลงไปในตะกร้าของข้ารับใช้ ก็ถึงถอยกลับไปจัดการเนื้อหมูป่าต่อ
ชายเสื้อขาวยื่นเงินให้โจวกุ้ยหลาน แล้วพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า: “ข้าชื่อไป๋ยี่เซวียนเป็นเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเทียนเซียง หากครั้งหน้ามีของป่าอีก มาส่งให้โรงเตี๊ยมเทียนเซียงได้เลยนะ”
โชคดีจริงๆ วันนี้โชคดีมาก!
มาถึงก็ขายได้เยอะขนาดนี้แล้ว!
โจวกุ้ยหลานยิ้มแล้วตอบรับ รับเงินมาจากชายเสื้อขาวแล้วใส่เข้ากระเป๋าตังตัวเอง เก็บไว้ติดตัวจะดีกว่า
“เถ้าแก่ไป๋กลับดีๆนะเจ้าคะ ขอให้ขายดีเฮงๆ ต่อไปมีโอกาสก็ร่วมงานกันเยอะๆนะเจ้าคะ”
ไป๋ยี่เซวียนตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้เลย”
พูดจบ เขาก็พาข้ารับใช้สองคนไปซื้อผักที่อื่น
โจวกุ้ยหลานกดกระเป๋าตังอย่างพึงพอใจ
หาได้สามร้อยห้าสิบเหวินแล้ว!
ไม่นาน ที่ว่างข้างๆก็มีคนมาวางแผงขายของกัน หนึ่งในนั้นยังมียายแก่มาขายวอลนัตด้วย โจวกุ้ยหลานซื้อมาสามชั่ง จ่ายไปสิบสองเหวิน
มีคนเข้ามาซื้อเนื้อตลอดไม่ขาดสาย บางคนมาถึงก็มาถามซื้อกับสวีฉางหลิน แต่สวีฉางหลินไม่สนใจพวกเขา และเอาแต่หั่นเนื้อไม่หยุด โจวกุ้ยหลานรีบพูดต่อรองราคากับพวกเขา และช่างเนื้อให้พวกเขา
คงเป็นเพราะเนื้อหมูป่าของพวกเขาสดใหม่ ไม่ถึงเที่ยง พวกเขาก็ขายได้ร้อยกว่าชั่งแล้ว
คนยิ่งเยอะ ลูกค้าก็เยอะมากขึ้น พวกเขาขายเนื้อได้เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ
คนมาซื้อเนื้อหมูป่ากันเยอะ คนซื้อเนื้อหมูธรรมดาก็น้อยลง
พ่อค้าขายหมูในตำบลก็ขายเนื้อไม่ดีเลย ขายเนื้อได้ไม่เยอะเท่าวันปกติ
พ่อค้าจางที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เขาถือมีดฆ่าหมูเดินไปหน้าแผงขายเนื้อหมูป่าของสวีฉางหลิน
“ไสหัวไปซะ!”
เขาผลักแรงมาก ผลักจนลูกค้าที่มาซื้อเนื้อหมูป่าต้องถอยไปข้างหลังจนหมด
เห็นในมือเขามีมีด ก็เลยไม่มีใครกล้าตอบโต้เขา จึงต้องอดทนแล้วถอยหลังไป
“นี่ พวกเจ้าขายเนื้อได้เยอะเชียวนะ! ทำไมมาขายเนื้อแล้วไม่บอกข้าก่อน?”
โจวกุ้ยหลานขายเนื้ออยู่ดีๆ ลูกค้าถูกคนไล่ออกไปแบบนี้ ในใจก็โกรธมาก พอเขาเข้ามาก็หาเรื่องเลยทันที
“เจ้าเป็นใคร?”
“ข้าคือพ่อค้าจาง! ไม่รู้จักข้าก็กล้ามาขายเนื้อที่นี่งั้นเรอะ?” พ่อค้าจางใบหน้าอวบอ้วน หน้าตาแลดูโหดเหี้ยม เวลาที่พูดนั้นก็สะบัดมีดในมือต่อหน้าโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานถึงกับต้องถอยหลังไปหลายก้าว
นางกลัวว่ามือเขากระตุกและมีดปาดโดนนาง คงได้เจ็บตายแน่?
สวีฉางหลินเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา มองดูมีดที่สะบัดไปมาต่อหน้าภรรยาของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า: “เอามีดออกไป”
พ่อค้าจางตกใจกับท่าทีของสวีฉางหลิน แต่เห็นรูปร่างของสวีฉางหลินไม่ได้อ้วนกว่าเขา ยังไงเขาก็จะกลัวเขาไม่ได้
การขายเนื้อต้องใช้วิธีการแย่งลูกค้า ไม่มีความสามารถก็ขายไม่ได้ เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้ต่อไปที่นี้ก็ต้องยอมให้ผู้ชายคนนี้มาขายเนื้อ
พอคิดได้แบบนี้ พ่อค้าจางก็ใจกล้าขึ้นมาอีกครั้ง เหยียบเนื้อหมูป่าที่อยู่บนพื้น แล้วขยี้แรงๆ
“ข้าไม่ เจ้าจะทำยังไง? พวกเจ้าไม่ถามก่อนว่าที่นี่เป็นที่ขายเนื้อของใคร เดี๋ยวข้าก็ฆ่าพวกเจ้าทั้งบ้านหรอก” ว่าแล้ว เขาก็เอามีดชี้ไปยังโจวกุ้ยหลาน
คนรอบข้างร้องฮือฮา ถ้าฟันลงไปจริงๆ นางคงได้ตายแน่
โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ขมวดคิ้ว นางไม่เชื่อว่ามีดนี้จะโดนตัวเอง แต่ถูกคนใช้มีดข่มขู่แกว่งไปมาตรงหน้า นางก็รู้สึกข้องใจมาก
“ถือมีดเจ้าให้ดี ถ้าโดนข้าแม้แต่นิดเดียว ข้าจะแจ้งความให้เจ้าโดนจับเลย!” โจวกุ้ยหลานพูดขู่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พ่อค้าจางได้ยินแล้วก็หัวเราะ มีดก็แกว่งอยู่หน้าโจวกุ้ยหลานแรงขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวดพูดว่า: “อุ๊ยน่ากลัวจัง งั้นข้าจะลองฟันเจ้าดูสิ ดูว่าข้าจะได้เข้าคุกหรือเปล่า?”
พอพูดจบ เขาก็รู้สึกมีอะไรโจมตีมาที่หน้าท้องเขา ตัวเขากระเด็นออกไปไกล แผ่นหลังกระแทกเข้ากับกำแพงเต็มๆ เขาถูกกระแทกจนต้องร้องเฮือก และล้มลงพื้นแทบลุกไม่ขึ้น
เขาเจ็บไปทั่วร่างกาย อยากยืนขึ้นมาแต่ก็ยืนไม่ไหว ขยับตัวไม่ได้เลย
สวีฉางหลินยืนตรง แล้วหันไปมองโจวกุ้ยหลาน ถามนางว่า: “ภรรยา นางเป็นอะไรหรือไม่?”
โจวกุ้ยหลานยังคงอยู่ในความตกใจ พอเขาถามแบบนี้ นางก็ถึงได้สติแล้วส่ายหน้า: “ข้าไม่เป็นไรๆ”
ทำไม……ทำไมเขาถึงเก่งขนาดนี้……
เตะทีเดียวก็ทำเอาพ่อค้าจางกระเด็นออกไปไกลหลายเมตรเลย!
นี่ยังเป็นคนอยู่ไหม? ไม่น่าว่าล่าสัตว์เก่งขนาดนี้เชียว!
โจวกุ้ยหลานรู้สึกนับถือสวีฉางหลินอีกครั้ง เกือบจะกลายเป็นแฟนคลับตัวยงน้อยๆของเขาแล้วล่ะ
เห็นภรรยาตัวเองไม่เป็นไร สวีฉางหลินก็พูดกับทุกคนที่กำลังตกใจว่า: “ขายเนื้อต่อ”
คนรอบข้าสบตากันเลิ่กลั่ก ในใจยังกลัวไม่หาย
ก่อนหน้านี้พวกเขามาซื้อเนื้อสวีฉางหลินไม่ค่อยสนใจพวกเขา พวกเขาบ่นเขาอยู่นาน ถ้าเขาเตะพวกเขาขึ้นมาจริงจะทำยังไง……
โจวกุ้ยหลานตั้งสติ แล้วยิ้มร่าอีกครั้ง: “ไอ้หยา พวกเราขายเนื้อกันต่อนะ เหลือเนื้ออีกแค่นิดเดียวเอง ขายชั่งละหกเหวินแล้วกัน จะซื้อก็เร็วๆหน่อยนะ ใกล้จะหมดแล้ว”
พอตะโกนออกไป ทุกคนก็ถึงได้สติคืนกลับมา
พอได้ยินว่าชั่งละหกเหวิน ทุกคนก็รีบเข้าไปแย่งกันซื้อ ถูกเหยียบก็ไม่เป็นไร กลับบ้านไปล้างแล้วก็ยังกินได้เหมือนเดิม นี่เป็นเนื้อเชียวนะ แถมยังเป็นครึ่งราคาของเนื้อหมูธรรมดาด้วย!