นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 284 น้ำท่วม 4
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 284 น้ำท่วม 4
เมื่อโจวกุ้ยหลานกลับมาถึงบ้าน นางบอกให้พวกของโจวคายจือย้ายไปยังห้องทางทิศใต้ของนาง ทั้งครอบครัวย้ายมายังตรงห้องทางทิศใต้ ปล่อยให้ห้องทางทิศตะวันออกและห้องทางทิศตะวันตกว่างเปล่า ให้พวกเขาไปนอน แต่บ้านหลังนี้ไม่มีเครื่องนอนมากพอ ดังนั้นจึงทำได้แค่ปล่อยให้พวกเขานอนลงบนพื้นหรือบนใบโกร๋นเท่านั้น
เช่นนี้ก็สามารถจัดทุกคนให้เข้าที่ได้อย่างเรียบร้อย
โจวกุ้ยหลานมองไปยังสายฝนข้างนอกและรู้สึกหดหู่ใจ
นำถ่านที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาเพื่อนำไปให้คนในถ้ำ ทำให้พวกเขาจุดไฟเพื่อสร้างความอบอุ่น
ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้
โจวกุ้ยหลานสั่งให้โจวต้าไห่และเอ้อร์เฉียงนำข้าวโพดและข้าวจากห้องทางทิศเหนือออกมาเพื่อทำข้าวต้มหม้อใหญ่ ให้บ้านมีถ้วยไม่พอ ดังนั้นจึงทำได้เพียงค่อย ๆ ตักแบ่งให้ทุกคนกินเพื่อสร้างความอบอุ่น
กินเสร็จแล้วก็ปล่อยให้คนต่อไปมากินโดยใช้ถ้วยใบเดิม
โจวกุ้ยหลานบอกให้พวกเขาดูแลซึ่งกันและกัน นางกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด นอนลงบนเตียงและหลับไป
ในตอนที่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฝนด้านนอกยังคงตกอยู่ ผู้คนต่างขลุกตัวอยู่ในบ้านของนาง ระดับน้ำสูงขึ้นเล็กน้อย บ้านที่อยู่ตีนเขาถูกน้ำท่วมจนหมด
“กุ้ยหลาน เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการกับมันอย่างไรดี” หวังโหยวเกินรออยู่ด้านนอกมาโดยตลอด เมื่อเห็นโจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมา จึงรีบเข้ามาหานางเพื่อขอคำแนะนำ
“ลุง เรื่องนี้แล้วแต่ท่านจะจัดการเลย” โจวกุ้ยหลานลูบศีรษะของตนเอง รู้สึกเจ็บเล็กน้อย
หวังโหยวเกินถอนหายใจออกมา “หากข้ามีวิธีคงไม่มาหาเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า อ่า วันนี้ฝนตกลงมา ทำให้น้ำท่วมไปทั่วทุกพื้นที่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ภูเขาลูกนี้คงถูกน้ำท่วม”
โจวกุ้ยหลานลูบศีรษะของตนเอง นางรู้สึกหนักเกินกว่าที่จะยกขึ้น
เหล่าไท่ไท่เดินเข้ามาหานางและถามว่านางไม่สบายอย่างนั้นหรือ
โบกมือ โจวกุ้ยหลานพูดออกไปว่า “ฝนตกหนักขนาดนี้ เกรงว่าทุกหมู่บ้านคงเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมไม่ต่างกัน เมื่อวานน่าจะมีคนไปแจ้งทางเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว ตอนนี้คนทางภาครัฐคงเตรียมอาหารสำหรับภัยพิบัติครั้งนี้ไว้แล้ว อาหารที่บ้านข้ามีอยู่ก็คงกินได้อีกไม่กี่มื้อ”
“นั่นแหละคือเหตุผล แต่ตอนนี้ด้านนอกฝนตกหนักมาก พวกเราไม่มีเรือแต่อย่างใด แล้วจะเดินทางยังไง ?” หวังโหยวเกินมีความคิดนี้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
หากออกไปตอนนี้ ต่อให้มีกี่ชีวิตก็ไม่พอ
โจวกุ้ยหลานจ้องมองท้องฟ้าด้านนอก คิดว่าอาหารในบ้านคงพอประทังชีวิตได้อีกไม่เกินสองมื้อ ดังนั้นตอนนี้จึงทำได้เพียงส่ายหน้า
“คงทำได้เพียงรอว่าเมื่อไรฝนถึงจะหยุดตก” โจวกุ้ยหลานพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
หวังโหยวเกินได้ยินโจวกุ้ยหลานพูดเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
อาหารพวกนี้เป็นของบ้านโจวกุ้ยหลาน กลัวว่าโจวกุ้ยหลานจะไม่ชอบใจ ถึงเวลานั้นคงเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงรออยู่ที่นี่มาโดยตลอด
“งั้นเจ้าก็พักผ่อนให้เต็มที่ ข้าจะไปดูคนในหมู่บ้านของพวกเราหน่อย” หวังโหยวเกินพูดออกมาพร้อมกับเดินออกไป
โจวกุ้ยหลานนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบตะโกนหยุดหวังโหยวเกินไว้ “ลุง เมื่อวานนี้ฝนตกหนักมาก เกรงว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยมีอาการป่วย”
“อ่า เด็กบางคนเป็นไข้ เรื่องนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะหาหมอที่ไหนมารักษา ? ต่อให้เจอหมอก็ไม่มียารักษาอยู่ดี” หวังโหยวเกินพูดพร้อมส่ายหน้า
“ยังไงก็ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า หากมีโรคระบาดเกิดขึ้น แบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับหายนะ” โจวกุ้ยหลานคิดถึงความเป็นไปได้นี้ พูดความกังวลในใจของตนออกมา
ดูเหมือนว่าหวังโหยวเกินเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน พยักหน้า จากนั้นถึงสวมหมวกและเดินจากไป
เหล่าไท่ไท่นำน้ำร้อนมาให้โจวกุ้ยหลาน มองนางดื่มและพูดออกมาว่า “ในหมู่บ้านของพวกเรามีคนแก่มากมาย ผู้ชายเองก็มีมาก แต่ทำไมถึงต้องรอการตัดสินใจจากผู้หญิงเพียงคนเดียว ? หวังโหยวเกินผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าต้องการพึ่งพาเจ้าทุกอย่างจนหมด !”
“ขอแค่ฝนหยุดตก พวกเราก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ถึงตอนนั้นทางราชสำนักก็คงไม่เพิกเฉยต่อพวกเราหรอกจริงไหม ?”
โจวกุ้ยหลานตอบกลับมา แต่ก็ไม่ได้มีความมั่นใจมากมายอะไรนัก
หากฝนตกหนักเช่นนี้ อย่าว่าแต่คนในหมู่บ้านต้าสือเลย แม้แต่ภูเขาลูกนี้ก็จะถูกน้ำท่วม
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เหล่าไท่ไท่เองก็ไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าของนางนั้นดูเคร่งขรึมมากขึ้น
ในที่สุดคำพูดของโจวกุ้ยหลานก็ได้รับการพิสูจน์ ตอนบ่ายมีคนจำนวนมากป่วยและเป็นไข้
หวังโหยวเกินพูดคุยกับคนในหมู่บ้านที่มีอายุหลายคน จึงตัดสินใจย้ายคนป่วยพวกนี้เข้าไปอยู่ในถ้ำ คนที่ยังมีอาการปกติก็ให้อยู่อีกถ้ำหนึ่ง ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาอยู่ด้วยกันได้
หมู่บ้านต้าสือที่มีทั้งหมดสองพันหลังคาเรือน จากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้น ผู้คนจำนวนมากถูกน้ำพัดหายไป ความกดอากาศต่ำปกคลุมไปทั่วพื้นที่ หลายคนร้องไห้คร่ำครวญ บางคนมึนงงราวกับไม่ได้ยินหรือไม่เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น
จนกระทั่งถึงตอนดึก ในที่สุดฝนก็เบาลงเล็กน้อย ถือได้ว่าเป็นข่าวดี
หวังโหยวเกินนั่งอยู่ในห้องโถงกลับผู้สูงอายุหลายคนรวมถึงโจวกุ้ยหลานด้วย พูดคุยกับโจวกุ้ยหลานในเรื่องของอาหารการกิน
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “บ้านของข้าก็ไม่มีอาหารมากมายขนาดนั้นแล้ว อาหารในห้องทางทิศเหนือแต่เดิมมีไว้สำหรับไก่และเป็ด ไม่เช่นนั้นครอบครัวของข้าคงไม่มีอาหารมากมายขนาดนี้ ดังนั้นอาหารที่เหลือคงต้องจัดระเบียบให้ดี ไม่อย่างนั้นคงเหลือไม่ถึงวันพรุ่งนี้”
“ต้องขอบคุณครอบครัวของเจ้าที่เลี้ยงเป็ดและไก่จำนวนมาก ทำให้มีอาหารมากมายขนาดนี้” ชายชราในหมู่บ้านคนหนึ่งถอนหายใจและพูดออกมา
หมู่บ้านต้าสือเป็นหมู่บ้านใหญ่ แม้ว่าผู้คนจำนวนมากจะถูกน้ำพัดหายไป แต่ผู้คนหลายพันคนยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้พวกเขารอรับอาหารจากครอบครัวของโจวกุ้ยหลานเพียงครอบครัวเดียว แม้เมล็ดข้าวที่ได้กินเข้าไปสองมื้อในวันนี้จะนับได้อย่างชัดเจน แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณกุ้ยหลาน ไม่อย่างนั้นพวกเราคงถูกน้ำพัดไปจนหมด” โจวต้าซานเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน
คนอื่น ๆ เองก็พูดออกมาตามกัน
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดอะไรแบบนี้”
“พวกเราเองก็ต้องไปหาอาหารเช่นกัน หากไม่ไหวจริง ๆ พวกเราจะเข้าไปในเขาลึกเพื่อล่าสัตว์ อย่างไงก็ต้องได้อะไรกลับมากินบ้าง” หวังโหยวเกินพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
“แต่ในเขาลึกนั้นมีสัตว์ร้ายอยู่มากมาย พวกเราจะเอาอะไรไปสู้พวกมัน !” ชายชราหนึ่งทนไม่ไหวจึงพูดออกมา
มีคนไม่กี่คนที่เคยไปที่ภูเขาลึกแห่งนี้ และคนส่วนน้อยที่ไปที่นั่นล้วนเสียชีวิต แน่นอนสวีฉางหลินเป็นกรณีพิเศษ แต่ตอนนี้เขาไปรับราชการในกองทัพแล้ว
“หากไม่เข้าไป งั้นก็คงต้องอดตายอยู่ที่นี่ พวกเราไปหลาย ๆ คน ขอแค่สามารถล่าสัตว์กลับมาได้สักสองสามตัว แค่นั้นก็เพียงพอสำหรับการมีชีวิตรอดต่อไปแล้ว” โจวคายจือทนไม่ไหวจึงพูดออกมา
หิวมาทั้งวัน อารมณ์ของเขาเองก็ไม่ค่อยดี หิวจะตายอยู่แล้ว ยังจะมากลัวถูกสัตว์ป่ากัดตายอีกงั้นหรือ ?
ชายชราผู้นั้นยังต้องการพูดอะไรออกมาอีก โจวกุ้ยหลานรู้สึกเพียงแค่ว่าตนเองรู้สึกปวดหัวมากขึ้น
นางโบกมือเพื่อบ่งบอกว่าอย่างทะเลาะกัน จากนั้นหลายคนก็มองมาทางนาง
“ตอนนี้ฝนเบาลงมากแล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาว่ากันใหม่ หากฝนตกน้อยลงก็ให้คนในหมู่บ้านไปหาอาหารในบ้านของตนเองมา ทุกบ้านล้วนแต่กักตุนอาหารไว้ หากใส่ไว้ในถุงกระสอบก็สามารถหยิบขึ้นมาได้ ระดับน้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คงไม่มีผลอะไรมาก ยังไงก็ยังเหลืออยู่”
หลายคนได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ผ่านไปไม่นานก็พยักหน้าแสดงความเห็นด้วย
ยามดึก โจวกุ้ยหลานเกรงว่าอาการป่วยของนางจะติดไปยังลูกทั้งสองของนาง ดังนั้นจึงให้ลูกทั้งสองไปนอนกับเหล่าไท่ไท่ และนางก็นอนตั้งแต่หัวค่ำ
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มองมาด้านนอกก็เห็นว่าฝนตกเบาลงเล็กน้อย เหมือนกับฝนที่เคยตกทั่วไป โจวกุ้ยหลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า เมื่อลุกขึ้นก็รู้สึกหนักหัวเล็กน้อย
ในตอนที่เดินมาถึงห้องครัว เห็นว่าเหล่าไท่ไท่กำลังทำโจ๊กอยู่ คนที่อยู่กับนางนอกจากโจวคายจือยังมีหวังหยู่ชุนและจางเสี่ยวจุ๋ย และยังมีผู้หญิงหลายคนในหมู่บ้านกำลังล้อมรอบเพื่อช่วยกันทำโจ๊ก