นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 31 ทำร้ายเจ้าทำไม?
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 31 ทำร้ายเจ้าทำไม?
เฉียนต้ายานี่เป็นคนร้ายกาจในหมู่บ้านนี้ ปกติแล้วมักเป็นนางรังแกคนอื่น ไม่เคยเห็นนางแล่นมาขอให้ตนช่วยสักครั้ง ครั้งนี้เสียเปรียบถึงคิดถึงเขา นี่เอาเขาเป็นโล่กำบังล่ะสิ?
ถึงสายตาโจวกุ้ยหลานจะเพ่งมองไปที่เฉียนต้ายา แต่หางตากลับเหล่มองสีหน้าผู้ใหญ่บ้าน และเห็นการเปลี่ยนแปลของสีหน้าเขา เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ดูคำพูดของเธอเมื่อครู่ ผู้ใหญ่บ้านรับรู้ได้ทั้งหมดเลยนี่
โจวต้าไห่ที่ยืนอยู่ข้างๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นความเก่งกาจของน้องสาวตนเอง เขาตกใจจนตาแทบถลนออกมา
ก่อนหน้านี้เขายังเตรียมจะออกหน้าให้น้องสาวทุกเมื่ออยู่เลย น้องเขยเขาเป็นคนซื่อสัตย์ น้องสาวเขาก็เป็นพวกพูดไม่เก่ง ไม่คิดว่าน้องสาวจะข่มเฉียนต้ายาลงไปได้!
ดวงตาเฉียนต้ายากลอกกลิ้งไปมา อยากจะพูดอะไรต่อ
นังเด็กนี่ รับมือยากเหมือนแม่มัน!
“พูดเรื่องพวกนั้นไม่มีประโยชน์! นกเขาของข้าถูกเจ้าทำร้ายแล้ว เจ้าจะชดใช้ยังไง?” เฉินโหยวซวนเห็นแม่ตนเองไม่พูดอะไรแล้ว ก็หาเรื่องต่อเลย
โจวกุ้ยหลานยิ้มมุมปากออกมาอย่างอดไม่ได้ นั่นไง สีหน้าผู้ใหญ่บ้านที่เห็นจากหางตาหม่นลงอีกหลายส่วน
ยังไงซะก็เป็นผู้ใหญ่บ้าน สิ่งที่สนใจมากที่สุดคือการให้ความสำคัญจากคนอื่น คำพูดเมื่อครู่ของเฉินโหยวซวนมิเท่ากับบอกว่าผู้ใหญ่บ้านไม่มีประโยชน์รึ?
เฉียนต้ายาเห็นลูกชายตนเองพูดแล้ว ก็ตามน้ำตามทันที “ใช่ เจ้าบอกสิ เจ้าทำร้ายนกเขาของลูกชายข้าหรือไม่?”
“ใช่ ก่อนหน้านี้ข้ายอมรับเองแล้ว” โจวกุ้ยหลานไม่ลังเลเลยสักนิด
“ผู้ใหญ่บ้านท่านได้ยินแล้วกระมัง นางยอมรับแล้ว ให้นางชดใช้เงินมาเลย!” เฉียนต้ายาดีใจมาก และไม่สนใจการเสแสร้งของตนเองแล้ว หันไปพูดรัวๆใส่ผู้ใหญ่บ้านทันที
“ทำไมเจ้าไม่ถามล่ะว่าเพราะอะไร?” โจวต้าไห่ทนไม่ไหวแทรกขึ้น
เฉียนต้ายาพูดอย่างกร่างมีหลักการ “จะเหตุผลอะไรก็เป็นนางที่ทำร้ายคนอื่น ฆ่าคนยังต้องชดใช้ด้วยชีวิตและติดหนี้ก็เอาเงินทองมาเลย! บอกว่าลูกชายข้าไปขโมย เจ้ามีหลักฐานอะไรล่ะ?”
โจวต้าไห่โดนนางถามจนพูดไม่ออก เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด ก่อนหน้านี้แค่ได้ยินแม่เขาบอกมาเล็กน้อย
แต่ในใจลึกๆแล้ว เขารู้สึกว่าน้องสาวตนต้องไม่ผิดแน่ๆ
สวีฉางหลินที่ยืนข้างๆเอ่ยปากขึ้นว่า “น้องสาวเจ้าไม่ต้องการคนช่วย”
โจวกุ้ยหลานเบ้ปาก คนนี้สบายใจจริงนะ เรื่องพวกนี้โยนใส่หัวเธอหมดเลย! ถึงแม้ว่าเธอไม่ต้องการการช่วยเหลือจริงๆก็เถอะ…
“พอได้แล้ว หยุดทะเลาะกัน!” ผู้ใหญ่บ้านตะคอกใส่เฉียนต้ายาอย่างรำคาญ ขมวดคิ้วขึ้นมา
ยัยแก่นี่น่ารำคาญเสียจริง
เฉียนต้ายาโดนผู้ใหญ่บ้านตะคอกใส่ไปก็ตกใจ กลัวจะทำให้ผู้ใหญ่บ้านไม่พอใจจริงๆ เลยเก็บเงียบไม่ปริปากอะไร
พอเห็นในห้องเงียบลงมา ผู้ใหญ่บ้านถึงหันไปหากุ้ยหลาน “นังหนูบ้านโจว เจ้าว่ามาสิว่ามันเรื่องอะไรกัน”
ในที่สุดก็ถึงเธอพูดบ้างแล้ว โจวกุ้ยหลานเผยอปากเริ่มพูด “ก่อนแม่ข้าให้ข้าแต่งงานก็ไปถอนหมั้นกับบ้านเฉินแล้ว ยังเอาข้าวโพดไปคืนแล้ว แม่ข้าก็ไม่อยากข้าโดนตีจึงถอนหมั้น ตอนนี้ดูแล้ว โชคดีที่แม่ข้าถอนหมั้นทัน”
“เจ้าพูดอะไรน่ะ? บ้านเจ้ามาถอนหมั้นนี่ทำถูกแล้วรึ?” ทนไม่ไหวสอดขึ้นมา โจวกุ้ยหลานยิ้มบอก “หากเป็นบ้านอื่นโดนถอนหมั้น ย่อมเป็นเพราะบ้านข้าทำมิถูก แต่ถอนหมั้นกับบ้านเจ้าน่ะ เป็นเรื่องดียิ่งแล้ว เมียคนแรกของเฉินโหยวซวนโดนเขาตบตีจนทนไม่ไหวกินยาตาย พวกเจ้ายังคิดจะให้ร้ายคนอื่นอีก? ต่อไปคนในหมู่บ้านนี้ยังคิดอยากจะแต่งเมียจากข้างนอกมารึ?”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าผู้ใหญ่บ้านเปลี่ยนสีทันที
ลูกชายสองคนของเขาโตเป็นหนุ่มแล้ว สองปีนี้ต้องหาเมียแล้ว หากหาเมียไม่ได้เพราะเฉินโหยวซวน มันเรื่องใหญ่แล้ว!
“นั่นเพราะนางกินยาตายเอง เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า…” เฉินโหยวซวนตอบกลับหน้าม้าน
แม่เขาพูดมาตลอดว่าสตรีก็แค่ตัวสิ้นเปลืองเงินทอง เกิดมาเพื่อรับใช้บุรุษ เขาดูถูกผู้หญิงมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลย หลังจากแต่งเมียมาแล้ว ไม่พอใจก็ดุด่าตบตีนาง ใครจะคิดว่านางจะกินยาฆ่าตัวตายกัน?
“เจ้าพูดคำนี้ดูจะไร้น้ำใจเกินไปนะ เมียเจ้าน่ะตอนนั้นทนไปทำงานทั้งที่บาดแผลเต็มกาย เจ้ากลับนอนเล่นอยู่บ้าน เรื่องพวกนี้คนในหมู่บ้านต่างรู้กันดี เจ้ายังคิดจะโกหกต่อหน้าลุงโหยวเกินรึ?”
โจวกุ้ยหลานแค่นเสียงเย็น และทำเฉินโหยวซวนได้แต่เงียบปากพูดอะไรไม่ออกอีก
บ้านเฉินนี่มิใช่คนดีอะไร จะว่าไปก็ทำผู้หญิงตายไปสองคนแล้ว รวมถึงเจ้าของร่างเดิมของเธอด้วย
ถ้านกเขาพังไปเลยจริงๆก็ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องไปทำร้ายผู้หญิงคนอื่นอีก
ในใจผู้ใหญ่บ้านก็เห็นด้วยกับคำพูดของโจวกุ้ยหลาน บุรุษอื่นในหมู่บ้านก็มีตบตีเมียบ้าง แต่ไม่มีใครเห็นเมียเป็นผักเป็นปลาเหมือนไม่ใช่คนอย่างเฉินโหยวซวนเลย ตอนที่สตรีผู้นั้นตายลง บ้านเดิมนางยังมาหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งในหมู่บ้าน เป็นเขาที่ห้ามปรามสกัดกลับไป
บ้านเฉินนี่น่ารำคาญจริง!
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวผู้ใหญ่บ้านอีก
“ส่วนเรื่องที่เจ้าว่าข้าทำร้ายนกของเจ้า เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าไปบ้านข้าทำไม?” น้ำเสียงโจวกุ้ยหลานเปลี่ยนเป็นเข้มงวด และตะคอกใส่เฉินโหยวซวนอย่างดุร้าย
เฉินโหยวซวนสายตาล่อกแล่ก แต่ยังเกร็งคอตะคอกกลับว่า “ข้าก็ไปถามเจ้า เจ้าทำร้ายข้าน่ะ!”
“ข้าทำร้ายยังไง?”
“ใช้หมอนไม้! หมอนไม้บนเตียงเจ้า!” พอพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าเฉินโหยวซวนเต็มไปด้วยความแค้น
นางแพศยานี่กล้าทำร้ายเขา รอเขาหายดีต้องเอานางเป็นเมียให้ได้ แล้วจะทำให้นางพิการไปเลย!
โจวกุ้ยหลานยิ้มอีกครั้ง “พวกเรามาพูดกันดีๆดีกว่า ข้าหมุนตัวเดินกลับห้องนอนไปหยิบหมอนไม้บนเตียงมาทำร้ายเจ้า เวลานานขนาดนี้เจ้าไม่คิดจะหลบเลย? ผู้ชายทั้งแท่งอย่างเจ้ายืนรอข้าทำร้าย? กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ? ไอ้หน้าตัวเมีย!”
พอคำนี้ออกมา สายตาที่สวีฉางหลินหันมองเฉินโหยวซวนเปลี่ยนไปทันที
คนผู้นี้กล้าจะแย่งเมียเขา? เขายังไม่ได้เข้าห้องหอเลยสักนิด!
สีหน้าโจวต้าไห่ไม่สู้ดีนัก ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ฟังมาถึงตรงนี้ เขายังไม่เข้าใจอีกหรือ?
จากนั้นก็หันมองโจวกุ้ยหลานที่ยืนอยู่กลางห้องด้วยความปวดใจ
น้องสาวคนนี้ต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ นางจะเจ็บปวดสักเพียงไหน?
สีหน้าผู้ใหญ่บ้านก็แย่มากเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คิดไปในทางนี้เลย
เฉียนต้ายาก็เป็นคนสังเกตรอบข้างได้ดี เวลานี้นางมองออกว่าผู้ใหญ่บ้านเอนเอียงไปทางโจวกุ้ยหลานแล้ว
“ครั้งก่อนเจ้ามิได้พูดเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนนี่! ตอนนี้จะมาโกหกอะไร?” น้ำเสียงดูร้อนใจนัก
โจวกุ้ยหลานเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้ากลายเป็นเศร้าโศก พลางว่า “ข้าเพิ่งแต่งงาน กล้าพูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าคนในหมู่บ้านรึ? ถึงเขาจะทำไม่สำเร็จ แต่ไม่แน่ว่าคนข้างนอกเอาไปครหา หากมิใช่ข้าโดนพวกเจ้าบีบคั้นให้ชดใช้เงิน ข้าต้องพูดเรื่องนี้ออกมาต่อหน้าสามีข้าด้วยรึ?”
ตอนนี้มาพูดเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าในห้องนี้นอกจากเฉียนต้ายากับเฉินโหยวซวนแล้ว ก็มีผู้ใหญ่บ้านคนเดียวที่เป็นคนนอก นางไม่กลัวว่าเรื่องจะแพร่ออกไป ถึงกล้าพูดออกมา
ไม่งั้นพวกบ้านเฉินจะคิดว่าบังคับเธอได้ง่าย ดีไม่ดีคราวหน้าอาดจะทำแบบเดิมอีก
สีหน้าผู้ใหญ่บ้านเขียวปั๊ดแล้ว เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในหมู่บ้านของเขา หากเรื่องนี้แพร่ออกไป เขาจะเอาหน้าแก่ๆของเขาไปไว้ที่ไหน? ยังมีลูกชายสองคนของเขา ต่อไปจะหาเมียได้ยังไง?
“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านอย่าไปฟังนังแพศยานี่พล่าม โหยวซวนของข้าเป็นคนเช่นนี้ที่ไหนกัน? นางแค่ไม่อยากชดใช้เงินเท่านั้นแหละ!” เฉียนต้ายาร้อนใจรีบอธิบายกับผู้ใหญ่บ้าน