นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 323 บุตรชายคนโตยังมีชีวิตอยู่
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา # บทที่ 323 บุตรชายคนโตยังมีชีวิตอยู่
นี่เป็นพิธีแต่งตั้งของบุตรชาย เป็นสิ่งที่นางฝันมาหลายปี ห้ามให้สวีฉางหลินมาทำลาย ห้าม!
สวีฉางหลินเหลือบตามองนาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา”ผู้หญิงในวังหลังมีสิทธิ์มายุ่งราชกิจได้แต่เมื่อใด?”
คำพูดเดียวทำให้ใบหน้าของหวั่นกุ้ยเฟยซีดขาวเลย
“นายพลสวี องค์ชายใหญ่เป็นบุตรชายคนเดียวของฝ่าบาท แต่งตั้งเขาเป็นไท่จื่อเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเลย นายพลสวีโปรดอย่ามาก่อกวน”อ๋องตวนมองด้วยสายตาที่แหลมคม และพูดด้วยเสียงเย็นชา
ฮ่องเต้ที่อยู่บนที่สูงนั้นตอนนี้สีหน้าก็ดูแย่มาก
หากไม่ใช่ว่าสวีฉางหลินสู้รบเก่ง และตอนนี้แคว้นเหลียงประสบทั้งเหตุสุดวิสัยภายในและสงครามภายนอก เขาจะสั่งลากสวีฉางหลินลงไปประหารชีวิตทันทีเลย!
สวีฉางหลินจ้องฮ่องเต้ที่อยู่บนที่สูง ถามด้วยเสียงที่เคร่งขรึม”ใครว่าฝ่าบาทมีเพียงบุตรชายคนเดียว?พวกเจ้าลืมองค์ชายคนโตที่ฮองเฮาคลอดในแปดปีก่อนแล้วหรือ?”
คำพูดนี้ทำให้สถานการณ์ไม่สงบเหมือนเดิมอีก
ถึงแม้ในสถานการณ์แบบนี้ ก็มีหลายคนกระซิบกระซาบกัน
“องค์ชายคนนั้นตายแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ใต้เท้าสวีช่วยพูดให้ฮองเฮานี่เอง?”
“แต่องค์ชายคนนั้นตายแล้วไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าของฮ่องเต้ก็จริงจังมาก เหมือนมีเรื่องอะไรหลุดออกจากการควบคุมของเขา
“สวีฉางหลิน นี่ไม่ใช่ที่ๆเจ้าจะมาก้าวร้าวได้นะ!”ฮ่องเต้เบิกตากว้าง ทำหน้าโมโหและตวาดใส่คนข้างล่างโดยผ่านขั้นบันไดที่สูง
สวีฉางหลินคุกเข่าข้างทำความเคารพอีกครั้งหนึ่ง พร้อมพูดว่า”ฝ่าบาท องค์ชายคนโตยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้กำลังรออยู่นอกวังพ่ะย่ะค่ะ!”
คำพูดนี้ทำให้สถานการณ์เงียบสงบลงอีกครั้งหนึ่ง
องค์ชายคนโตมีชีวิตยังอยู่จริงด้วย!
หวั่นกุ้ยเฟยที่ใกล้กับสวีฉางหลินมากที่สุดนั้นตัวสั่นและหน้าซีดขึ้นมา
เป็นไปไม่ได้ ปีนั้นนางเห็นกับตาว่าองค์ชายคนโตตายอยู่ในอ้อมอกของแม่นม เหตุใดถึงยังมีชีวิตอยู่?
ไม่!เป็นไปไม่ได้!
“เจ้าโกหก!องค์ชายคนโตตายตั้งแต่แปดปีก่อนแล้ว!เจ้าโกหก!”
หวั่นกุ้ยเฟยควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ตะโกนใส่สวีฉางหลิน
“ฝ่าบาท บุตรชายคนโตของพระองค์เฝ้ารออยู่ข้างนอกวังพ่ะย่ะค่ะ”ระหว่างที่พูด สวีฉางหลินก็ก้มหน้าลง
“ไม่เพคะ ฝ่าบาท เขาพูดโกหก ไม่ใช่องค์ชายคนโตแน่นอน!พวกเราล้วนได้เห็นศพขององค์ชายคนโตแล้ว!”
หวั่นกุ้ยเฟยกล่าวขอร้องต่อฮ่องเต้ที่อยู่บนที่สูงอย่างเร่งรีบ หวังว่าเขาจะไล่สวีฉางหลินออกไป และลงโทษเขาด้วย
วันนี้เป็นวันที่บุตรชายนางถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อ นางจะไม่อนุญาตให้ใครมาก่อกวนทั้งสิ้น!
“ฝ่าบาท องค์ชายคนโตที่ออกโดยฮองเฮาสวรรคตแต่พระเยาว์ สวีฉางหลินกล้ามาปล่อยข่าวลือที่นี่ ทำลายพิธีแต่งตั้งของไท่จื่อ นี่เป็นโทษหนัก!ฝ่าบาทควรจะลงโทษทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”
กรมพิธีการลุกออกมา คุกเข่าต่อฮ่องเต้พร้อมกล่าวคำร้อง
“ฝ่าบาท กระหม่อมเชื่อว่าใต้เท่าสวีจะมิใช่คนไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้ อยากให้ฝ่าบาทสั่งให้เด็กคนนั้นเข้ามาก่อน ดูว่าสถานการณ์เป็นจริงหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ!”
อีกคนหนึ่งก็คุกเข่าขอร้องตาม
“ฝ่าบาท ถ้าล่าช้าลงไปอีกก็จะเลยเวลาอันมงคล นี่เป็นพิธีแต่งตั้งไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ!”กรมพิธีการพูดอย่างเร่งรีบ
อ๋องตวนก็เดินหน้า ทำความเคารพต่อฮ่องเต้ที่อยู่ที่สูง”ฝ่าบาท วันนี้เป็นพิธีแต่งตั้งไท่จื่อ ควรแต่งตั้งไท่จื่อก่อน แล้วค่อยตรวจสอบว่าสิ่งที่ใต้เท้าสวีพูดนั้นเป็นความจริงหรือเปล่าเถอะ?”
“อ๋องตวน หากแต่งตั้งไท่จื่อก่อน เจ้าจะนำองค์ชายคนโตของฝ่าบาทไว้ที่ไหน?”สวีฉางหลินตวาดออกมา มีความทรงพลังมาก ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
เขามองสังเกตรอบข้างแล้วพูดต่อ”ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การแต่งตั้งไท่จื่อต้องเลือกบุตรชายคนโตของเมียหลวงก่อน และสิ่งที่ต้องพิจารณารองลงมาก็คือความสามารถ องค์ชายสองไม่ใช่ลูกของเมียหลวง แล้วก็ไม่ใช่บุตรชายคนโตด้วย แถมยังไม่มีผลงานใดๆ จะถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่ออย่างไรได้?อ๋องตวนจะให้ฝ่าบาทต้องถูกคนรุ่นหลังว่ากล่าวหรือ?”
สีหน้าของอ๋องตวนเปลี่ยนไปทันที รีบหันหน้ากราบใส่ฮ่องเต้ที่อยู่บนที่สูง น้ำเสียงรีบร้อนมาก”ฝ่าบาท กระหม่อมมิเคยคิดเช่นนี้มาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
พอได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นก็ไม่รู้จะเถียงยังไงดีเลย หวั่นกุ้ยเฟยยังคิดจะขึ้นไปพูดอีก แต่ถูกนางกำนัลข้างๆคนหนึ่งบีบแขน และใช้สายตาสะกิดนางหลายครั้งด้วย นางกัดริมฝีปากไว้อย่างแน่น พยายามระงับความหวาดกลัวของตัวเอง
ฮ่องเต้ที่อยู่ที่สูงมองบุตรชายที่อยู่บนบันได มือกำเป็นหมัด จากนั้นสายตาก็ย้ายไปที่สวีฉางหลิน
อยู่ไกลเกินไป เขามองไม่เห็นสีหน้าของสวีฉางหลิน แต่กลับเกิดความรู้สึกอ่อนแรงขึ้น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เรื่องแต่งตั้งไท่จื่อก็ต้องหยุดก่อน
“พาเข้ามาเถอะ”ฮ่องเต้พูดอย่างใจเย็น
กรมพิธีการได้ยินคำพูดของฮ่องเต้ร่างกายก็สั่นเล็กน้อย
หวั่นกุ้ยเฟยเกือบจะสลบไป ตำแหน่งไท่จื่อของนาง!
นางกำนัลข้างหลังเข้าใกล้นาง กระซิบพูดว่า”กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเพคะ นายท่านจะช่วยพวกเราแน่นอนเพคะ”
คำพูดนี้ทำให้หวั่นกุ้ยเฟยที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่นั้นกลับสู่สภาพเดิม นางพยายามระงับความโมโหและความผิดหวังในใจลงไป ยืนตรงขึ้นมา กลับมาเป็นหวั่นกุ้ยเฟยที่สง่างามเหมือนเดิม
เรื่องหลายอย่างในวังนางล้วนจัดการได้ จะตกอยู่ในแผนของผู้ชายที่สู้รบเป็นอย่างเดียวได้อย่างไร?ไม่ ตำแหน่งไท่จื่อจะเป็นของบุตรชายนาง ไม่ว่าอย่างไร นายจะต้องเอาชนะสวีฉางหลินให้ได้
ส่วนองค์ชายคนโตที่ว่านั้น?ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม ล้วนสามารถทำให้เป็นปลอมได้!
เพียงสักครู่หนึ่ง หวั่นกุ้ยเฟยก็ปรับสติของตัวเองได้ดีและยังคิดแผนได้แล้วด้วย
แต่รอตอนที่นางเห็นเด็กที่คุกเข่าอยู่บนพื้นจริงๆ นางก็ใจสั่นอีกครั้ง
เพราะเด็กคนนี้ คล้ายกับฮ่องเต้มาก!
เสี่ยวเทียนที่คุกเข่าอยู่ข้างสวีฉางหลินได้ยินเช่นนี้ก็เงยหน้าขึ้น เผยหน้าตาของตัวเองให้ทุกคนดู
ขุนนางล้วนหายใจเข้าลึกๆ สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
หน้าตานี้หากมีคนพูดว่าไม่ใช่บุตรชายของฮ่องเต้ พวกเขาล้วนไม่เชื่อหรอก
ทันใดนั้นเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คนที่ไม่เชื่อในก่อนหน้านี้ ตอนนี้ล้วนเริ่มหวั่นไหว
ฮ่องเต้ที่อยู่บนที่สูงมองไม่ค่อยชัด แต่เห็นปฏิกิริยาของขุนนางเหล่านั้นแล้วคงคล้ายเขามาก
เขาก็มีความคาดหวังในใจเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นบุตรชายคนโตของเขาจริงๆ……
“นายพลสวี เจ้าจะพิสูจน์อย่างไรว่านี่เป็นบุตรชายของข้า?”
สวีฉางหลินได้ยินเช่นนี้ มองพื้นต่อ”ฝ่าบาท องค์ชายคนโตมีปานอยู่บนร่างกาย สตรีทำคลอดในปีนั้นล้วนเห็นหมด นางกำนัลก็ล้วนเห็นกัน หาออกมายันกันก็จะได้คำตอบพ่ะย่ะค่ะ”
“สตรีทำคลอดในวังส่วนใหญ่กลับบ้านเกิดแล้ว เจ้าเสนอเงื่อนไขแบบนี้ขึ้น เพื่อจะถ่วงเวลาใช่ไหม?”หวั่นกุ้ยเฟยตวาด
ยังไม่ทันรอสวีฉางหลินเถียงกลับ ก็มีขุนนางอีกคนหนึ่งพูดว่า”ถึงแม้กลับบ้านเกิดแล้วก็สามารถหามาได้ มีอะไรสำคัญกว่าเชื้อสายราชวงศ์อีกหรือ?”
“หวั่นกุ้ยเฟย ถึงแม้สตรีทำคลอดไม่อยู่ ก็ยังมีนางกำนัลไม่ใช่หรือ?ให้นางกำนัลที่รับใช้ฮองเฮาตอนคลอดมาเป็นพยานก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ยังไงหวั่นกุ้ยเฟยก็ครอบครองอำนาจของวังหลังมาหลายปี ถึงแม้ตอนแรกๆมีความกังวลใจเกิดขึ้น แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญกับคำสงสัยของขุนนางต่างๆ นางก็ทำตัวใจเย็น”เรื่องผ่านมาแล้วแปดปี นางกำนัลในปีนั้นตายจากโรคบ้าง ฆ่าตายตัวบ้าง ตอนนี้ไม่เหลือสักคนแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนล้วนมองหน้าเข้าหากัน
ทุกคนล้วนเป็นคนเจ้าเล่ห์ ล้วนรู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ