นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 325 ขอทราบชื่อของคุณพี่ขอรับ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 325 ขอทราบชื่อของคุณพี่ขอรับ?
วินาทีต่อไป เสี่ยวรุ่ยหนิงที่อยู่ข้างๆก็รีบส่ายหน้า”ไม่ไป หนิงหนิงไม่อยากเล่นหมากรุก!”
ช่วงนี้เขารู้สึกเหนื่อยมาก ไม่อยากเล่นหมากรุกแล้ว!”
โจวกุ้ยหลานแอบขำในใจ”เราอยู่ที่โรงน้ำชานั้นนานเกินไป วันนี้เราไปเดินเล่นรอบเมืองหลวงสักเที่ยวหนึ่งดีไหม?”
“ดีเลย!ข้าอยากกินขนมดอกเหมยขอรับแม่”เสี่ยวรุ่ยหนิงชูแขนที่อวบอ้วนของตัวเอง และเสนอความคิดของตัวเอง
เสี่ยวรุ่ยอานขมวดคิ้ว”แม่ ข้าไม่อยากไปเดินเล่น”
“ไม่ได้ พวกเจ้าไม่ได้ขยับมานานแล้ว วันนี้ต้องออกกำลังกายอย่างเต็มที่”โจวกุ้ยเหมยปฏิเสธเสี่ยวรุ่ยอาน
จับมือข้างละคนและเดินหน้าไป
เสี่ยวรุ่ยหนิงดีใจจนกระโดดไปมา ส่วนเสี่ยวรุ่ยอานรู้สึกหดหู่ใจ
เมื่อเห็นลักษณะของเด็กสองคนนี้ โจวกุ้ยหลานรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย เสี่ยวรุ่ยอานเป็นเด็กฉลาด มีความจำเป็นเลิศ ชอบอ่านหนังสือ แต่ไม่ยอมขยับตัว เด็กเล็กขนาดนี้แต่กลับไม่ชอบขยับตัว ทำให้นางรู้สึกเครียดมาก
ส่วนเสี่ยวรุ่ยหนิง เป็นเด็กที่ซนมาก สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือเล่น และเป็นเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย
“พวกเจ้าสองพี่น้องคลอดออกมาพร้อมกันทำไมถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้ล่ะ?”โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ
เสี่ยวรุ่ยอานบุ้ยปาก”แม่ขอรับ เป็นเพราะว่ารุ่ยหนิงโง่เกินไปขอรับ!”
“หนิงหนิงไม่โง่ หนิงหนิงแข็งแรงมาก!”ระหว่างที่เสี่ยวรุ่ยหนิงพูด ยังได้เงยหน้าขึ้น
โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะขำออกมา เด็กสองคนนี้ตลกจริงๆ
เด็กสองคนเห็นว่าแม่ยิ้มออกมาแล้ว ก็รู้สึกดีใจ แม้กระทั่งเสี่ยวรุ่ยอานก็ดูร่าเริงกว่าปกติ
เมืองหลวงมีขายทุกอย่าง แม้ว่าเป็นของกินเล่น ก็มีมากมาย
โจวกุ้ยหลานพาเด็กสองคนกินไปตลอดทาง สักครู่หนึ่งเองก็กินจนอิ่ม
พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นแผงเขียนจดหมายแผงหนึ่ง โจวกุ้ยหลานถึงนึกได้ว่า มาเมืองหลวงนานขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ส่งจดหมายบอกทางบ้านว่าตัวเองสบายดีทุกอย่าง เลยพาเด็กสองคนนั่งลงที่หน้าแผง
ตอนนี้เจ้าของแผงกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ หลังจากได้ยินคำพูดของโจวกุ้ยหลาน ก็ฝนหมึกและพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า”ถ้าจดหมายน้อยกว่าสิบตัวอักษรข้าเก็บแค่สามอีแปะ แต่ถ้าหนึ่งร้อยตัวอักษร ก็ต้องใช้สิบอีแปะ”
โจวกุ้ยหลานพยักหน้า กำลังคิดจะพูด ก็เห็นว่าเสี่ยวรุ่ยอานขมวดคิ้ว”หากสิบตัวหนังสือต้องใช้สามอีแปะ งั้นหนึ่งร้อยตัวหนังสือก็คือเก้าอีแปะ เหตุใดถึงต้องจ่ายสิบอีแปะ?”
“เขียนมากขึ้นก็ต้องใช้หมึกและกระดาษมากขึ้น และอีกอย่างหนึ่ง ข้าก็ต้องใช้เวลามากขึ้นด้วย”
ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อคลุมยาวนั้นก็ถือว่ามีความอดทน ยังได้อธิบายให้ฟัง
แต่เสี่ยวรุ่ยอานกลับส่ายหน้า”หากสิบตัวหนังสือสามอีแปะ งั้นก็ถือว่าค่ากระดาษแผ่นหนึ่งและค่าหมึกล้วนรวมอยู่ในนั้น เมื่อหักแล้วเจ้ายังสามารถได้กำไรหน่อยนึง ถ้าเขียนร้อยตัวหนังสือ ก็ถือว่าประหยัดค่ากระดาษแล้ว เลยควรที่จะคิดเก้าอีแปะ”
ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อคลุมยาวนั้นตกใจเล็กน้อย อ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ผ่านไปสักพักหนึ่งก็ยังไม่เห็นได้พูดอะไรเลย
เห็นว่าชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาคนนั้นเป็นลักษณะเช่นนี้ โจวกุ้ยหลานก็เลยต้องแตะศีรษะของเสี่ยวรุ่ยอานอย่างจนปัญญา”คนเราต้องมีมารยาทนะ”
หนิงหนิงที่อยู่ข้างๆกลับปรบมือ”อานอานฉลาดมากเลย!”
โจวกุ้ยหลานรู้สึกจนปัญญา เด็กสองคนนี้เป็นปีศาจที่จุติมาเกิดจริงๆ!
“ขออภัยด้วย ที่ลูกสองคนของข้าเสียมารยาทต่อเจ้า คิดสิบอีแปะละกัน”โจวกุ้ยหลานพูดด้วยรอยยิ้ม
วินาทีต่อไป ชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนนั้นลุกขึ้นทันที และทำความเคารพต่อโจวกุ้ยหลาน”คุณผู้หญิงขอรับ ข้าคิดผิดเองขอรับ หากร้อยตัวหนังสือ ควรเป็นเก้าอีแปะขอรับ!”
“งั้นก็คิดเก้าอีแปะ เจ้าไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้เลยนะ”โจวกุ้ยหลานชี้ไปที่เก้าอี้ และพูดกับปัญญาชนคนนั้น
หนึ่งอีแปะเท่านั้น ตอนนี้นางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก……
“เมิ่งเจียงผิดเองขอรับ เมิ่งเจียงรู้สึกละอายใจมากเลย”ระหว่างที่ชายหนุ่มคนนั้นพูด ก็ได้เอียงตัวเล็กน้อย ทำความเคารพต่อเสี่ยวรุ่ยอาน”ไม่ทราบว่าคุณพี่ชื่ออะไรขอรับ?”
โจวกุ้ยหลาน”????”
คุณพี่?
นางหันไปมองเสี่ยวรุ่ยอานที่นั่งอยู่บนขาของนาง และมองไปที่ชายหนุ่มที่ดูดีกว่านางอีก ก็เลยหุบปาก
เสี่ยวรุ่ยอานเลียนแบบท่าทางของเขา ทำความเคารพต่อเขาเช่นกัน และพูดอย่างจริงจัง”รุ่ยอาน”
“ที่แท้แล้วคุณพี่แซ่รุ่ยหรือ? แต่ในตำราร้อยแซ่พันธุ์มังกรเหมือนไม่มีแซ่นี้?”เมิ่งเจียงมีความสงสัยเล็กน้อย
รุ่ยอานท่องตำราร้อยแซ่พันธุ์มังกรในใจรอบหนึ่ง เหมือนไม่มีแซ่นี้ เลยหันไปขอความช่วยเหลือกับโจวกุ้ยหลาน
เมิ่งเจียงคนนั้นเห็นเช่นนี้ ก็ย้ายสายตาไปที่โจวกุ้ยหลานเช่นกัน
โจวกุ้ยหลานบุ้ยปาก”พวกเขาแซ่สวี”
“ที่แท้แล้วคือพี่สวีสองท่านนี้เอง ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ!”เมิ่งเจียงทำความเคารพต่อเด็กสองคนและพูดอย่างดีใจ
โจวกุ้ยหลานบุ้ยปาก เด็กสองคนนี้ยังไม่ถึงสามขวบเลย……
“พวกเขายังเด็กอยู่ เจ้าไม่ต้องเกรงใจ”
โจวกุ้ยหลานเพิ่งพูดคำหนึ่ง เมิ่งเจียงก็มีสีหน้าที่จริงจังขึ้นมา”ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนที่มีความสามารถล้วนเป็นอาจารย์ได้!”
ได้ๆ เจ้าพูดอะไรก็ตามนั้นเถอะ
“แม่ขอรับ หมายความว่าอะไรหรือ?”เสี่ยวรุ่ยหนิงเงยหน้าขึ้น ถามแม่ที่รู้ทุกอย่าง
“อีโง่ คนที่มีความสามารถล้วนเป็นอาจารย์ได้ไง!”เสี่ยวรุ่ยอานดูถูกเสี่ยวรุ่ยหนิง
ถูกด่าเช่นนี้ เสี่ยวรุ่ยหนิงก็ยังหัวเราะคิกคัก”แม่บอกว่าข้าไม่ได้โง่”
เสี่ยวรุ่ยอานรู้สึกจนคำพูด หันหน้าไปไม่มองน้องชายสุดโง่คนนั้นอีกเลย
โจวกุ้ยหลาน”……”
เด็กสองคนที่น่ารักมากในหลายวันก่อน อยู่ๆตอนนี้ก็เปลี่ยนไป
ใครขโมยลูกของนางไป แล้วเอาตัวปลอมมาให้นางหรือ?
ดวงตาที่เมิ่งเจียงมองเสี่ยวรุ่ยอานเปล่งแสงสว่าง ทำความเคารพต่อโจวกุ้ยหลานอีกครั้งหนึ่ง”ฮูหยินขอรับ พี่รุ่ยอานฉลาดขนาดนี้ ไม่ทราบว่าเป็นศิษย์ของใครขอรับ!”
โจวกุ้ยหลานอยากจะเถียงคำว่า”พี่รุ่ยอาน” แต่เห็นการแต่งกายของเขา น่าจะเป็นปัญญาชน ถ้าจะเถียงกับเขาก็ยุ่งยากหรือเกิน นางเลยกลืนคำกลับไป แล้วถึงพูดว่า”เมื่อก่อนพวกเขาเรียนกับซิ่วฉายในหมู่บ้าน”
“ซิ่วฉาย?”เมิ่งเจียงรู้สึกเหลือเชื่อ”พี่รุ่ยอานที่ฉลาดขนาดนี้ถูกสอนโดยซิ่วฉายคนหนึ่งหรือ?”
“เขาเป็นคนที่มีความรู้ที่สุดในหมู่บ้านของพวกเรา”โจวกุ้ยหลานเตือนอย่างหวังดี
เมิ่งเจียงมองเสี่ยวรุ่ยอานและมองเสี่ยวรุ่ยหนิง จากนั้นก็ส่ายหน้า ทำความเคารพต่อโจวกุ้ยหลานอีกครั้งหนึ่ง พร้อมขมวดคิ้วอย่างแน่น
“ฮูหยินขอรับ บุตรชายสองคนของท่านล้วนฉลาดมาก โดยเฉพาะพี่รุ่ยอาน อายุยังน้อยอยู่เลยก็สามารถพูดให้ความรู้ได้ขนาดนี้ จะว่าเป็นเด็กอัจฉริยะก็ยังได้ ถ้าตั้งใจสั่งสอน จะมีอนาคตที่ดีแน่นอน!ท่านอย่าสิ้นเปลืองความสามารถของเขานะ!”
โจวกุ้ยหลานนวดขมับของตัวเอง กดบริเวณหางคิ้วที่กำลังเด้งขึ้นมาอย่างแรง”ข้ากำลังฝึกอบรมพวกเขาอยู่”
ยังได้เชิญอาจารย์มาสอนพวกเขาโดยเฉพาะไง?
แถมตอนนี้พวกเขายังเด็กอยู่ แค่สองขวบเอง……
“ฮูหยินขอรับ!เด็กอัจฉริยะควรมีวิธีการสั่งสอนที่แตกต่างกับคนอื่น เพราะเป็นคนที่หายากมาก ถ้าไม่สั่งสอนดีๆ ก็ถือเป็นการสิ้นเปลืองแล้วสิ?”
ตอนที่เมิ่งเจียงพูดก็ได้จ้องโจวกุ้ยหลานอย่างแน่น
“ข้าจะพยายาม แต่ว่าข้ายังอยากจะเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง……”
“จะให้ซิ่วฉายคนหนึ่งมาสอนพี่รุ่ยอานอย่างไรได้ อย่างน้อยก็ต้องให้อาจารย์ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาชี้แจง ไม่อย่างงั้นถ้านำพาเขาไปทางผิด ก็ช่างเสียดายหรือเกิน……”
โจวกุ้ยหลาน”……”
นางแค่อยากเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง……
“หากให้อาจารย์ของข้ามาสอนพี่รุ่ยอาน อนาคตจะไม่ธรรมดาแน่นอน!ฮูหยินว่าดีไหมขอรับ?”