นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 329 ซื้อบ้าน 2
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 329 ซื้อบ้าน 2
เรื่องต่อจากนี้ก็ราบรื่นขึ้น หลังจากแม่ค้าคนกลางคนนั้นนัดกับโจวกุ้ยหลานว่ามาดำเนินการพรุ่งนี้เช้าเสร็จ นางก็รีบไปหาผู้ขาย
โจวกุ้ยหลานพาเด็กสองคนและไป๋ยี่เซวียนกลับโรงเตี๊ยม พอนึกถึงว่าตัวเองใกล้จะมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็รู้สึกดีใจมาก
นี่เป็นตั้งเมืองหลวง การที่จะมีบ้านหลังหนึ่งเป็นเรื่องนี้ยากขนาดไหน?
“คราวนี้เงินของข้าลดลงครึ่งหนึ่งเลย ต้องรีบหารายได้ เลือกร้านถึงไหนแล้ว?”โจวกุ้ยหลานตั้งสติขึ้นมา และพูดกับไป๋ยี่เซวียน
ไป๋ยี่เซวียนปิดพัดในมือ และพูดอย่างจนปัญญา”ช่วงนี้มัวแต่เลือกบ้านให้เจ้าไง รอเรื่องบ้านดำเนินเสร็จสิ้น เราค่อยไปเลือกร้านกันเถอะ”
โจวกุ้ยหลานสำลัก จากนั้นเงยหน้าพูดต่อว่า”ข้าหาที่พักก่อนก็เพื่อรับมือกับธุรกิจของเราไง อย่างมากข้าเลี้ยงข้าวเจ้าเป็นการชดใช้เจ้าละกัน”
“ข้าไม่เคยบอกเจ้าเลย”ไป๋ยี่เซวียนไม่ได้ฉวยโอกาสรีดไถเงินโจวกุ้ยหลานสักหน่อย แต่กลับเป็นสีหน้าที่จริงจัง
โจวกุ้ยหลานเลิกคิ้ว”เจ้าอยากพูดอะไร?”
“ตอนนี้ข้ากำลังแข่งกับพี่ชายของข้า ในเวลาหนึ่งปี ใครสามารถทำรายได้มากกว่า ใครก็จะเป็นผู้นำในอนาคตของตระกูลไป๋”
พูดจบ โจวกุ้ยหลานก็มองไปข้างหน้า
โจวกุ้ยหลาน”พี่ชายของเจ้าเก่งมากหรือ?”
“พอได้อยู่ ในมือของเขามีร้านค้าห้าหกสิบร้าน เดือนหนึ่งได้กำไรประมาณหลายหมื่นตำลึง”
โจวกุ้ยหลาน”แล้วเจ้าล่ะ?”
ไป๋ยี่เซวียนมองไปทางนาง มองจนนางรู้สึกผิดเล็กน้อย
“เท่าไหร่?”
“ตอนนี้ร้านในมณฑลหยวนเหอทำได้แค่ไม่ขาดทุน แต่ก็ไม่ได้กำไร นี่เป็นร้านแรกในเมืองหลวงของข้า”
โจวกุ้ยหลานกระตุกปาก”แล้วการแข่งขันของพวกเจ้าเริ่มมานานยัง?”
“เดือนกว่าแล้ว”ไป๋ยี่เซวียนพูดตามความจริง
ตาของโจวกุ้ยหลานก็กระตุก”เหตุใดพี่ชายของเจ้าถึงมีร้ายมากมายขนาดนี้?”
“ก่อนที่แม่เขาจะเสียชีวิตมอบสิ่งเหล่านี้ให้เขาหมด และหลายปีนี้เขาก็บริหารได้ดีอยู่”
“พวกเจ้าแข่งขันกัน ไม่ได้ตั้งกฎเลยหรือว่าทุกคนล้วนต้องใช้เงินทุนที่เท่ากันในการบริหาร?”โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย
ไป๋ยี่เซวียนมองนางอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง”เงินทุนในการทำธุรกิจล้วนเป็นของตัวเอง”
โจวกุ้ยหลาน”……”
นางยังพูดอะไรได้อีกล่ะ?
นี่ก็คือการแข่งขันแบบไม่เท่าเทียม
“แล้วแม่ของเจ้าไม่มีอะไรเหลือให้เจ้าหรือ?”โจวกุ้ยหลานยังดิ้นรนอยู่
ไป๋ยี่เซวียนพยักหน้า”มีสิ โรงเตี๊ยมเทียนเซียงก็เป็นสิ่งที่นางให้ข้ามา และเป็นสินเดิมทั้งหมดของนางแล้ว”
โจวกุ้ยหลาน”……”
นางไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
“ถ้าบ้านคุณตาของข้ารวยขนาดนั้น เขายังต้องให้แม่ข้าเป็นไปเมียน้อยของพ่อข้าหรือ?”
“เจ้าพูดอย่างมีเหตุผลจริงๆ ข้าเถียงไม่ได้เลย”โจวกุ้ยหลานชูนิ้วโป้งต่อไป๋ยี่เซวียน
ไป๋ยี่เซวียนก็พยักหน้า”เงินทุนทั้งหมดของข้าก็คือเงินที่หลายปีนี้หาได้ อย่างอื่นก็ต้องพึ่งเจ้าแล้ว ไม่อย่างงั้น ข้าจะไม่สามารถอยู่ต่อในเมืองหลวง พี่ชายของข้าบอกว่า เขาอิจฉาข้าในฐานะที่หล่อกว่าเขา เขาเลยไม่อยากจะเจอหน้าข้าอีกเลย”
โจวกุ้ยหลาน”ข้าไม่เชื่อหรอก!”
“ทำไมถึงไม่เชื่อ?ข้าปล่อยวางการเดิมพันของข้ามาหลายวัน เพื่อหาบ้านให้เจ้านะเนี่ย”ระหว่างที่พูด ไป๋ยี่เซวียนยังได้เข้าใกล้โจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานเงยหน้ามองบนฟ้า”เพราะเจ้าได้รับผลประโยชน์จากข้าไง หลังจากข้ามึที่พักแล้ว ข้าก็สามารถทำงานให้เจ้าได้แล้วไง?”
“เจ้ามีความเข้าใจต่อข้าจริงๆเลยนะ หากไม่ใช่ว่าเจ้าแต่งงานแล้ว ข้าจะแต่งงานกับเจ้าแน่นอน!”
โจวกุ้ยหลานโบกมือ”งั้นขอขอบคุณการชื่นชมของท่านนะ”
ดึงเด็กสองคนทีหนึ่ง”รีบขอบคุณลุงสิ”
เด็กสองคนเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่อฟัง ดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับทั้งสองคู่มองไปทางไป๋ยี่เซวียน”ขอบคุณคุณลุงขอรับ!”
ไป๋ยี่เซวียน”……”
วันที่สอง โจวกุ้ยหลานกับไป๋ยี่เซวียนได้เจอผู้ขายคนนั้น หลังจากเอาโฉนดที่ดินไปจดทะเบียนที่ที่ทำการปกครองอำเภอแล้ว โจวกุ้ยหลานก็หยิบเงินของตัวเองออกมาให้เขาอย่างอาลัยอาวรณ์
เมื่อเห็นสินทรัพย์ของตัวเองที่ลดลงอย่างเร็ว โจวกุ้ยหลานปวดใจเล็กน้อย แต่นึกถึงว่าตอนนี้ตัวเองมีบ้านที่สว่างหลังหนึ่งแล้ว ถึงรู้สึกปลื้มใจ
เห็นได้ชัดว่าพ่อค้าคนนั้นรีบใช้เงินมาก หลังจากดำเนินการทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็รีบเอากุญแจให้โจวกุ้ยหลาน จากนั้นก็รีบจากไป
วันนั้นโจวกุ้ยหลานก็พาเด็กสองคนเข้าพักบ้านหลังนั้นทันที ยังได้เปลี่ยนกุญแจทั้งหมดในบ้าน พอจ่ายเงินมัดจำให้แม่ค้าคนกลางเสร็จสิ้น แล้วยืนอยู่ในบ้านหลังนี้ นางก็รู้สึกดีใจมากกว่าปกติ
วันต่อมา โจวกุ้ยหลานก็ยุ่งมาก ไปเลือกร้านพร้อมกับไป๋ยี่เซวียน
ยิ่งเป็นย่านที่เจริญ ร้านยิ่งแพง แถมยังซื้อไม่ได้ด้วย เพราะว่าไม่มีคนขาย ถึงมีคนขาย พวกเขาก็ซื้อไม่ได้อยู่ดี
มีแต่ต้องเดินไปพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกล เมื่อถึงพื้นที่ที่มีคนเดินน้อยมาก โจวกุ้ยหลานก็ขมวดคิ้วอยู่นั่นแหละ
โจวกุ้ยหลานรู้สึกจนปัญญา”ไกลขนาดนี้ ข้ายังไม่สะดวกมาเลย ข้าจะต้องไปซื้อรถม้าคันหนึ่งและจ้างคนมาขับรถม้าให้อย่างงั้นหรือ?”
ไป๋ยี่เซวียนก็รู้สึกไกลไป เลยต้องปฏิเสธร้านสองแห่งนั้น แล้วนั่งรถม้ากลับกับโจวกุ้ยหลาน
หากล้วนเป็นร้านที่ลับตาคนเช่นนี้ งั้นเรากลับไปหาบริเวณบ้านของข้าเถอะ”โจวกุ้ยหลานเสนอความเห็น
ในเมื่อไม่มีร้านดีๆ งั้นนางยอมอยู่ใกล้บ้านหน่อย จะได้สบายๆ
ไป๋ยี่เซวียนตกลงทันทีโดยไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งสองคนได้ไปเดินดูบริเวณร้านแถวบ้าน ไม่มีร้านที่ดีเป็นพิเศษ ในที่สุดเลยหาแม่ค้าคนกลางคนนั้น ให้นางช่วยหาร้านค้าที่ปล่อยขายในแถวนี้
แม่ค้าคนกลางคนนั้นก็ดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าขายบ้านได้หลังหนึ่งแถมยังเอาร้านค้าอีก เลยรีบกลับไปติดต่อเครือข่ายของตัวเอง
ผ่านไปสองวัน แม่ค้าคนกลางคนนั้นก็พาพวกโจวกุ้ยหลานไผดูร้านค้าสองร้าน ล้วนเป็นบ้านที่ไม่ค่อยดี มีความเก่าแก่ โจวกุ้ยหลานก็ไม่เลือกมาก เลือกที่อยู่ใกล้บ้าน และให้ไป๋ยี่เซวียนซื้อลงมา
หลังจากซื้อลงมาแล้ว โจวกุ้ยหลานก็บอกสไตล์การตกแต่งที่ตัวเองอยากได่ไป๋ยี่เซวียน ให้ไป๋ยี่เซวียนหาคนมาตกแต่ง ส่วนตัวเองก็พาเด็กสองคนไปหาสำนักเรียนในแถวนี้เพื่อให้พวกเขาไปเรียน
โจวกุ้ยหลานได้ไปทำความเข้าใจ แล้วถึงพบว่าสำนักเรียนเหล่านั้นล้วนไกลเกินไป นางไปรับส่งเด็กๆไม่สะดวก เลยรู้สึกเครียด
นางขมวดคิ้ว คิดอยู่ว่าจะซื้อรถม้าดีไหม แล้วจ้างคนรับส่งเด็กๆให้นาง?
“เฮ้ย การเรียนหนังสือเป็นข้อเลือกที่ยากจริงๆเลย!”โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เสี่ยวรุ่ยอานเงยหน้าขึ้น มองโจวกุ้ยหลานที่เครียดอยู่”แม่ เชิญท่านหลิวมาสิ?”
โจวกุ้ยหลานรีบส่ายหน้า”เขาจะมาเมืองหลวงได้อย่างไร?ระยะทางก็ไกลหรือเกิน……”
พูดไปพูดมา นางก็หยุดพูดและครุ่นคิดอย่างละเอียด นี่เหมือนเป็นวิธีที่ดีนะ
หากหลิวเกาแต่งงานกับพี่สาวของนางจริงๆ งั้นก็รับพวกเขามาที่เมืองหลวงด้วยกันเลยสิ
พอคิดอยู่เช่นนี้ นายถึงนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้บอกที่อยู่ปัจจุบันให้เหล่าไท่ไท่เลย
นางเลยพาเด็กสองคนไปซื้อกระดาษ พู่กัน หมึกและแท่นฝนหมึก
ช่วงนี้ประมาทจริงๆ ไม่ได้ซื้อเครื่องเขียนที่เด็กๆต้องใช้กันเลย และไม่ได้เขียนจดหมายให้ทางบ้านด้วย นี่มันเกินไปจริงๆ……
พาเด็กสองคนเข้าไปในร้านแห่งหนึ่ง ซื้อหมึกหลายชิ้น และยังมีแท่นฝนหมึกและกระดาษด้วย