นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 33 แน่นอนว่าลูกชายสำคัญที่สุด
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 33 แน่นอนว่าลูกชายสำคัญที่สุด
เดือนต่อมา เธอทำธุรกิจขยายพันธุ์ของเธอต่อไป โจวเหล่าไท่ไท่ช่วยเธอฟักลูกเจี๊ยบตัวน้อยออกมาสิบตัว ไข่ที่เหลือใช้ไม่ได้แล้ว
ถึงจะเสียดาย แต่ก็เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้วมันก็ไม่ง่ายนัก นางก็พอใจแล้ว
นางเอาหญ้าใส่เข้าไปในคอกไก่เล็กน้อย เพราะกลัวลูกเจี๊ยบจะหนาวตาย ลูกเจี๊ยบพวกนั้นเติบโตขึ้นทุกวัน โจวกุ้ยหลานเองก็พบว่าไส้เดือนจัดการเรียบร้อยแล้วเอามารวมกับข้าวโพดมาเลี้ยงไก่ได้ ส่วนนกกระทา มีถึงสิบห้าตัวแล้ว ทุกวันก็ให้ไส้เดือนบวกผสมกับเมล็ดข้าวพันธุ์ วางไข่กันอย่างเร็ว
ผักหลังเรือนก็เติบโตให้ผลผลิตผักออกมาไม่น้อย
โจวเหล่าไท่ไท่ช่วยทำเสื้อผ้าฝ้ายของทั้งสามคนออกมา ผ้าห่มผ้าฝ้ายก็ทำของใหม่ออกมา ของที่กินทุกวันก็มีมากขึ้น
ส่วนสวีฉางหลินก็เข้าป่าไปทั้งวัน ออกแต่เช้ากลับดึก โจวกุ้ยหลานแทบไม่เห็นเขาเลย
แต่ผ่านการพยายามของนางไป ร่างกายของเสี่ยวไน่เป่าเริ่มมีเนื้อขึ้นมาแล้ว เธอเองก็เริ่มมีเนื้อ ดูดีกว่าเมื่อก่อนหน่อยแล้ว ไม่เหมือนหนังหุ้มกระดูกแล้ว
แต่เช้า โจวกุ้ยหลานก็พาเสี่ยวไน่เป่าไปห้องโจวเหล่าไท่ไท่ เห็นโจวเหล่าไท่ไท่กำลังช่วยพวกเธอทำรองเท้าอยู่ โจวกุ้ยหลานยิ้มร่าเข้าไปนั่งข้างๆ ยกนิ้วโป้งให้โจวเหล่าไท่ไท่
“ท่านแม่ ฝีมือท่านแม่ดีมาก”
โจวเหล่าไท่ไท่สะบัดหน้าค้อนใส่ “เจ้ารู้จักหาข้ามาช่วยเจ้าทำงาน รีบเรียนเลย ข้ายังต้องหาเมียให้พี่ชายเจ้าอีก จะคอยช่วยเจ้าตลอดได้ยังไงกัน?”
สำหรับโจวเหล่าไท่ไท่แล้ว ลูกชายสำคัญที่สุด
โจวกุ้ยหลานไม่ใส่ใจอะไรกับคำพูดโจวเหล่าไท่ไท่ เลยบอกโจวเหล่าไท่ไท่ว่า “ท่านแม่ ข้าอยากเลี้ยงหมูสองตัวในปีหน้า ท่านแม่ช่วยข้าดูๆหน่อยนะ หากบ้านใดขายลูกหมู ก็บอกข้าหน่อย นะ?”
โจวเหล่าไท่ไท่กว้างขวางในหมู่บ้านเรื่องนี้ เรื่องช้าวบ้านทุกคนนางรู้หมดสิ้น บอกนางสะดวกที่สุดแล้ว
ได้ยินลูกสาวตนเองพูดเช่นนี้ สายตาโจวเหล่าไท่ไท่เลื่อนมาหยุดลงอีก “เจ้านี่ชีวิตไม่เลวนี่ ยังมีเงินซื้อลูกหมูอีก?”
“ก็ฟังคำท่านแม่ไง? บ้านข้าไม่มีที่นา ได้แต่เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ให้มากนี่แหละ” โจวกุ้ยหลานรับคำ
พอได้ยินนางพูดเช่นนี้ โจวเหล่าไท่ไท่ก็คลายใจลง
หนึ่งเดือนมานี้ นางช่วยลูกสาวตนทำเสื้อผ้าไม่น้อย ยังมีรองเท้า เครื่องนอนยังเปลี่ยนใหม่ ลูกสาวตนเลี้ยงไก่สิบกว่าตัวแล้ว ชีวิตเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“สวีฉางหลินล่ะ? ทำไมไม่มากับเจ้าด้วย?”
“เขาเข้าป่าอีกแล้ว ข้าก็ไม่เห็นเขาเหมือนกัน” โจวกุ้ยหลานบอก รู้สึกไม่ชอบมาพากล
เดือนนี้สวีฉางหลินขึ้นเขาเข้าป่าทุกวันเลย เหมือนกำลังหลบหน้าเธอ
ถ้าไม่ใช่เขาเอาของป่ากลับมาไม่น้อยทุกวัน เธอคงสงสัยว่าเขามีผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า
แค่มองโจวเหล่าไท่ไท่ก็รู้ความคิดเธอ แค่นเสียงบอก “เจ้าน่ะได้ความสุขอยู่รอบกาย แต่กลับไม่รู้ว่านั้นคือความสุข สามีเจ้าชอบทำงานไม่ดีรึ? อากาศเริ่มเย็นแล้ว เขาไม่ล่าสัตว์เพิ่ม พออากาศหนาวแล้วพวกเจ้าจะเอาอะไรกิน?”
ก็จริง
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่ามีเหตุผล ถึงจะบอกว่าไก่ที่เธอเลี้ยงมีมากขึ้นเรื่อยๆ นกกระทาก็มากขึ้น แต่ก็ยังน้อยเกินไป เลี้ยงพวกเขาทั้งบ้านไม่พอหรอก
“พอข้ามปีพี่ชายเจ้าก็ยี่สิบห้าแล้ว ยังโสดอยู่อีก แม่ต้องหาเมียให้เขาให้ได้ เจ้าเก็บเงินไว้หน่อย ถึงเวลานั้นจะได้ช่วยที่บ้านได้”
โจวเหล่าไท่ไท่บอก พลางหยิบเข็มปักมุดเข้าไปในหนัง ทำรองเท้าต่อไป
“งั้นข้ากลับไปปรึกษากับสวีฉางหลินดูสักหน่อยแล้วกัน” โจวกุ้ยหลานรีบรับคำทันที
สำหรับพี่ชายคนนี้ เธอชอบอยู่ ถ้าเขาแต่งงาน เงินในมือยังไงก็ต้องให้เขายืนสักหน่อย
แต่อยู่ด้านนอก ยังไงก็ต้องไว้หน้าสามีตนเองหน่อย จุดนี้เธอยืนกรานยืนหยัดจะดำรงไว้เลยล่ะ
สายตาโจวเหล่าไท่ไท่จ้องโจวกุ้ยหลานเขม็งพลางว่า “อย่ามาเล่นแง่กับข้า บ้านเจ้าเจ้าตัดสินใจ ยังจะมาเฉไฉกับข้าอีก!”
“สวีฉางหลินนั่นก็สามีข้านี่นา ข้าต้องบอกเขาสักคำกระมัง?” ปากโจวกุ้ยหลานใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ รีบค้านทันที
โจวเหล่าไท่ไท่แค่นเสียงเย็น ไม่พูดอะไรอีก ลูกสาวตนทำเช่นนี้ถูกแล้ว
แต่ถ้านางกล้าไม่ให้ยืมแม้แต่เหวินเดียว ถึงเวลานั้นนางต้องหักขาลูกสาวคนนี้แน่!
โจวกุ้ยหลานเอาไข่นกกระทาสิบฟองจากตะกร้าสะพายหลัง และพุดดิ้งที่เธอทำก็เอาออกมาวางบนโต๊ะที่อยู่บนเตาด้วย โจวเหล่าไท่ไท่เหล่มอง และดึงสายตากลับอย่างพอใจ
“ท่านแม่ ไข่นกกระทานี่ท่านจำไว้ว่ากินกะพี่ชายกันคนละลูกทุกวันนะ อย่าให้พี่ชายกินหมดล่ะ และก็พุดดิ้งนี่ ก็อย่าลืมกินกับพี่ชายนะ มันบำรุงร่างกาย”
“รู้แล้วน่า” โจวเหล่าไท่ไท่รับคำ น้ำเสียงอ่อนลงไม่น้อย
โจวกุ้ยหลานตบเสื้อตัวเอง และอุ้มเสี่ยวไน่เป่าที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างว่าง่ายขึ้นมา และบอกลาโจวเหล่าไท่ไท่ จากนั้นแบกตะกร้าสะพายหลังกลับขึ้นเขาไป
ตอนผ่านบ้านลุงใหญ่ ก็เห็นโจวชิวเซียงนั่งชะเง้อคอมองอยู่ข้างหน้าต่าง พอเห็นข้างกายเธอไม่มีเงาผู้ชาย ก็มีสีหน้าผิดหวัง
“พี่ฉางหลินไม่มากับเจ้าด้วยรึ?”
อ่ะนะ หายากนะที่โจวชิวเซียงจะพูดกับเธอสักคำเนี่ย
โจวกุ้ยหลานยิ้มบอก “เขาขึ้นเขาเข้าป่าไปล่าสัตว์แล้ว บอกว่าอยากทำเสื้อใหม่ให้ข้าก่อนปีใหม่”
สีหน้าโจวชิวเซียงเปลี่ยนทันที จากนั้นเสียงปั้งดังขึ้น นางเล่นปิดหน้าต่างใส่เลย
เชอะ กล้าคิดอยากได้ผู้ชายของเธอ!
ถ้าคิดอยากได้จริงๆ ก็ต้องรอเธอหย่าขาดกับสวีฉางหลินก่อนค่อยว่ากัน
เสี่ยวไน่เป่าถามโจวกุ้ยหลานด้วยน้ำเสียงเด็กๆว่า “ท่านพ่อไปไหนรึ? เสี่ยวเทียนไม่เจอพ่อนานแล้ว”
คำถามนี้ทำเอาโจวกุ้ยหลานปวดใจวูบขึ้นมา ไอ้โย่ เสี่ยวไน่เป่าน้อยใจเสียแล้ว
“ท่านพยายามเพื่อให้พวกเราใช้ชีวิตผ่านฤดูหนาวไปได้ดีน่ะ รอฟ้ามืดแล้วพ่อก็กลับมาแล้ว ถ้าเสี่ยวเทียนคิดถึงท่านพ่อ รอกลางคืนท่านพ่อกลับมาแล้ว แม่จะปลุกเสี่ยวเทียนขึ้นมาดีไหม?”
โจวกุ้ยหลานปลอบเสี่ยวไน่เป่า
เสี่ยวไน่เป่าพยักหน้าคล้ายจะเข้าใจ
แม่ลูกสองคนกลับขึ้นเขาไป โจวกุ้ยหลานก็ไปยุ่งในแปลงผักตนเองต่อ
ตอนนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถ้าเป็นปฎิทินสุริยคติก็เข้าเดือนสิบเอ็ดแล้ว อากาศหนาวแล้ว แปลงผักของเธอก็เป็นพวกกะหล่ำปลีหัวไชเท้า
ให้เสี่ยวไน่เป่ามาเล่นอยู่ข้างๆ เธอจัดการงานในบ้านหมดแล้ว และหันไปมองฝูงลูกเจี๊ยบพวกนั้นอีก พอเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร ถึงได้สบายใจ
พอมองท้องฟ้า ยังไม่มืด เธอเลยพาเสี่ยวไน่เป่า แบกตะกร้าสะพายหลังขึ้นหลัง หยิบจอบเล็กออกไปขุดหญ้าป่า
ขุดหญ้าเนเปียร์ยักษ์และหญ้าเนเปียร์แคระแถวนั้นโยนใส่ตะกร้าสะพายหลัง ของพวกนี้สามารถเอามาผสมกับไส้เดือนและเมล็ดข้าวพันธุ์เลี้ยงไก่ได้ เสี่ยวไน่เป่าก็เลียนแบบเธอขุดหาหญ้าสองชนิดนี้
ทั้งคู่ขุดอยู่ครู่หนึ่ง โจวกุ้ยหลานพบว่าดินข้างๆไม่เหมือนดินที่อื่น
เลยหยิบมาดูกระจุกหนึ่ง และวางหน้าจมูกดมดู จากนั้นสายตาเป็นประกาย
นี่คือเบนทอไนท์! นี่เป็นของดี สามารถทำให้ไก่เพิ่มน้ำหนักหนึ่งส่วนหรือหนึ่งจุดห้าส่วน!
โจวกุ้ยหลานจับดินโยนใส่ตะกร้าสะพายหลังของตน เสี่ยวไน่เป่าที่อยู่ข้างๆจับจ้องมาที่โจวกุ้ยหลานเขม็ง
ท่านแม่…บ้าไปแล้วหรือไม่?
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าพอแล้ว ถึงได้วางมือลงท่ามสายตาหวาดกลัวของเสี่ยวไน่เป่า และพาเสี่ยวไน่เป่ากลับบ้าน
เธอหยิบมีดบิ่นเล่มหนึ่งออกมาตัดบดหญ้าพวกนี้ และผสมดิน และตักไส้เดือนที่ลอยอยู่ในน้ำขึ้นมา วางลงในหม้อต้มโดยเฉพาะ จากนั้นหยิบออกมาบดเป็นผง ปนเข้าด้วยกัน และเอาออกไปเลี้ยงไก่และนกกระทาอีก