นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 337 ร่วงลงสู่โลกมนุษย์ 1
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 337 ร่วงลงสู่โลกมนุษย์ 1
ทุกคนอยากจะพยักหน้าตอบรับ
ช่างหอมเหลือเกิน น้ำแกงไก่หอมเกินไปแล้ว ดูเหมือนจะต้มพร้อมกับเห็ดหอม…….
“พวกเราไปกินด้วยกันเถิด?” รุ่ยหนิงดึงมือของเมิ่งเจียง เมิ่งเจียงแอบมองอาจารย์ไปทีหนึ่ง พยักหน้าต่อเนื่อง
นี่มันไม่ได้ หากไปกินจริงๆแล้ว อาจารย์ต้องโกรธจนป่วยแน่นอน
หลายวันก่อนที่นี่ไม่มีกลิ่นหอมก็แล้วไป ตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้วช่างทรมานจริงๆ
โจวกุ้ยหลานในห้องครัวทำอาหารจนเสร็จ ล้วนยกมาถึงโต๊ะห้องเรียนแล้ว และตักข้าวจนเสร็จแล้ว เข้าไปในห้องของพวกเขา
เห็นสภาพของพวกเขาที่พยายามอดทน นางหัวเราะเบาๆทีหนึ่ง พูดว่า “กับข้าวทำเสร็จแล้ว พวกเจ้ารีบไปกินเถิด?”
แต่ละคนขยับลำคอ แต่คนไม่ได้ขยับ
โจวกุ้ยหลานหันหน้าไปมองอาจารย์ เห็นเขาเมินหน้าออกไม่ดูโจวกุ้ยหลาน
“อาจารย์ นี่ก็คือศักดิ์ศรีของท่าน? ทำให้ตัวเองหิวจนสลบ จากนั้นให้นักเรียนของท่านหิวตายไปพร้อมกับท่าน?”
“เฮ้อ ตกอับยากจนแค่ไหนอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยน!”
โจวกุ้ยหลานเกือบจะเงยหน้าหัวเราะเสียงดังแล้ว “นี่ยังตกอับยากจนอุดมการณ์ไม่เคยเปลี่ยนอีกหรือ? ข้าว่าพวกท่านรวมกลุ่มรนหาที่ตาย!”
“เจ้า! หยาบคาย! คนเป็นสตรี……”
อาจารย์โต้เถียงอย่างโมโห
โจวกุ้ยหลานโบกมือไปมา ขัดจังหวะเขา “คนเป็นสตรีอย่างข้าก็รู้ว่าคนเกิดบนโลกต้องกินข้าวสารธัญพืช คนเรียนหนังสืออย่างท่านกลับไม่รู้? ไม่ใช่ข้าด่าท่าน ท่านหิวตายเองก็แล้วไป ยังพาเด็กมากมายขนาดนี้หิวตายไปพร้อมท่าน? พวกเขาล้วนเป็นคนมีพ่อมีแม่ ท่านเช่นนี้จะพูดกับพ่อแม่ของพวกเขาอย่างไร?”
“เจ้า! เจ้า!” อาจารย์โมโหจนชี้หน้าโจวกุ้ยหลาน อยากจะด่านาง กลับหาคำพูดไม่ได้ ในใจร้อนรนแล้ว
นักเรียนด้านข้างเห็นเหตุการณ์ รีบเข้าไปช่วยเขาตบหลัง ในใจไม่ชอบที่โจวกุ้ยหลานด่าอาจารย์ของพวกเขา แต่คิดถึงตัวเองกินอาหารเหล่านั้นของนาง ก็ไม่มีความมั่นใจ
โจวกุ้ยหลานไม่กลัวว่าเขาจะใช้ความอาวุโสไปดูถูกคนอื่น “ข้ายังนึกว่าท่านจะมีความมั่นใจอะไร ทำให้ท่านแข็งแกร่งขนาดนี้ ที่แท้คือคนกลุ่มหนึ่งที่ไร้ที่พึ่งไร้ภูมิหลัง ตั้งแต่อาจารย์ จนถึงนักเรียนเหล่านี้ เกรงว่าอีกไม่นานก็ต้องอุ้มหนังสือพวกนี้ไปขอท่านบนถนนแล้ว”
“โอ้ ใช่แล้ว ท่านตกอับยากจนก็ไม่เปลี่ยนอุดมการณ์เช่นนี้ ก็รีบคายข้าวต้มถ้วยนั้นที่ข้าป้อนท่านออกมา แล้วก็เงินที่ข้าช่วยท่านจ่ายค่ารักษา ก็รีบเอาให้ข้า”
อาจารย์โมโหจนหายใจหอบ นักเรียนที่อยู่ข้างๆก็ตกใจจนหน้าซีดแล้ว แต่พวกเขาด่าก็ด่าสู้โจวกุ้ยหลานไม่ได้ แน่นอน ไม่มีใจที่กล้าจะด่า
ไม่ได้กินข้าวตลอดมา พวกเขาก็ล้วนทนมาหมดแล้ว แต่ช่วงเวลานี้ พวกเขารถึงพบว่าที่แท้สามารถกินข้าวอิ่มเป็นเรื่องที่สวยงามขนาดไหน ในใจนั้น พวกเขารู้สึกว่าโจวกุ้ยหลานถูกแล้ว มิเช่นนั้นช่วงนี้พวกเขาก็ไม่สามารถฉวยโอกาสกินข้าวอิ่มตอนไปส่งรุ่ยอานและรุ่ยหนิง
“ข้าให้พวกเจ้าสองทางเลือก หนึ่ง คืนเงิน สอง ไปกินข้าวกับข้าตอนนี้”
โจวกุ้ยหลายชูสองนิ้วออกไป ชูให้กับคนตรงหน้า
สีหน้าของอาจารย์ก็ยิ่งแย่ไปอีก เกลียดจนซีดขาวไปแล้ว
“อย่าบอกว่านักปราชญ์ของพวกเจ้าสอนพวกเจ้า ก็คือเป็นหนี้ไม่ต้องคืน” โจวกุ้ยหลานเสมือนไม่กลัวอาจารย์ทิ่มแทงใจ เพิ่มไปอีกหนึ่งประโยค
อาจารย์ดึงนิ้วของจ้าวจงตี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดไว้แน่น พูดอย่างรีบร้อน “คืนให้นาง! เอา…….เอาเงินคืนให้นาง!”
จ้าวจงตี้ก็ถูกกิริยาของอาจารย์ทำให้ตกใจแล้ว เขายุ่งอยู่กับการช่วยอาจารย์ตบหลัง ช่วยเขาให้หายใจสะดวก “อาจารย์ อย่าโกรธเลย…….พวกเราต้องพยายามแน่นอน……..พยายามเขียนหนังสือ!”
ได้รับคำตอบที่มั่นใจจากนักเรียนของตัวเอง อาจารย์ถึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง หายใจก็ราบรื่นขึ้นมาหน่อย
โจวกุ้ยหลานหัวเราะเย็นชา “เช่นนั้นก็เอามาตอนนี้”
อาจารย์ที่เพิ่งผ่อนลมหายใจ ก็เบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่มี? ไม่มีก็รีบไปกินข้าว! มิเช่นนั้น ก็เอาหนังสือเหล่านี้ของพวกเจ้ามาใช้หนี้ให้ข้า! ข้าดูไม่รู้เรื่อง ก็เอาไปจุดไฟ!”
โจวกุ้ยหลานพูดไป นิ้วมือก็ชี้ไปที่หนังสือบนแท่นหนังสือติดกำแพงในห้องที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้
ที่นี่กับห้องเรียนทางโน้นล้วนเป็นแท่นวางหนังสือ ด้านบนวางหนังสือจนเต็ม ล้วนเป็นสิ่งสะสมล้ำค่าของอาจารย์ทั้งชีวิต
บางที คนก็ต้องการบีบสักหน่อย ก็เหมือนกับอาจารย์ในตอนนี้
เขาที่เมื่อครู่ยังอารมณ์แข็งกะด้าน ตอนนี้ได้ยินโจวกุ้ยหลานพูดว่าจะเผาหนังสือ ก็นอนต่อไปไม่ไหวแล้ว รีบลุกขึ้นนั่ง ผลักจ้าวจงตี้ไปทีหนึ่ง “ไป…….ไปกิน กิน…….ข้าว…….”
พูดคำพูดเหล่านี้ ช่างใช้แรงอันมหาศาลของเขาแล้ว
พวกนักเรียนวิ่งพรวดออกไปข้างนอกเหมือนดั่งฝูงผึ้ง วิ่งได้เร็วกว่ากระต่าย
โจวกุ้ยหลานเดินไปถึงข้างประตู หลีกประตูทั้งบานให้กับพวกเขา ไม่นาน ในห้องก็เหลือเพียงจ้าวจงตี้และอาจารย์ แล้วก็รุ่ยอานรุ่ยหนิงแล้ว
“มีหนึ่งคนไม่ไปกินข้าว ข้าก็เผาหนังสือ พวกเจ้าดูกันเองละกัน” โจวกุ้ยหลานพูดไป ก็กวาดสายตามองไปที่อาจารย์ทีหนึ่ง จากนั้นก็พาเจ้าตัวน้อยสองตัวไปกินข้าวแล้ว
อาจารย์ในห้องดิ้นรนขึ้นมาจากเตียง ท่ามกลางการพยุงของจ้าวจงตี้ ค่อยๆขยับตัวออกจากห้อง ขยับไปถึงห้องโถง เห็นทุกคนนั่งล้อมอยู่ที่โต๊ะแล้ว
เห็นอาจารย์ออกมา พวกเขาก็ยืนขึ้น พยุงตัวเขาไปในที่นั่งหลัก แล้วถึงไปนั่งที่ของแต่ละคน
โจวกุ้ยหลานเอาถ้วยเปล่าตรงหน้าของอาจารย์ ตักน้ำแกงหนึ่งถ้วย วางไว้ตรงหน้าเขา พูดด้วยสีเคร่งขรึม “รีบดื่ม”
พูดไป สายตาก็กวาดมองไปทางด้านห้องของพวกเรา
ในใจของอาจารย์หวาดกลัว รีบยกช้อนขึ้นมา ตักขึ้นมาหนึ่งช้อน ส่งเข้าปากของตัวเอง
ความหอมหวานของน้ำแกงไก่กระจายอยู่ในปาก เสมือนเข้าไปสู่ทุกอวัยวะ ทำให้สติของเขาทั้งตัวตื่นขึ้นมาทันที
สายตาของโจวกุ้ยหลานกวาดมองไปที่ร่างผอมๆแห้งๆของเด็กไม่เล็กไม่โตพวกนั้น พวกเขาแต่ละคนก็รีบก้มหน้า ยกถ้วยขึ้นมา ตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว
เฮ้อ พวกหนอนหนังสือพวกนี้ แต่ละคนก็ให้สีหน้าดีๆไม่ได้เลย!
ขอเพียงเริ่มกินไปคำแรก พวกเขาก็หยุดไม่ได้แล้ว เพียงครู่เดียว พวกเขาก็กินข้าวในถ้วยจนหมด โจ้วกุ้ยหลานให้พวกเขาไปตัวเองในห้องครัว
พวกเขาเข้าไปถึงพบว่าในห้องครัวมองสามหม้อใหญ่ล้วนเป็นข้าวสวยทั้งหมด
ดมกลิ่นหอมของข้าวสวย พวกเขารู้สึกว่าตัวเองเกือบจะร้องไห้แล้ว
นี่มันข้าวสวย! ข้าวสวยนะเนี่ย!
พวกเขาแต่ละคนตามกันไป ตักข้าวในหม้อขึ้นมา และเป็นถ้วยเต็มๆอีกถ้วยทุกคน กลับไปถึงห้องโถง กินข้าวกันต่อ
คำโบราณว่า ไม่โตไม่เล็กกินจนพ่อจน มิหนำซ้ำคือหนุ่มน้อยที่หิวมากขนาณนี้?
เมื่อกับข้าวล้วนกินหมดแล้ว ซิ่วฉายเหล่านี้ถึงวางถ้วยตะเกียบในมือลง ยังมีหลายคนอิ่มจนเรอออกมา
อาจารย์ดื่มน้ำแกงไก่ไปสามถ้วย ตอนนี้สีหน้าก็ดีขึ้นไม่น้อย ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ตอนนี้ก็พอใจแล้ว
โจวกุ้ยหลานนั่งอยู่ที่โต๊ะ กวาดตามองซิ่วฉายเหล่านั้นทีละคน สีหน้าอันพอใจนั้นทำให้นางรู้สึกอยากหัวเราะ
“ในเมื่อกินอิ่มแล้ว ก็เก็บโต๊ะให้สะอาด นำถ้วยชามล้างให้สะอาด แล้วก็พื้นก็ต้องกวาด อีกสักครู่ข้าจะมาตรวจ”
“เจ้า! มือของพวกเขาเอาไว้เขียนหนังสือ จะทำเรื่องหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร?” อาจารย์พูดอย่างโมโห
โจวกุ้ยหลานไม่ได้พูดมาก เพียงแค่ยื่นมือไปทางด้านเขา หงายฝ่ามือออก ขยับนิ้วให้กับเขา แสดงให้เขาว่าคืนเงิน