นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 350 ไม่เกี่ยวข้อง
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 350 ไม่เกี่ยวข้อง
ผู้ชายคนนั้นรีบหันมามอง และโต้เถียงด้วยความโกรธ
ไป๋ยี่เซวียนโค้งคำนับให้ผู้รักษาคุณธรรม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นเดิม “ใต้เท้า ข้าน้อยบอกให้คนงานในร้านสองคนไปเชิญท่านหมอมาสองคน แต่ท่านหมออีกคนยังไม่มา จะต้องมีใครไปขวางไว้กลางทางแน่นอนขอรับ!”
ผู้ชายคนนั้นยิ่งโกรธมากขึ้น “ใครจะขัดขวางกัน? พวกเจ้าหมายความว่าอะไร พวกข้าใส่ร้ายพวกเจ้าหรือไง พวกข้าใช้ชีวิตของลูกชายมาใส่ร้ายพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“เถ้าแก่ไป๋ของเรายังไม่ได้บอกว่าพวกเจ้าใส่ร้าย เหตุใดเจ้าถึงรีบปฏิเสธออกมาเช่นนี้?”
ก่อนที่ไป๋ยี่เซวียนจะพูด โจวกุ้ยหลานก็พูดขึ้นมาก่อน
ผู้ชายคนนั้นตะคอกอย่างโมโห ดวงตาของเขาเบิกกว้าง: “พวกเจ้ามันฆาตกร! ศพของลูกชายข้ายังอยู่ที่นี่ แต่พวกเจ้ายังจะพูดผิดเป็นถูกอีก”
โจวกุ้ยหลานยิัมเยาะ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดถึงไม่หาหมอมาสักสองสามคนเพื่อตรวจดูว่าน้ำโค้กนี้มีพิษจริงหรือไม่”
นางไม่เชื่อหรอก ว่าหมอทุกคนในเมืองหลวงจะถูกติดสินบนทั้งหมด
“เอาล่ะ อยู่ในศาล พวกเจ้าจะส่งเสียงดังโวยวายเช่นนี้ได้อย่างไร”
ผู้รักษาคุณธรรมตบโต๊ะ แล้วสั่งให้เจ้าหน้าที่ด้านข้างไปเชิญท่านหมอจากร้านยาใกล้ๆ มาก แล้วให้โจวกุ้ยหลานเขียนวัตถุดิบออกมาให้ด้วย
ไป๋ยี่เซวียนมองไปที่โจวกุ้ยหลานอย่างกังวลใจ โจวกุ้ยหลานมองมาทางเขาอย่างเพื่อบอกให้เขามั่นใจ
โจวกุ้ยหลานเขียนวัตถุดิบลงบนกระดาษทันที และพอโจวกุ้ยหลานเขียนเสร็จ นางก็ส่งให้กับผู้รักษาคุณธรรม ผู้รักษาคุณธรรมมองดูวัตถุดิบร้อยกว่าชนิดอยู่บนกระดาษ รู้สึกตาลายแล้ว
เขามองไปที่โจวกุ้ยหลาน สีหน้าของเขาดูไม่ดีเล็กน้อย “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช้หรือ”
“ใช่เแล้วเจ้าค่ะใต้เท้า น้ำโค้กนี้ข้าเป็นคนคิดค้นขึ้นมาด้วยความพยายามนับครั้งไม่ถ้วน คิดจะทำอาหารที่แตกต่างออกไป ข้าย่อมต้องใช้วัตถุดิบเยอะเป็นธรรมดา
ผู้รักษาคุณธรรมขมวดคิ้ว กำลังคิดว่าจะขอให้พวกเขากลับไปนำน้ำโค้กมาทดสอบโดยตรงเลยดีหรือไม่ แต่พวกเขาอาจจะไม่มั่นใจ
สุดท้าย เขายังคงต้องแบ่งใบสั่งยาออกเป็นสามส่วน และสั่งให้เจ้าหน้าที่สามคนไปซื้อของ
ผู้หญิงชื่ออาเฟินร้องไห้ร้องไห้ไม่หยุด จนหมดสติไป
ผู้รักษาคุณธรรมให้เจ้าหน้าที่เตรียมห้องไว้สองห้อง และให้พวกเขาไปพักก่อน รอให้ซื้อวัตถุดิบเหล่านั้นกลับมาก่อนถึงจะพิจารณาคดี
หลังจากปิดประตูลง ไป๋ยี่เซวียนก็เดินไปที่เก้าอี้และนั่งลงด้วยอารมณ์ที่หนักอึ้ง
พอมองไปที่โจวกุ้ยหลาน กลับเห็นว่านางกำลังนั่งเหม่อลอย เขาอยากจะถามนางว่าแผนของนางคืออะไร แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไป
ทั้งสองนั่งเงียบ และต้องรอนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของศาลจะมาถึง และขอให้โจวกุ้ยหลานออกไปอีกห้องหนึ่ง โจวกุ้ยหลานมองไปที่วัสดุวัตถุดิบที่กองอยู่บนพื้น จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาเริ่มทำน้ำโค้กด้วยวัตถุดิบที่วางไว้
หลังจากนั้นไม่นาน น้ำโค้กก็ทำเสร็จเรียบร้อย นางปิดฝาขวดดินเผา และทำต่ออีกหลายขวดก่อนจะหยุด
ส่วนวัสดุอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ นางเททั้งหมดลงในถังน้ำขนาดใหญ่ข้างๆ แล้วเคาะประตู เจ้าหน้าที่ข้างนอกเดินเข้ามา นางยัดเงินใส่มือเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนก็ให้ความร่วมมืออย่างดีเพื่อช่วยนางยกถังน้ำออกไปเทลงในท่อน้ำเสีย
หลังจากทำเสร็จแล้ว นางก็เดินตามเจ้าหน้าที่ไปที่โถงพิจารณาคดี ในเวลานี้ ผู้ชายคนนั้นคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้ว ในขณะที่ ไป๋ยี่เซวียนนั้นยืนอยู่กลางโถงพิจารณาคดี และมีชายชราผู้หนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้
และคนที่ดูเหมือนท่านหมอกำลังยืนอยู่กลางโถงหลายคน
ผู้รักษาคุณธรรมนั่งลงที่เก้าอี้ และบอกให้โจวกุ้ยหลานนำขวดให้กับพวกท่านหมอ และผู้ชันสูตรศพที่อยู่ข้างๆ เขา โจวกุ้ยหลานทำตามคำสั่ง ก่อนจะกลับมาคุกเข่าตรงกลางโถงตามเดิม
สำหรับน้ำโค้กอีกสองขวด โจวกุ้ยหลานวางไว้บนโต๊ะข้างๆ นาง
เหล่าท่านหมอได้ตรวจสอบด้วยวิธีต่างๆ อย่าง การดมกลิ่น การชิมรสชาติ แต่ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าบอกว่าไม่มีพิษ
“เป็นไปได้อย่างไร? พวกท่านไม่ตรวจสอบอย่างจริงจังหรือเปล่า? ลูกชายของข้าตายหลังจากที่ดื่มสิ่งนี้ไปนะ!”
ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้าไปมา เหมือนว่าเขาไม่อยากจะเชื่อ
ในเวลานี้เองหมอเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ยืนขึ้นอย่างสั่นเทา เขาคุกเข่าลงบนพื้น ตัวสั่นเทา “ใต้เท้า ข้าน้อยพูดเพียงว่าข้าได้กลิ่นสมุนไพรหลายชนิดในน้ำโค้กนี้ แต่ที่เหลือข้าน้อยไม่ได้พูดอะไรแล้ว ใต้เท้าโปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย!”
“หมอเฉิน ถึงแม้ท่านจะไม่ได้บอกว่ามีพิษ แต่ท่านบอกว่ามันมีกลิ่นเหมือนยา ซึ่งทำให้หลายคนคิดว่าน้ำโค้กของเรามีพิษไปแล้ว” โจวกุ้ยหลานตอบ
หมอเฉินตะโกนพูดด้วยความโกรธ: “ข้าแค่พูดความจริง มันมีกลิ่นเหมือนยาจริง แต่จะเป็นยาชูกำลังหรือยาพิษ ใครจะบอกได้ พวกเจ้าเอาสูตรการทำออกมาให้หมอคนอื่นๆ ดูสิว่ามีพิษอยู่ในนั้นหรือไม่! “
โจวกุ้ยหลานรู้อยู่แล้วว่าเขาจะพูดเช่นนั้น นางจคงยิ้มเยาะออกมา “ข้าเขียนสูตรออกมาแล้ว ตอนนี้อยู่ในมือของผู้รักษาคุณธรรม”
“ใต้เท้า โปรดให้ข้าน้อยตรวจสอบอย่างรอบคอบด้วยว่ามีสิ่งมีพิษซึ่งทำให้เด็กเสียชีวิตอยู่ในนั้นหรือไม่!” หมอเฉินโค้งคำนับผู้รักษาคุณธรรมและกล่าวขอร้องเสียงดัง
“ใต้เท้า โปรดให้ผู้ชันสูตรศพได้ตรวจสอบสูตรการทำอย่างละเอียด!” ไป๋ยี่เซวียนโค้งคำนับต่อผู้รักษาคุณธรรมที่อยู่เหนือเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
ผู้รักษาคุณธรรมหันไปมองทางผู้ชันสูตรศพที่ยืนข้างๆ ผู้ชันสูตรศพก้าวไปข้างหน้า ในมือจับผลการตรวจไว้สามแผ่น พอเห็นสิ่งที่เขียนอยู่บนนั้นจนเต็ม ก็ขนลุกซู่ขึ้นมา
แต่หลังจากที่อ่านทีละแผ่น คิ้วของเขาก็คลายลง พออ่านจบ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วพูดกับผู้รักษาคุณธรรมว่า “ใต้เท้า ข้าไม่พบสิ่งผิดปกติอะไรภายในท้องเด็กขอรับ”
“ลูกข้าตายแล้ว! เขาตายหลังจากที่ดื่มน้ำโค้ก ในน้ำโค้กจะไม่มีอะไรได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะไม่ได้เขียนสูตรที่แท้จริงออกมา? ใช่แล้ว พวกเขาต้องไม่ได้เขียนสูตรตัวจริงออกมาอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่ผู้ชายคนนั้นพูด เขาก็หาเหตุผลขึ้นมาได้
“นี่คือสูตรที่แท้จริง น้ำโค้กนี้ข้าเพิ่งทำขึ้นมาจากวัตถุดิบที่ข้าขอให้ใต้เท้าส่งคนไปเตรียมมา จากนั้นข้าตามข้าก็เริ่มทำมันคนเดียวในห้อง ท่านใต้เท้าสามารถเป็นพยานได้” โจวกุ้ยหลานพูดอย่างเย็นชากับผู้ชายตรงหน้า
ผู้ชายคนนั้นโกรธมาก “พวกเจ้าใช้วัตถุดิบเยอะเช่นนี้ แต่กลีบขายน้ำโค้กเพียงขวดละสิบอีแปะ พวกเจ้าไม่ขาดทุนหรือไง พวกเจ้าต้องโกหกแน่ๆ!”
“พวกข้าจะขาดทุนหรือไม่ก็เรื่องของพวกข้า เจ้าจะมายุ่งเรื่องอะไรด้วย” โจวกุ้ยหลานพูดอย่างไม่ไว้หน้าผู้ชายตรงหน้า
ถ้าก่อนหน้านี้นางคิดว่าเขาเสียใจที่ต้องสูญเสียลูก ตอนนี้นางเห็นเพียงใบหน้าที่โลภมากของเขาเท่านั้น
“นี่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าน้ำโค้กไม่มีพิษ ไป๋ยี่เซวียน เจ้าไม่มีความผิด ส่วนสาเหตุการตายของเด็ก เราจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียด!”
พอคำพูดของผู้รักษาคุณธรรมจบลง เรื่องราวก็ตัดสินเรียบร้อย
โจวกุ้ยหลานกับไป๋ยี่เซวียนพาคนงานในร้านของพวกเขาเดินออกจากศาล พอเดินออกมาข้างนอก ก็มีรถม้าที่นั่งมาจอดรออยู่ หลังจากที่พวกเขาขึ้นไปนั่งแล้ว โจวกุ้ยหลานก็หลับตาพิงรถม้าไว้
คนงานที่อยู่ข้างๆ มองมาที่โจวกุ้ยหลาน จากนั้นก็มองไปที่ไป๋ยี่เซวียนด้วยแววตากังวลใจเล็กน้อย
ถึงแม้พวกเขาจะพิสูจน์ว่าได้ว่าน้ำโค้กไม่มีพิษ แต่สูตรก็เผยแพร่แล้วออกไป พวกเขาจะยังสามารถทำเงินจากน้ำโค้กนี้ได้อีกหรือไม่?
แน่นอน ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าพูด
ทุกคนนั่งรถม้ากลับมาถึงร้าน เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว