นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 36 ยังไงก็ไม่มีที่นา
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 36 ยังไงก็ไม่มีที่นา
ไม่รอโจวกุ้ยหลานเปิดปาก โจวเหล่าไท่ไท่ก็คิดเรื่องนี้เสร็จสรรพแล้ว
โจวกุ้ยหลานวางใจลง บอกกับโจวเหล่าไท่ไท่แล้ว ก็พาเสี่ยวไน่เป่ากลับขึ้นเขาแล้ว จากนั้นเด็ดผักกุ้ยช่ายกำใหญ่กลับมาด้วย
ตอนอาหารใกล้สุก โจวต้าไห่ก็กลับมา ระหว่างกินข้าว โจวเหล่าไท่ไท่ก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
โจวต้าไห่ก็เบ้ปากเหมือนกัน “น้องเขยข้าคนนี้ล่าสัตว์ได้ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่นาของบ้านอื่นเลยนะ!”
“ยังไงก็ไม่มีที่นา” โจวเหล่าไท่ไท่ยังคงคิดเช่นเดิม
ชาวนา ล้วนต้องปลูกพืชผักในดิน จากนั้นพอหมดหน้านาก็ค่อยไปล่าสัตว์แทน ถ้าแค่ล่าสัตว์มันไม่มั่นคง และยังอันตรายด้วย
“ถ้าน้องสาวข้าแต่งกับชาวนา พวกเราก็ไม่มีทางได้กินเนื้อทุกสามวันห้าวันเยี่ยงนี้ดอก” โจวต้าไห่ซดน้ำซุปไก่เข้าปากหนึ่งคำ ทนไม่ไหวเปรยออกมา
ครั้งก่อนตามสวีฉางหลินไปล่าสัตว์ เขาก็เลื่อมใสในตัวน้องเขยคนนี้นัก
อีกอย่าง ขอแค่ทำของอร่อยที่บ้าน โจวกุ้ยหลานก็จะส่งลงมาให้เสมอ
“ข้ากะว่า พอข้ามปีเจ้าจะหาเมียแล้ว ก็จะให้น้องสาวเจ้าคอยช่วยดูให้ นางจะสร้างบ้านแล้ว ก็จะไม่มีเงิน เรื่องหาเมียของเจ้าจะทำยังไงล่ะ?” โจวเหล่าไท่ไท่ปวดหัวนัก
เรื่องเมียของลูกชายเป็นความกลัดกลุ้มอย่างหนึ่งของนางมาตลอด ถ้าหาเมียไม่ได้จะทำยังไงดี จะอยู่คนเดียวทั้งชาติรึ?
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ หลายปีก่อนเพราะเก็บผลผลิตไม่ได้ ปีนี้ดีแล้ว ต้องหาเมียได้แน่” โจวต้าไห่ปลอบแม่ตนเอง ก็กินข้าวของตนต่อไป
อีกทาง หลังจากโจวกุ้ยหลานกลับขึ้นเขา ก็เริ่มทำอาหารเย็น
ฟ้ามืดแล้ว สวีฉางหลินยังไม่ตื่นเลย
ขืนรอต่อไปก็ได้เวลานอนแล้ว
โจวกุ้ยหลานทนไม่ไหวไปเรียกสวีฉางหลิน ลองเขย่าเขาอยู่หลายที สวีฉางหลินถึงตื่นขึ้นมา แต่ยังงัวเงียอยู่
รีบกินข้าวเย็นจนเสร็จ เขาก็นอนหลับอีก ดูท่าจะเหนื่อยมากจริงๆ
เธอช่วยอาบน้ำให้เสี่ยวไน่เป่าเสร็จ พวกเขาก็เข้านอนเหมือนกัน
ในหมู่บ้าน
ลุงใหญ่โจวต้าซานนั่งอยู่ข้างเตียงเตา ดื่มน้ำเสร็จหันบอกต้าไห่ที่นั่งอยู่ข้างๆว่า “เรื่องของน้องสาวเจ้าข้ารับปากแล้ว ลูกผู้พี่ชายเจ้าน่ะว่างตลอด”
เรื่องช่วยกันในหมู่บ้านเป็นเรื่องที่มีประจำ โดยเฉพาะเรื่องใหญ่อย่างสร้างบ้าน
สีหน้าหลี่ซิ่วยิงที่อยู่ข้างๆกลับไม่ดีนัก เรื่องสร้างบ้านนี่คนรู้มากแค่ไหน? งานในท้องนาไม่ต้องทำแล้วรึ? มาให้พวกเขาช่วย ก็เอาผักกาดขาวสองลูกมาให้ ยังมีหน้ามาพูดอีก
ต้าไห่ได้ยินคำพูดลุงใหญ่ ก็ไม่นั่งต่อ ลุกขึ้นเดินกลับไป
พอเขากลับไป หลี่ซิ่วยิงทนไม่ไหวผลักโจวต้าซานบ่นว่า “เจ้าทำไมรับปากมันทุกเรื่องเลย? นางแต่งออกไปแล้ว ทำไมยังมาขอให้พวกเราช่วยสร้างบ้านอีก?”
โจวต้าซานนวดแขนตนเอง “ยังไงก็เป็นหลานสาวบ้านโจวเรา เรื่องสร้างบ้านเป็นเรื่องใหญ่ ช่วยเขาหน่อย พ่อเขาก็ไม่อยู่แล้ว…”
หลี่ซิ่วยิงตัดบททันที “เพราะน้องชายอายุสั้นของเจ้าสองคนตายแล้ว พวกเราเลยต้องช่วยหน่อย หลายปีก่อนบ้านเราเองยังแทบกินไม่อิ่ม เจ้ายังช่วยพวกเขาสองบ้านอีก! บ้านเราไม่ร่ำรวยหรอกนะ ทำไมเจ้าต้องช่วยทุกเรื่องด้วย?”
“แล้วทำไงล่ะ? เอ้อร์ซานทิ้งลูกชายลูกสาวไว้ข้าจะไม่ห่วงได้รึ? เสี่ยวซานก็ทิ้งน้องสะใภ้ไว้ ไม่มีลูกด้วย ข้าจะช่วยน้องสะใภ้สามไม่ได้เลย?” สีหน้าโจวต้าซานเริ่มไม่น่าดูแล้ว
เขามีน้องชายแค่สองคน เอ้อร์ซานตายไปสิบกว่าปีแล้ว มีน้องสะใภ้รองของเขาสวีเหมยฮวาเก่งอยู่คนเดียว ไม่งั้นจะอดตายทั้งบ้านแล้ว เขาซึ่งเป็นพี่ใหญ่ต้องช่วยหน่อย? ส่วนน้องสะใภ้สาม แต่งเข้ามาไม่ทันไรก็เป็นม่ายผัวตาย เขาจะทำยังไงได้? ปล่อยให้นางอดตายรึ?
“เจ้าน่ะมีเหตุผล! เจ้าสนใจแต่บ้านโจวของพวกเจ้า ทำไมไม่ช่วยบ้านเดิมข้าบ้างล่ะ? เจ้าดูบ้านน้องรองเจ้าสิ ลูกสาวเขาสามารถสร้างบ้านใหม่ได้แล้ว นั่นน่ะมีเงินนะ ยังต้องให้เจ้าช่วย? แล้วน้องสะใภ้สามตัวดีของเจ้าน่ะ วันๆเอาแต่ยั่วยวนผู้ชาย มีผู้ชายเลี้ยงนางอยู่แล้ว ต้องให้เจ้าเอาอาหารไปให้รึ?”
หลี่ซิ่วยิงพูดเรื่องนี้ด้วยความโกรธเต็มท้อง บ้านใครก็ลำบาก ทำไมบ้านนางต้องมีตัวถ่วงมากมายขนาดนี้?
“พอได้แล้ว อย่าเอ็ดตะโรอีก ทำไมเจ้าไม่พูดตอนกินเนื้อที่นังหนูกุ้ยหลานเอามาล่ะ?” โจวต้าซานเองก็โมโหแล้วเหมือนกัน เพราะเรื่องนี้เมียทะเลาะกับเขาไม่เคยหยุด
หนึ่งเดือนมานี้ บ้านโจวกุ้ยหลานกินเนื้อ ก็จะส่งมาให้โจวเหล่าไท่ไท่ โจวเหล่าไท่ไท่ก็จะส่งมาให้บ้านโจวต้าซานเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาก็ได้กินไม่น้อย อย่างเมื่อครู่โจวต้าไห่แวะมา ก็เอาน้ำซุปไก่ครึ่งชามมาให้ ในนั้นยังมีเนื้อไก่ไม่น้อยเลย
หลี่ซิ่วยิงถลึงตาใส่ “หลายปีมานี้พวกเราดูแลพวกเขามากมายขนาดนี้ ให้น้ำซุปแค่นี้ไม่สมควรรึ? จะไปช่วยเจ้าก็ไปเอง ลูกชายข้าสามคนตอนนี้เหลือแค่เอ้อร์เฉียงซานเฉียงแล้ว จะให้เหน็ดเหนื่อยอีกไม่ได้!”
ระหว่างพูด นางก็ยกน้ำซุปไก่ชามนั้นออกไปอย่างโกรธเคือง
โจวต้าซานโกรธแต่ไม่รู้จะระบายยังไง ได้แต่ทนเก็บกดอยู่ในตัวเอง
ส่วนโจวชิวเซียงที่นอนพักในห้องกลับได้ยินคำพูดพวกนี้ทั้งหมด เรื่องอื่นนางไม่สนใจ สนใจแค่สวีฉางหลินจะสร้างบ้านใหม่แล้ว
ทำไม โจวกุ้ยหลานทำไมถึงสามารถมีสามีดีเยี่ยงนั้นได้?
ก่อนหน้านี้นางแอบหวั่นไหว พอขาหายแล้วเลยขึ้นเขา แม่นางมองเห็นบ้านไม้ตั้งแต่ไกลลิบ ก็พานางกลับลงมาแล้ว ยังบอกมาตลอดทางว่า แค่ดูก็รู้ว่าจน พอกลับมาก็ทำอาหารให้กิน แล้วบอกให้นางอยู่ห่างพวกเขาหน่อย
นางกลับมาครุ่นคิด ถึงสวีฉางหลินจะไม่เลว แต่จนขนาดนี้ นางเองก็ไม่อยากลำบากตาม ต่อไปต้องแต่งเข้าไปในตำบล เลยไม่ได้ขึ้นเขาอีก ใครจะคิดว่าพวกเขาจะสร้างบ้านใหม่กันแล้ว?
นางกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน ครุ่นคิดหาวางแผนขัดขวางไม่ให้พวกเขามีความสุข
เช้าวันต่อมา โจวกุ้ยหลานก็จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อย ตอนไปซักผ้าที่ริมสาบ เจอผู้หญิงหลายคนในหมู่บ้านยิ้มถามเธอว่าจะสร้างบ้านใหม่รึ ยังบอกว่าถึงเวลาจะให้สามีตนไปช่วย
โจวกุ้ยหลานรับคำ ในใจก็ดีใจ
กลับบ้านมาตากผ้า ปัดกวาดเล้าไก่ เล้าไก่นกกระทา ไปถอนหญ้าในแปลงผัก แล้วถึงมาทำอาหารเที่ยง
รอจนทั้งบ้านกินกันหมดแล้ว สวีฉางหลินก็ไม่ได้ไปนอนอีก แต่ตามโจวกุ้ยหลานมาปรึกษากันเรื่องบ้านใหม่
จนตอนนี้เอง เขาถึงได้รู้ว่าเมียตนไปเชิญคนมาช่วยหมดแล้ว เลยชมออกมาว่า “เก่งมาก”
โจวกุ้ยหลานไม่อยากรับความดีความชอบเรื่องนี้ “ปกติข้าก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กับคนในหมู่บ้านเท่าใดนัก พี่ชายข้าไปขอให้มาช่วยน่ะ”
“พี่ชายเมียเก่งมาก” สวีฉางหลินกลับมาชมโจวต้าไห่
“เรื่องนี้เตือนข้าแล้วนะ ต่อไปบ้านเรายังต้องไปมาหาสู่กับคนในหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาอย่างนี้ก็ไม่มีใครช่วยพวกเราเลย”
ปกติแล้วโจวกุ้ยหลานอยู่บนเขา ปิดประตูใช้ชีวิตกันเอง ขนาดบ้านลุงใหญ่ยังไม่ค่อยไป หลังจากที่ได้รู้ว่าแม่ตนชอบส่งของไปให้บ้านลุงใหญ่ ของที่ส่งไปทุกวันเลยเพิ่มขึ้นมาหน่อยเท่านั้น
สวีฉางหลินไม่มีความเห็นอะไรกับเรื่องพวกนี้
ทั้งสองคนคุยปรึกษากันเรื่องบ้านใหม่ พบว่าของที่ต้องซื้อมีไม่น้อยเลย ต้องไปซื้อของในตำบลอีก
เช้าวันต่อมา ทั้งคู่ก็เหมารถเทียมวัวของเหล่าหม่าโถวไปในตำบล ข้าวสารซื้อไปห้าร้อยชั่ง แป้งขาวอีกร้อยชั่ง เกลือหยาบอีกสิบกว่าชั่ง และยังซื้อใบชามาไม่น้อย ทุกอย่างที่ต้องใช้โจวกุ้ยหลานซื้อหมดแล้ว ทำเอาเหล่าเถ้าแก่ที่นางต่อราคามาตลอดทางนั้นทั้งรักทั้งเกลียดนางไปตามๆกัน