นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 377 นี่พวกเจ้ายังเก็บกระป๋องเก่าคืนอยู่อีกหรือ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 377 นี่พวกเจ้ายังเก็บกระป๋องเก่าคืนอยู่อีกหรือ
วันถัดมา โจวกุ้ยหลานไม่ทำโค้กอีก และจัดแจงแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปเดินทอดน่องตามท้องถนน
เห็นความครื้นเครงตลอดทาง ได้ยินเสียงซุบซิบต่างๆ และเห็นผู้เฒ่าหลายคนเดินไปเดินมาตามทาง
หญิงชราคนหนึ่งก้มลงหยิบกระป๋อง โจวกุ้ยหลานจ้องมองไป พบว่าเป็นกระป๋องโค้กของร้านนาง ใจจึงกระตุก แล้วค่อยๆ ตามนางไป
หลังจากเก็บใส่ถุงไปพอสมควร หญิงชราแยกแยะทิศทางครู่หนึ่ง เดินเลี้ยวไปยัง อีกถนนเส้นหนึ่ง
โจวกุ้ยหลานก็ตามไป ก็ได้เห็นว่าหญิงชราคนนั้นเดินเข้าไปในร้านแห่งหนึ่ง
นางเงยหน้าขึ้น เห็นว่าเป็นร้านที่จัดส่งกระป๋องให้กับร้านของพวกเขา
“เหอะ!”
ช่าง…น่าสนใจจริง ๆ !
นางระบายหายใจออกอย่างแรง สาวเท้าอย่างองอาจ เดินตามเข้าไป
ก็ได้ยินเสียงค้อนกระทบเหล็กจากด้านหลังโรงเหล็ก แล้วเสียงของเถ้าแก่ ก็ดังขึ้นมา จากตรงเคาน์เตอร์ของร้าน
“ของเจ้านี่ล้วนถูกเหยียบหมดแล้ว คิดได้แค่ครึ่งเดียว!”
“แต่มันก็ใช้ได้อยู่ เจ้าดูสิ” เหล่าไท่ไท่คว้ากระป๋องที่ถูกเหยียบแบนขึ้นมา อย่างระมัดระวัง
โจวกุ้ยหลานถูกทำให้โกรธจัดจริงๆ แล้ว “เถ้าแก่เจียง นี่พวกเจ้ายังเก็บกระป๋องเก่าคืนอยู่อีกหรือ”
เมื่อเถ้าแก่คนนั้นได้ยินเสียงดังกล่าว เงยหน้าขึ้นทันควัน ก็พบเห็นโจวกุ้ยหลานยืนอยู่ตรงประตู
ใจเขาสั่นสะท้าน ยื่นมือผลักถุงผ้าป่านใบนั้นออกไป กระป๋องทยอยตกลงสู่พื้น ทำให้เกิดเสียง “ปึงปังๆ” บนพื้น
“เถ้าแก่โจว ทำไมเจ้ามาแล้วไม่ส่งเสียงทักทายกันก่อนเล่าว่าไหม” ความตื่นตระหนก และประหม่า ฉายชัดบนใบหน้าของเถ้าแก่เจียง
เขาไม่สนใจคุณยายคนนั้นอีก สาวเท้ายาวเข้ามาทางโจวกุ้ยหลาน
“ข้าเพียงเห็นเท่านยายเก็บกระป๋อง จะตามมาดูหน่อย เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า คนที่เก็บกระป๋องเก่าคืน จะเป็นท่าน เถ้าแก่เจียง ท่านว่า เรื่องต่างๆ ในโลกนี้ มีความมหัศจรรย์เพียงใดกัน”
ขณะที่โจวกุ้ยหลานพูด ก็เอาตนเองมาล้อเลียน
เถ้าแก่เจียงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รีบโบกมือกับท่านยายคนนั้น ให้นางรีบไปได้แล้ว แต่ตอนนี้ท่านยายไม่เข้าใจความหมายของเขา จึงยืนนิ่งไม่ขยับ
เขากระวนกระวาย แต่ไม่กล้าโมโหต่อหน้าโจวกุ้ยหลาน จึงทำได้เพียงอดกลั้นไว้ “เถ้าแก่โจว ท่านเข้าใจผิดอยู่ ข้าไม่ได้จะรีไซเคิลกระป๋องพวกนี้ และก็ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ไปยินข่าวมาจากไหน ต่างส่งมาให้ข้าที่นี่ นี่ข้ากำลังจะไล่นางไปนะ!”
“เอ๋ พวกเจ้าไม่รับรึ เมื่อครู่ยังรับอยู่เลยนะ” ท่านยายกระวนกระวาย
กระป๋องถุงผ้าป่านใบนี้นางเก็บมาหลายวันแล้ว แต่คนผู้นี้บอกไม่รับก็จะไม่รับรึ งั้นนางจะไปแลกเป็นเงินที่ใดเล่า
“เถ้าแก่ เจ้าเห็นแก่ยัยแก่ที่น่าสงสารอย่างข้า รับของทั้งหมดนี้ไปเถอะ”
โจวกุ้ยหลานมองเถ้าแก่เจียง คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม รอปฏิกิริยาตอบกลับของเขาอย่างเงียบ ๆ
เถ้าแก่เจียงทั้งโมโหทั้งรำคาญ จนมีใจคิดอยากจะฆ่ายัยแก่ผู้นี้
“เถ้าแก่โจว เจ้าฟังข้าก่อน ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าอย่าได้เชื่อนาง!พวกเราร่วมมือกันมาเนิ่นนาน ข้าเป็นคนเช่นไร เจ้ายังไม่เชื่ออีกหรือ”
“อืม งั้นเจ้าอธิบายมา” โจวกุ้ยหลานรออย่างนิ่งเงียบ
เถ้าแก่เจียงถูกนางพูดใส่จนชะงัก ทั้งร่างจังงัง ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ท่านยายที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ก็กังวลเช่นกัน แต่ไม่กล้าที่จะล่วงเกินเถ้าแก่เจียงอีก จึงได้แต่ยืนเงียบๆ
“เถ้าแก่เจียง เรื่องก็จบลงเพียงเท่านี้เถอะ ต่อไปพวกเราเจอหน้ายังเป็นมิตรสหายกัน ส่วนการค้านี้ ข้าว่าพวกเราควรอย่าทำต่อเลย จะได้ไม่เสียความสัมพันธ์ของเจ้ากับไป๋ยี่เซวียน”
“อย่านะ! อย่า อ๊ะ เถ้าแก่โจว เรื่องนี้เจ้าให้ข้าบอกเถ้าแก่ไป๋เองเถอะ ข้าจะบอกเขาให้กระจ่างแน่นอน!”
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้การค้าของร้านไก่ทอดล้วนเป็นข้ากำลังดูแล ส่วนไป๋ยี่เซวียนต้องไปเป็นเถ้าแก่ที่ร้านใหม่ ให้เขาสอดมือมายุ่งเรื่องของข้าคงไม่ค่อยดีนัก” นี่ถือว่าโจวกุ้ยหลานไม่ไว้หน้าให้เถ้าแก่เจียงเลย
เถ้าแก่เจียงเคยถูกคนทำให้เสียหน้าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน สีหน้าแย่ลงทันที “เถ้าแก่โจว เจ้าเป็นเพียงคนที่เถ้าแก่ไป๋จ้าง เจ้ามีอำนาจคิดแทนเจ้านายเจ้าได้หรือ”
“แต่ตอนนี้ การค้านี่อยู่ในมือข้า ตามหลักการใช้งานคนของเถ้าแก่ไป๋ เขาไม่มีทางสอดมือมายุ่งเรื่องของข้า ตกลงเป็นเช่นนี้แล้ว กระป๋องเหล่านี้ล้วนทำจากเหล็ก เจ้าหลอมแล้วยังสามารถทำอย่างอื่นได้ ส่วนเงินข้าจะให้นักบัญชีคำนวณเสร็จแล้วส่งมาให้เจ้า”
โจวกุ้ยหลานพูดจบ หันกายจากไป
คนอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องร่วมมือด้วยต่อไป คราวหน้าก็ยังไม่รู้จะใช้มีดแทงข้างหลังนางอย่างไร
ยุคนี้ไม่มีมาตรการฆ่าเชื้ออะไรอย่างนั้น นางก็ไม่เชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้จะรีไซเคิลกระป๋องพวกนี้ โดยจะหลอมแล้วตีใหม่ให้เป็นอย่างเดิม หากมีโรคติดต่อขึ้นมา นางจะกลายเป็นคนที่ทำอันตรายให้ผู้อื่น
การค้าในตอนนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะดีขึ้นมา นางไม่อาจให้เรื่องเหล่านี้ทำให้การค้าของตนพังพินาศแน่ อีกทั้งไป๋ยี่เซวียน จะลุกขึ้นมาได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเรื่องเหล่านี้แล้ว
ส่วนท่านยายในร้านนั้น นางหยิบกระป๋องพวกนี้ ได้แต่ขายเหล็กเท่านั้น คงขายได้เงินไม่น้อย ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ต้องขออภัย ขอโทษที่นางช่วยเหลืออะไรไม่ได้
โจวกุ้ยหลานไม่รู้ว่า หลังจากนางจากไป เถ้าแก่ที่อยู่ข้างหลังด่านางสาดเสียเทเสีย
เรื่องเหล่านี้ นางก็ไม่สนใจ
เดินไปตามถนนสักพัก มองไปรอบๆ ว่าจะหาร้านตีเหล็กที่เหมาะสมได้หรือไม่ ทำได้แต่หันรีหันขวาง ร้านพวกนี้ล้วนขนาดเล็ก คงผลิตของได้ไม่ทันเป็นแน่
โจวกุ้ยหลานดึงผมหน้าม้าของตัวเอง และกระชากอย่างแรงมาสองเส้น
วันนี้ทั้งวัน หาร้านที่เหมาะสมไม่ได้เลย โจวกุ้ยหลานกลับไป ก็ติดป้ายที่หน้าประตูว่า โค้กหยุดจำหน่ายชั่วคราว
วันถัดมาหลังที่ติดป้าย ไป๋ยี่เซวียนไม่ได้ออกไปไหน และเรียกโจวกุ้ยหลานไปที่สวนด้านหลัง มีสิ่งที่อยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
โจวกุ้ยหลานนั่งลงบนเก้าอี้ เอื้อมมือ หยิบแก้วจากบนโต๊ะ รินน้ำใส่แก้วให้ตัวเอง แล้วจิบ
ไป๋ยี่เซวียนอึกๆ อักๆ โจวกุ้ยหลานก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ วางแก้วในมือลง “เจ้าอยากถามเรื่องเถ้าแก่เจียงใช่หรือไม่”
มือไป๋ยี่เซวียนชะงัก ถูกับผ้าปูโต๊ะ แล้วตัดสินใจพูด “เถ้าแก่เจียงมาเชิญข้าไปดื่มชา บอกว่าเจ้าไม่ยอมทำการค้ากับเขาแล้ว”
“ใช่ แล้วเขาได้บอกหรือไม่ว่าเพราะเหตุใด” โจวกุ้ยหลานลดสายตา ถามต่อ
ไป๋ยี่เซวียนส่ายหน้า “เหมือนจะบอกว่าเจ้าหาร้านที่ถูกกว่าได้”
“แล้วเจ้าเชื่อเขาหรือเชื่อข้าเล่า” โจวกุ้ยหลานยกเปลือกตาขึ้น สบตากับไป๋ยี่เซวียน
การร่วมมือกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเชื่อใจ
“หากเป็นคำพูดเจ้า ข้าย่อมเชื่อ” ไป๋ยี่เซวียนละสายตา แล้วหยิบแก้วขึ้นมา รินน้ำให้ตัวเอง
โจวกุ้ยหลานเม้มปากยิ้ม นางเก็บอาการ เล่าเรื่องแต่ละอย่างไม่กี่วันก่อนกับไป๋ยี่เซวียน
หลังฟังคำบอกเล่าของโจวกุ้ยหลานจบ ไป๋ยี่เซวียนก็นิ่งเงียบ
เห็นได้ชัดว่า เขาก็คาดไม่ถึงว่าคนที่ตนหามาจะไว้ใจไม่ได้เช่นนี้
“ขออภัยด้วย เป็นเพราะปัญหาจากทางข้าเอง”