นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 40 เป็นห่วง
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 40 เป็นห่วง
เช้าวันต่อมาฟ้ายังไม่สว่างเธอก็ตื่นแล้ว และพบว่าสวีฉางหลินตื่นแล้ว กำลังตัดฟืนอยู่ด้านนอก
โจวกุ้ยหลานแอบถอนหายใจกับความขยันของผู้ชายคนนี้ จากนั้นแบกตะกร้าสะพายหลัง อยากจะเข้าตำบลอีกสักครั้ง
สวีฉางหลินเห็นอย่างนั้น ก็วางขวานตัดฟืนลง จะไปกับนางด้วย
“เจ้าพักผ่อนที่บ้านเถอะ อีกเดี๋ยวฟ้าสว่างแล้วยังต้องทำงานอีก”
“เป็นห่วงเจ้า” สวีฉางหลินยื่นมือไปรับตะกร้าสะพายหลังใหญ่ที่หลังโจวกุ้ยหลานลงมา มาใส่หลังตนแทน
อ่อยเธอแต่เช้า!
โจวกุ้ยหลานแอบบ่นในใจ แต่ก็รู้สึกดีใจ
ไม่อยากขัดความหวังดีของเขา โจวกุ้ยหลานเลยเห็นด้วย
หลังจากล็อคกลอนประตูเรียบร้อย ก็เดินไปที่บ้านเหล่าหม่าโถว
“เมื่อวานข้าทำอาหารเนื้อไว้หมดแล้ว ต่อไปต้องเข้าตำบลไปซื้อทุกวันแล้วล่ะ” พูดจบ ก็มองใบหน้าเขาตาไม่กะพริบ หวังดูปฏิกิริยาเขา
สวีฉางหลินยังคงสีหน้านิ่งเป็นสากกะเบือพลางว่า “เจ้าตัดสินใจ”
โจวกุ้ยหลานเบ้ปาก ไม่สนุกเลย
อีกอย่างนะ กว่าเธอจะหาหัวข้อมาคุยได้มันไม่ง่าย ก็โดนเขาสรุปแบบนี้แล้ว
“เจ้าลำบากมาหนึ่งเดือนแล้ว สุดท้ายทำได้แค่บ้านเล็กแค่นี้ โกรธไหม?”
“ไม่โกรธ”
“ข้าให้ค่าแรงพวกเขาเจ้าคิดว่ายังไง?”
“สมควรแล้ว”
“ข้าว่า รอบ้านสร้างเสร็จแล้ว ก็จะคิดค่าแรงให้พวกลูกผู้พี่ชายและลุงใหญ่ด้วยราคาสิบอีแปะต่อวัน พี่ชายข้าไม่ต้องละ”
“ดี”
โจวกุ้ยหลาน “….”
เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับผู้ชายคนนี้แล้ว อะไรก็ดี อะไรก็ได้ ขนาดทะเลาะยังทะเลาะไม่ได้เลย
เมื่อวานเธอคิดเรื่องพวกนี้ไห้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้พูดกับสวีฉางหลินตอนนั้น และไม่ได้แอบตัดสินใจโดยพลการด้วย แต่ค่าแรงพวกลุงใหญ่เธอยังต้องให้อยู่ ยังไงจะให้พวกเขาขาดทุนไม่ได้
พอทั้งสองคนไปถึงบ้านเหล่าหม่าโถว ก็เหมารถลากวัวเข้าไปในตำบล และปลายทางอีกด้านเริ่มมีพ่อค้าขายเนื้อแล้ว
โจวกุ้ยหลานเข้าไปต่อราคา
พ่อค้านั่นใบหน้ากลม ยิ้มขึ้นมาดูใจดีไม่น้อย “เนื้อติดหนึ่งกรัมสิบสองอีแปะ เนื้อล้วนหนึ่งกรัมสิบอีแปะ”
ราคานี้เป็นราคาจริงแล้ว”
“เนื้อติดมันหกชั่งข้าให้เจ้าหกสิบเหวิน เนื้อล้วนห้าชั่งให้เจ้าสี่สิบเหวิน ทั้งหมดหนึ่งร้อยเหวินเป็นอย่างไร?” โจวกุ้ยหลานต่อราคาอย่างรู้งานคุ้นเคย
พ่อค้าหน้ากลมถึงพบว่านี่เป็นลูกค้าใหญ่ ในใจครุ่นคิด พลางพยักหน้า “ได้ ต่อไปมาอุดหนุนข้าบ่อยๆนะ?”
มือลงมืด ตัดเนื้อ ยามยื่นมา สวีฉางหลินมือรับมาชั่งน้ำหนักดู อืม ไม่ได้ชั่งน้อยไป เลยเอาใส่ตะกร้าสะพายหลังของตน
โจวกุ้ยหลานชี้ไปที่กระดูกหมู พลางต่อราคาอีก หนึ่งชั่งสามเหวิน เธอรู้สึกว่าถูก เลยเอามาห้าชั่ง
“เครื่องในหมูนี่ล่ะ?”
พ่อค้าหน้ากลมอึ้งไป จากนั้นยิ้มบอก “นี่ขายให้หมากินทั้งนั้น ถ้าเจ้าเอา จ่ายมาสิบอีแปะก็เอาไปได้หมดเลย”
เครื่องในหมูทั้งหมด แค่สิบอีแปะ
นี่มันคุ้มมากๆ?
“ได้!”
โจวกุ้ยหลานควักเงินออกมา นับ125เหวินให้เขา
พ่อค้าหน้ากลมตกใจ “เอาทั้งหมดเลยรึ? บ้านเจ้าเลี้ยงหมากี่ตัวกัน?”
พอได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าโจวกุ้ยหลานชะงักค้างทันที
เวลานี้ถ้าบอกว่าเธอจะซื้อไปทำให้คนกินดูไม่เหมาะสมเอามากๆ
พวกไม่รู้จักของดี ไม่รู้จักของดีจริงๆ!
เครื่องในหมูพวกนี้ อร่อยเสียยิ่งกว่าเนื้ออีก ดันให้หมากิน ถุยถุย…
พอคิดอย่างนี้ สีหน้าเธอยิ่งเปลี่ยนไปไม่หยุด
พ่อค้าหน้ากลมเห็นสีหน้าโจวกุ้ยหลานเปลี่ยนเร็วมาก ก็ไม่กล้าซักถามต่อ เลยเอาพวกนี้ใส่ในตะกร้าสะพายหลังของสวีฉางหลินทั้งหมด
“ข้าวางแผงขายที่นี่ตลอด ครั้งหน้าเจ้ามาอีกนะ!” พ่อค้าหน้ากลมโบกมือบอกลาโจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลิน
โจวกุ้ยหลานรู้สึกสบายใจ คิดถึงพ่อค้าจางที่เจอครั้งก่อน รู้สึกว่าคนเราช่างแตกต่างกันมากเหลือเกิน
บางครั้งน่ะนะ คนมักจะอดบ่นไม่ได้จริงๆ
พึ่งจะพูดถึงพ่อค้าจาง ก็เห็นเขายืนอยู่หน้าแผงด้านหน้าแล้ว
โจวกุ้ยหลานจะกุมขมับแล้ว นี่คือไม่ชอบใคร เขาก็จะมาอยู่ต่อหน้าเจ้าจริงๆนะ
เห็นได้ชัดว่า พ่อค้าจางก็เห็นพวกเขาสองคนแล้ว
พอคิดถึงเท้านั้นที่โดนถีบครั้งก่อน ไฟโกรธในใจก็ลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็ว