นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 401 ตายหมดแล้ว
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 401 ตายหมดแล้ว
เมื่อเห็นบุตรสาวคนเล็กของตน เหล่าไท่ไท่ก็ตื่นเต้นมาก ตบลงบนแขนของโจวกุ้ยหลาน
“เจ้าลูกคนนี้ เจ้ายังจำได้ว่าเข้ามีแม่อยู่รึ”
โจวกุ้ยหลานพ่นลมเย็นออกดัง “ซี๊ด” “ท่านแม่ แรงมือท่านหนักยิ่งนัก”
“ไม่หนักแล้วเจ้าจะจำได้รึ เจ้าลูกคนนี้!”
ขณะคิด นางยกมือขึ้นคิดจะตีอีก แต่เมื่อกระทบบนร่างโจวกุ้ยหลาน กลับผ่อนแรงลง เหลือเพียงการตีเบาๆ
“กุ้ยหลาน เจ้ามาแล้วรึ”
เสียงสตรีดังขึ้นในห้อง โจวกุ้ยหลานหันหน้าไปมอง ก็เจอโจวคายจือนั่งอยู่ในห้อง โดยมีเอ้อร์ญากับซานญายืนอยู่ด้านข้าง
โจวกุ้ยหลานพาเสี่ยวฉานเดินเข้าไป “พี่สาวใหญ่ เอ้อร์ญาซานญา พวกเจ้าสบายดีไหม”
“สบายดีอยู่แล้ว” ขณะเหล่าไท่ไท่พูด แล้วโบกมือให้ทั้งสองคน “พวกเจ้าสองพี่น้องพูดคุยกันไปก่อน ข้าจะไปเรียกคนอื่นๆ มา”
ไม่รอให้โจวกุ้ยหลานปฏิเสธ นางเร่งฝีเท้าจากไป เด็กทั้งสองเห็นโจวกุ้ยหลาน ทยอยเอ่ยเรียก แล้วนิ่งเงียบทันที ดูเหมือนเด็กทั้งสองจะสูงขึ้นนิดหน่อย แต่นิสัยกลับหดหู่ขึ้นไม่น้อย
โจวกุ้ยหลานนั่งลง ก็ถูกโจวคายจือคว้ามือไว้ “กุ้ยหลาน เป็นเพราะเจ้า ครอบครัวพวกเราถึงมีชีวิตรอดมาได้!”
“พี่สาวใหญ่ ต่อหน้าเด็กๆ ท่านจะพูดเรื่องนี้ทำไมกัน”
นัยน์ตาโจวคายจือเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ “พวกเด็กๆ ล้วนรู้ความ พูดต่อหน้าพวกนางก็ไม่เป็นไร กุ้ยหลาน ผู้คนที่หมู่บ้านซุนล้วนตายหมดแล้ว ต้าหู่… ต้าหู่จากไปแล้ว…”
พูดถึงท่อนสุดท้าย เสียงของโจวคายจือสั่นเครือ
เอ้อร์ญากับซานญาเข้ามากอดโจวคายจือ ช่วยนางลูบหลัง
อาจเป็นเพราะเก็บกดไว้นานแล้ว ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับน้องสาวแท้ๆ
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ” โจวกุ้ยหลานไล่ถาม
โจวคายจืออดไม่ได้ที่จะร้อง “ฮื่อ” ออกมา
ไม่ทันให้นางได้เปิดปาก ประตูก็ถูกเปิดออก โจวต้าซานพาครอบครัวตนเข้ามา ทั้งยังมีโจวชิวเซียงและลูกของนาง หลังจากนั้นก็เป็นโจวต้าไห่ภรรยาและลูกของเขา และมี ครอบครัวของโจวเอ้อร์เฉียง กับลูกชายของโจวซ่านเย่
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว ก็ทักทายปราศรัยกันไม่กี่คำ แล้วทุกคนก็ถอนหายใจ เล่าเรื่องหลังโจวกุ้ยหลานจากไป
ที่แท้หลังจากนางไปได้ไม่นาน จางเสี่ยวจุ๋ยก็แต่งงานกับซุนโก่วต้าน ทันทีที่แต่งเข้าไป ก็สร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลซุนจนชีวิตไม่สงบสุข ต้าหู่ก็ถูกรังแก บางครั้งยังบังคับต้าหู่มาเอาอาหารที่บ้าน
โจวคายจือทิ้งต้าหู่ไม่ลง อยากพาเขามาด้วย แต่ต้าหู่กลับยังต้องการกลับไปอีก
เมื่อผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังจะอดตาย โจรก็มีมากขึ้น เผาทำลาย ฆ่า และปล้นสะดมทุกหนทุกแห่ง จนมาถึงหมู่บ้านซุน ผู้คนในหมู่บ้านซุนล้วนถูกฆ่าตาย เหลือเพียงจางเสี่ยวจุ๋ยคนเดียว จางเสี่ยวจุ๋ยผู้นี้ยังนำกลุ่มโจรเหล่านั้นมาที่หมู่บ้านต้าสือ ฆ่าผู้คนตายไปไม่น้อย และปล้นธัญพืชของทุกครัวเรือน
โจวต้าไห่เห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ จึงพาผู้คนไปในถ้ำที่เก็บธัญพืช ทุกคนจึงอาศัยอยู่ในถ้ำนั้น
ต่อมาได้ยินว่าฆ่าผู้คนตายไปทั่ว ทั้งมีบางคนก่อการกบฏด้วย พวกเขาจึงยิ่งไม่กล้าออกมา อยู่ในถ้ำเป็นเวลาหลายเดือน จนกระทั่งสวีฉางหลินไปตามหาพวกเขา ถึงได้พาพวกเขาทั้งหมดออกมา
“ตอนพวกเราไปบ้านพี่สาวรองพวกเจ้า บ้านพวกเขาเหลือเพียงเสี่ยวป่าวคนเดียว คนอื่นล้วนตายหมดแล้ว…”
โจวต้าซานกล่าวถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
คนอื่นๆ ที่นึกถึฉากนั้น สีหน้าซีดเผือด
โจวกุ้ยหลานหันหน้ามองเสี่ยวป่าว เห็นเขาตัวสั่นงันงก ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เหล่าไท่ไท่โอบเขาแล้วตบหลังเบาๆ ตามด้วยถอนหายใจ
ตอนมองเหล่าไท่ไท่อีกครั้ง ถึงพบว่าเส้นผมของนางขาวโพลนไปมากกว่าครึ่ง รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย
ใจโจวกุ้ยหลานดำดิ่ง ก่อนหน้านี้ไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้ถึงได้พบว่าเสื้อผ้าบนร่างของทุกคนในห้องล้วนขาดรุ่งริ่ง ร่างกาย อิดโรยซูบเซียว และที่สำคัญ เกือบทุกคนชีวิตกลับตาลปัตร ไม่เศร้าโศกเสียใจ ก็ด้านชา
“ตอนนี้มณฑลหยวนเหอเป็นอย่างไรบ้าง” โจวกุ้ยหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามพวกเขา
โจวต้าซานพูดอย่างด้านชา “ที่ไหนก็มีผู้คนตาย เกรงว่าคนที่รอดชีวิตมีอยู่ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ บ้านท่านยายเจ้า ก็ตายสิ้นหมดแล้ว”
“หลานชายของบ้านท่านแม่ข้าหลายคนล้วนถูกลากไปก่อกบฏ ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร” หลี่ซิ่วยิงพูดคำเหล่านี้ ดูสงบนิ่งมาก
ความด้านชา ไม่ใช่แค่อารมณ์ความรู้สึก แม้แต่หัวใจก็ด้านชาด้วย
โจวกุ้ยหลานรู้สึกได้ถึงเพียงลมเหม็นที่ข่มกลั้นไว้ในทรวงอก อย่างไรก็เอาออกไปไม่ได้
“ไม่ใช่ว่ามีอาหารสำหรับภัยพิบัติหรือ แม้จะน้อย แต่ก็น่าจะมีโจ๊กให้พวกเจ้ากินนะ”
“อาหารสำหรับภัยพิบัติจากไหนกัน พวกข้าไม่เคยจะเห็น!ภายหลังมานี้ธัญพืชยิ่งขึ้นราคาสูงขึ้น ได้ยินว่าบ้านนายอำเภอขายธัญพืชไปข้างนอกด้วย ทำเงินได้ไม่น้อยเลย เกรงว่าอาหารสำหรับภัยพิบัติเหล่านั้นเข้ากระเป๋าเขาหมดแล้ว”
โจวต้าไห่ที่เป็นคนดีมาโดยตลอดคำพูดคำจาตอนนี้ก็โหดร้ายอย่างมาก
อนาถ ช่างน่าอนาถจริงๆ
แม้จะไม่ได้เห็นสถานการณ์มณฑลหยวนเหอ ฟังเพียงแต่สิ่งที่พวกเขาเล่าเท่านั้น โจวกุ้ยหลานรู้สึกเวทนามาก
นางไม่มีความกล้าที่จะถามต่อไป เพราะกลัวว่าพวกเขาจะทรุดลงไป
“พวกเจ้าเก็บข้าวของ พวกเราจะกลับบ้าน”
โจวกุ้ยหลานไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่พูดธรรมดาๆ ประโยคเดียว
ก็มีประกายแสงในแววตาทุกคน รีบกลับไปเก็บข้าวของในห้องของแต่ละคน
โจวกุ้ยหลานจ่ายค่าห้อง ช่วยพวกเขานั่งรถม้าแต่ละคันทีละคน ให้เหล่าไท่ไท่นั่งรถม้าไปกับตนเอง แล้วให้สารถีขับไปยังบ้านที่นางซื้อไว้
ตลอดทาง โจวกุ้ยหลานถามรายละเอียดบางอย่างกับเหล่าไท่ไท่ เหล่าไท่ไท่ก็เล่าทีละอย่าง
“มันโกลาหลมาก หากไม่ใช่เพราะพวกข้าซ่อนอยู่ในถ้ำ คงจะตายกันหมดแล้ว” ขณะเหล่าไท่ไท่พูด ก็อดถอนหายใจไม่ได้
“ตอนนี้ข้าไม่กล้าจะคิดถึงอีกเลย ยังมีพี่สาวรองเจ้า…อ๊ะ เพิ่งมาเอาธัญพืชที่บ้านพวกเรากลับไป ก็เกิดเรื่องแล้ว…”
พูดถึงโจวซ่านเย่ เหล่าไท่ไท่ก็ยิ่งชราภาพขึ้นไปหลายส่วน
โจวกุ้ยหลานปลอบโยนนาง เหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
รถม้ากลับมาถึงหน้าบ้าน ทุกคนถือสัมภาระเข้าไปในบ้าน
เนื่องจากบ้านมีขนาดเล็ก ครอบครัวหนึ่งจึงสามารถอยู่ได้เพียงห้องเดียว
กลุ่มคนหมู่บ้านต้าสือนี้เห็นบรรดาศิษย์กำลังเล่าเรียน จึงใคร่ถาม ถึงได้รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
หลังจากที่จัดหาที่พักให้พวกเขาเรียบร้อย โจวกุ้ยหลานพาพวกเขาไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ แล้วกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
แม้ว่าพวกเขาจะมีอาหารอยู่ที่หมู่บ้านต้าสือ แต่ก็เป็นของหยาบกระด้างเสมอ อีกทั้งระหว่างทางมาเมืองหลวงกินอาหารแห้งตลอด เมื่อได้กินอาหารร้อนๆ เช่นนี้ พวกเขาก็พอใจแล้ว
น่าจะเป็นเพราะอาหารร้อนๆ ทำให้ทุกคนฟื้นคืนกำลังวังชา และตอนนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย
กินอาหารเสร็จ โจวกุ้ยหลานก็พาพวกเขาไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำสาธารณะใกล้ๆ เมื่อออกมา สภาพจิตใจทุกคนก็ฟื้นตัวขึ้นมาไม่น้อย
จัดการเรื่องเหล่านี้เรียบร้อย โจวกุ้ยหลานพาพวกเขากลับบ้านและให้พักผ่อนอย่างเต็มที่
จากนั้นไปหาอาจารย์ คุยเรื่องรุ่ยอานและรุ่ยหนิงกับเขา รวมถึงสถานการณ์ทางนี้ด้วย
อาจารย์เงียบไปพักหนึ่ง จึงเปิดปาก “พวกข้าจะกลับไปเรือนเดิมของพวกข้า”
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “เรือนพวกเจ้านั้นไม่อาจให้ผู้คนอาศัยอยู่ได้แล้ว เจ้ากลับไปพวกเขาก็ไม่อาจตั้งใจเรียนได้ ข้าว่า พวกเจ้าจะอยู่ที่นี่แบบนี้ไปตลอด ก็ไม่ใช่ทางออก ไม่งั้นให้ช่วยพวกเจ้าสร้างเรือนเป็นอย่างไร”