นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 43 นี่ทำให้ใครดูกัน
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่43 นี่ทำให้ใครดูกัน?
โจวกุ้ยหลานกลับมาเอาแป้งที่ดำแล้วดึงออกไปแล้วทิ้ง
“ไอ้หยา นี่ยังกินได้อยู่นะ จะทิ้งทำไม?” หลี่ซิ่วยิงร้องขึ้น
“สกปรกแล้ว กินแล้วเดี๋ยวได้ปวดท้องหรอก” โจวกุ้ยหลานตอบ สายตาเหลือบมองไปยังเด็กๆสามคน ร่างกายไม่มีที่ไหนที่สะอาดเลย เห็นแล้วก็รู้ว่าแม่พวกเขาเปื้อน ใครจะรู้ว่าพวกเขาเข้าห้องน้ำแล้วล้างมือหรือเปล่า……
โจวเหล่าไท่ไท่ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับโกรธมาก
“มารักสะอาดอะไรตอนนี้?” หลี่ซิ่วยิงบ่นอย่างไม่พอใจ
โจวกุ้ยหลานไม่สนใจคำพูดนาง เติมน้ำลงไปในกระทะแล้วเริ่มทำข้าวต้ม หมั่นโถวยังต้องรอพักแป้ง คงต้องใช้เวลาอีกนาน นางทำข้าวต้มไว้รอดีกว่า
รอฟ้าสว่างแล้ว คนที่จ้างมาเมื่อวานแปดคนก็มาถึงแล้ว
พวกเขามาจากหมู่บ้านอื่น ระยะทางไกล มาช้าหน่อยก็เข้าใจได้
พอมาถึง ก็รีบช่วยกันทำงานทันที
โจวกุ้ยหลานเปิดฝาออก ใช้ตะหลิวคนข้าวต้มในกระทะ เห็นว่าต้มได้พอประมาณแล้ว ก็เอาถาดไม้วางซ่อนไว้บนกระทะแล้วเริ่มนึ่งหมั่นโถว
พอปิดฝา ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเจ้าก้อนน้อย
โจวกุ้ยหลานหวั่นใจ รีบลุกขึ้นออกไปดู ก็เห็นเด็กผู้ชายสกปรกสามคนกำลังจับปากเจ้าก้อนน้อยยัดของอะไรสักอย่าง และหวังหยู่ชุนก็นั่งหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆ
นางตกใจ รีบเดินไปจับมือจู้จื่อแล้วดึงออกไป และเห็นมือของเขาจับตะขาบตัวใหญ่เท่านิ้วโป้งไว้
“เจ้าจะทำอะไร?!” โจวกุ้ยหลานร้อนใจ สะบัดมือจู้จื่อออกไป ตะขาบนั้นก็คลานออกไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าก้อนน้อยก้มหน้าลง ตกใจอย่างมาก มือน้อยๆจับปลายเสื้อของโจวกุ้ยหลานไว้แน่น
เห็นท่าทีแบบนี้ของเขา โจวกุ้ยหลานก็ปวดใจมาก และกลัวมากด้วย
ตะขาบนั่นมีพิษ ถ้าพวกเขายัดเข้าปากให้เจ้าก้อนน้อยกินจริงๆ นางไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย!
จู้จื่อเช็ดหน้าที่สกปรกของตัวเอง พูดอย่างไม่สนใจว่า: “พวกเราแค่อยากเล่นกับเขา”
“เล่นแบบนี้ได้ที่ไหนกัน!” โจวกุ้ยหลานกอดตัวเจ้าก้อนน้อยไว้แน่น หวั่นใจไม่ไหว
“พวกเราก็เล่นกันแบบนี้ตลอด” เอ้อร์จู้ที่อายุหกเจ็ดขวบก็ตอบอย่างไม่สนใจ
“น้องชายขี้แยเกินไปแล้ว!” ซานจู้ที่อายุสี่ห้าขวบก็ตอบอย่างไม่สนใจเช่นกัน
เด็กนรกสามคนนี้ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
โจวกุ้ยหลานกอดเจ้าก้อนน้อยไว้แน่นกว่าเดิม: “เขาเพิ่งจะสามขวบ พวกเจ้าทำแบบนี้ เดี๋ยวเขาป่วยขึ้นมาจะทำยังไง?”
พวกเด็กเบือนหน้าหนี ไม่สนใจโจวกุ้ยหลาน สีหน้าไม่สนใจคำพูดของนาง
หวังหยู่ชุนเห็นลูกชายสามคนของตัวเองโดนโจวกุ้ยหลานต่อว่า ไม่สบายใจเหมือนกัน “พวกเขาก็เป็นแค่เด็ก เล่นกับน้องชายจะเป็นไรไป? ดูท่าจะกินคนของเจ้าสิ ทำแบบนี้ให้ใครดู?”
โจวกุ้ยหลานโกรธมากจนฆอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ ถ้าจะบอกว่าเด็กสามคนไม่รู้เรื่อง แต่นางเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ห้ามหน่อย แถมยังนั่งดูอย่างสนุกสนานอีก
คนคนนี้มาเป็นแม่คนได้ยังไงกันนะ?
“พี่หยู่ชุน ถ้าเป็นเรื่องอื่น ข้าคงไม่โกรธขนาดนี้หรอก แต่ถ้าเสี่ยวเทียนกินตะขาบเข้าไปจริงๆ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่อีกหรือเปล่า”
“เจ้าจะปกป้องลูกเลี้ยงหรือไง? พวกเขาเป็นหลานแท้ๆของเจ้าเลยนะ!” หวังหยู่ชุนก็โกรธเหมือนกัน จึงตะคอกออกมาเสียงดัง
เสียงทางนี้ก็ดึงดูดความสนใจของคนอยู่แล้ว แต่เห็นว่าเป็นเด็กๆเล่นกันเลยไม่ได้สนใจ จึงทำงานตัวเองต่อ
แต่ไม่คิดว่า หวังหยู่ชุนกับโจวกุ้ยหลานจะทะเลาะกันขึ้นมา
โจวเหล่าไท่ไท่กับหลี่ซิ่วยิงก็ทิ้งงานทำหมั่นโถวในมือ แล้ววิ่งออกมาดู
ลูกตาของเอ้อร์เฉียงจะลอยออกมาอยู่แล้ว โจวต้าซานมองค้อนเขา: “ดูอะไร ทำงาน!”
เขาก็กลัวพ่อเหมือนกัน งานในมือก็ทำเร็วขึ้น คนอื่นเห็นแล้วก็ทำงานตัวเองต่อไป
สวีฉางหลินก็เงี่ยหูฟังเสียงทางนั้น
แต่คิดว่าภรรยาตัวเองดุดันขนาดนั้น เขาก็วางใจแล้วยกก้อนหินข้างๆต่อไป
พอได้ยินคำว่าลูกเลี้ยง น้ำตาของเจ้าก้อนน้อยก็แทบจะไหลออกมา
เขารู้ว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ แต่เขาชอบแม่มาก เขาอยากเป็นลูกของแม่……
โจวกุ้ยหลานใจสั่น คนคนนี้ไม่มีสมองหรือไงนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้ต่อหน้าเด็ก?
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? อยู่ดีๆ ทะเลาะกันทำไม?” หลี่ซิ่วยิงเดินเข้ามา มองค้อนลูกสะใภ้รองของตัวเอง แล้วถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
หวังหยู่ชุนตะคอก: “พวกเด็กๆเล่นกัน แต่ตัวเล็กร้องไห้ น้องกุ้ยหลานก็มาหาเรื่องเลย”
“เด็กเล่นกันก็ต้องให้มันปลอดภัยด้วย มีการเอาตะขาบยัดให้เด็กกินเหรอ?” โจวกุ้ยหลานก็ไม่พอใจเหมือนกัน นางตะคอกออกไปด้วยความโกรธเคือง
พอได้ยินคำว่าตะขาบ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที นั่นเป็นสัตว์มีพิษนะ ไม่ระวังอาจฆ่าคนได้เลย
สีหน้าของโจวเหล่าไท่ไท่ก็แย่ลง หลานของพี่สะใภ้ควรจะสั่งสอนบ้างนะ!
“เจ้ามัวทำอะไร นั่งอยู่ตรงนั้นไม่เห็นหรือไง? ทำไมไม่ห้ามไว้หน่อย?” หลี่ซิ่วยิงรู้สึกเสียหน้า ก็เลยตะคอกด่าลูกสะใภ้รองของตัวเอง
ถ้ามีคนตายจริงจะทำยังไง? ให้หลานเขาชดใช้ชีวิตคืนเหรอ?
ลูกสะใภ้รองคนนี้ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ปกติก็ขี้เกียจตัวเป็นขน เด็กสามคนก็ไม่ดูแลดีๆ
หวังหยู่ชุนไม่พอใจ แค่เรื่องของพวกเด็กๆ ทำไมต้องทะเลาะกันด้วย?
แต่แม่สามีของตัวเองพูดขึ้นก่อน นางกลัวว่าทะเลาะต่อไปจะไม่ได้กินของดีที่นี่อีก จึงหุบปากไม่พูดไม่จา
เห็นนางยังไม่ยอมพูด หลี่ซิ่วยิงก็หันไปพูดกับโจวกุ้ยหลาน: “กุ้ยหลาน พวกเด็กๆไม่รู้เรื่อง เจ้าก็อย่าถือสาเลยนะ เดี๋ยวกลับไปป้าจะสั่งสอนพวกเขาเอง เด็กไม่เป็นไรแล้วนี่ เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ พวกเราไปทำงานกันต่อเถอะ”
นี่คิดจะกดเรื่องนี้ไว้งั้นเหรอ
โจวกุ้ยหลานไม่สบายใจ แต่จะทะเลาะกับเด็กอายุที่ยังไม่ถึงสิบขวบก็ไม่ได้ ลุงใหญ่และพวกลูกผู้พี่ชายของนางกำลังช่วยนางสร้างบ้านอยู่ จะหาเรื่องอีกก็ไม่ได้
จึงต้องอดทน
โจวกุ้ยหลานมองไปยังหลี่ซิ่วยิง: “ป้าก็พูดแล้ว เรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านไปแล้วกัน ลูกข้าตกใจขวัญหายหมด ข้าพาลูกกลับไปในห้องก่อนนะ เดี๋ยวขวัญกระเจิงจนเรียกกลับมาไม่ได้อีก”
“เรื่องแค่นี้จะตกใจจนขวัญกระเจิงเลยเรอะ? เจ้าคงไม่อยากให้พวกเรามาช่วย อยากให้พวกเราไปงั้นสิ?” โจวชิวเซียงพูดเสียดสีโจวกุ้ยหลาน
เดิมที่เรื่องมันจะจบแล้ว พอนางพูดแบบนี้ นี่ไม่คิดที่จะจบเรื่องนี้ใช่ไหม?
โจวกุ้ยหลานข่มอารมณ์โกรธในใจเอาไว้ กระตุกมุมปาก แววตากลับไม่มีรอยยิ้มเลย: “พวกเราที่เจ้าว่าหมายถึงใคร?”
โจวชิวเซียงยังอยากจะตอบ ก็ถูกหลี่ซิ่วยิงกระตุกแขนเสื้อ นางโกรธจนกระทืบเท้าแรงๆ แล้ววิ่งออกไป
สำหรับน้องสาวคนนี้ โจวกุ้ยหลานไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ และขี้เกียจสนใจนาง จึงกลับหลังหันเดินเข้าห้องไป
มาถึงข้างเตียง โจวกุ้ยหลานอุ้มเจ้าก้อนน้อยนั่งลงบนเตียง ช่วยเช็ดน้ำตาให้เขาเบาๆ
“เสี่ยวเทียนไม่ต้องกลัวนะ ไม่เป็นไรแล้ว นะ?”
เจ้าก้อนน้อยพยักหน้า มือก็จับเสื้อของโจวกุ้ยหลานไว้แน่น