นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 48 อาหารที่ยกขึ้นโต๊ะอาหารไม่ได้
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่48 อาหารที่ยกขึ้นโต๊ะอาหารไม่ได้
โต๊ะนั้นมีคนกินข้าวหมดพอดี จะมาเติมข้าวในกระทะ เห็นพวกเขากินอย่างเอร็ดอร่อย ก็คีบมากินหนึ่งคำ ต่อมาเขาเติมข้าวเสร็จก็ยืนกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ตรงนั้น
ต่อมาคนที่มาเติมข้าวในครัวต่างก็มายืนกินไส้หมูอยู่ข้างๆเตา คนที่นั่งข้างโต๊ะก็น้อยลงทุกที
โจวต้าซานอดไม่ได้พูดว่า: “ยกอาหารจานนี้ไปดีไหม มีที่ไหน นั่งกินอยู่ข้างเตาในครัว?”
โจวเหล่าไท่ไท่หันกลับไปตอบว่า: “พี่ใหญ่ นี่เป็นเครื่องในหมู พวกเราไม่ต้องเอาขึ้นโต๊ะอาหารหรอก”
มีคนหนึ่งที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยก็พูดว่า: “เครื่องในหมูอร่อยขนาดนี้เชียว?”
“ของแบบนี้มีคนคิดว่าสกปรก พวกเราก็กินเองของเรา พวกเจ้าไปกินเนื้อเถอะ?” โจวกุ้ยหลานไม่รู้สึกว่าต้องปกปิดอะไร นางยิ้มแล้วพูดกับทุกคน
เพราะยังไงของพวกนี้เป็นของที่ให้สัตว์กินในยุคนี้ มันสกปรกมาก นางกลัวว่าคนพวกนี้จะรู้สึกว่านางเอาของสกปรกมาให้พวกเขากิน
แต่พอนางพูดออกไปแบบนี้ ก็ไม่มีใครขยับเลย
หนึ่งในนั้นมีคนหนุ่มพูดขึ้นว่า: “พี่สาว เครื่องในหมูอร่อยกว่าหมูตุ๋นมากเลยนะ ข้าไม่ไปไหนหรอก!”
เขาพูดแบบนี้ก็ทำเอาคนทั้งวงหัวเราะเสียงดัง
“ข้าเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก ทำไมถึงอร่อยขนาดนี้ล่ะ?” ผู้ชายอีกคนพูดขึ้น
“อร่อยจริงๆ! น่าเสียดายที่ภรรยาข้าทำแบบนี้ไม่เป็น!”
หนึ่งในนั้นยังมีคนถอนหายใจ สองวันนี้พวกเขาได้กินของอร่อยมากจริงๆ แล้วนึกคิดอาหารในบ้านตัวเอง ก็รู้สึกตงิดใจมาก
ได้ยินพวกเขาพูดแบบนี้ โจวซานเฉียงก็อดไม่ได้มาร่วมวงด้วย หลังจากได้ชิมแล้วก็ตะโกนไปเรียกคนทางนั้น: “มากินเร็ว รสชาติดีมากเลย!”
คนที่ยังลังเลก็ทนนั่งต่อไปไม่ไหว ขนาดโจวต้าซานยังลุกขึ้นเดินมาด้วย
เด็กสามคนก็วิ่งมาด้วย คีบไส้หมูกินกันไม่หยุด
ข้างโต๊ะเหลือแค่หลี่ซิ่วยิง หวังหยู่ชุนกับโจวชิวเซียงสามคน
“พวกเขาโง่หรือไง? เครื่องในหมูจะอร่อยกว่าหมูตุ๋นได้ยังไง?”
หวังหยู่ชุนไม่สนใจคำพูดของพวกเขา คีบหมูตุ๋นมากินต่อ
ตอนนี้พวกผู้ชายวิ่งไปหมดแล้ว พวกนางสามคนนั่งอยู่ข้างโต๊ะ
สิ่งที่โจวกุ้ยหลานคิดไม่ถึงเลยก็คือ เครื่องในหมูชนะใจทุกคนที่ได้ชิมมัน ไม่นาน ไส้หมูทั้งกะละมังก็ถูกกินจนหมดแล้ว แถมยังกินซุปตับหมูจนหมดอีก ก็ถึงกลับไปนั่งกินหมูตุ๋นบนโต๊ะต่อ
พวกเด็กๆก็อยากกินไส้หมูของโจวกุ้ยหลานอีก นางใช้โอกาสเริ่มสอนพวกเขาว่า: “พรุ่งนี้ถ้าพวกเจ้ามา ก็ต้องล้างหน้าล้างตาให้สะอาด ต้องเป็นเด็กดีไม่ดื้อ ไม่งั้นก็จะไม่ทำไส้หมูให้กิน ทำแล้วก็จะไม่ให้พวกเจ้ากิน”
ได้ยินว่ามีของอร่อย จู้จื่อก็ตอบอย่างดีใจ เด็กอีกสองคนก็รีบหยักหน้า
รอทุกคนกินหมดแล้ว นั่งพักผ่อนสักพักก็เริ่มทำงานกันต่อ
ตอนนี้ โจวต้าซานพูดกับหลี่ซิ่วยิงว่า จะทำงานหรือกลับบ้าน อย่ามานั่งเป็นยายแก่รอคนมาดูแล กินของคนอื่นเขาแล้วไม่ช่วยเขาทำงานอีก
หลี่ซิ่วยิงไม่มีทางอื่น จึงต้องพาผู้หญิงอีกสองคนไปช่วยเก็บถ้วยจาน
เวลาตอนบ่ายผ่านไปเร็วมาก พวกเด็กๆอยากกินไส้หมูกัน และไม่ได้ซุกซนเหมือนก่อนหน้านี้อีก วิ่งเล่นกันเองตรงนั้น
รอถึงตอนเย็น อาหารก็ไม่ต่างจากตอนเที่ยงเลย แต่แค่ไม่มีไส้หมูกับตับหมู พวกเขาต่างก็เสียดายกัน
“พี่สาว พรุ่งนี้ทำเครื่องในหมูอีกสิ นั่นอร่อยกว่าเนื้อหมูมากเลยนะ!”
“นั่นสิๆ ข้าอยากกินมาทั้งวันแล้ว”
“เจ้าก็ไม่ต้องทำเนื้อเยอะขนาดนี้ด้วย ทำเครื่องในหมูให้พวกเรากินเยอะๆเถอะนะ?”
โจวกุ้ยหลานคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้
“ได้ๆ พรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อเครื่องในหมูกลับมานะ”
โจวชิวเซียงที่อยู่ข้างๆก็เบะปาก: “คิดที่จะประหยัดเงินซื้อหมูเหรอ!”
“ยัยหนูอย่าพูดแบบนั้นสิ เนื้ออร่อยก็จริง แต่เครื่องในหมูอร่อยกว่าเยอะเลยนะ” ชายหนุ่มที่พูดเมื่อกี้ก็พูดขึ้นก่อนที่โจวกุ้ยหลานจะได้พูด
โจวชิวเซียงไม่คิดว่าพวกผู้ชายจะช่วยโจวกุ้ยหลานกัน ก็โกรธจนดวงตาแดงก่ำ
นางเป็นสาวงามในหมู่บ้านต้าสือเชียวนะ ได้รับความชื่นชอบจากผู้ชายในหมู่บ้านมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้พวกผู้ชายกลับไปช่วยโจวกุ้ยหลานกัน จะให้นางดีใจได้ยังไง?
แต่ไม่มีใครสนใจว่านางคิดยังไงหรอกนะ ทุกคนกินไปด้วย และคิดถึงรสชาติเมื่อตอนกลางวันด้วย
ได้ยินพวกเขาพูดชม หวังหยู่ชุนก็น้ำลายสอ และแอบรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ชิมเมื่อตอนกลางวัน
ส่วนหลี่ซิ่วยิงยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงเหมือนเดิม
สวีฉางหลินได้ยินทุกคนชมภรรยาตัวเอง สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจกลับดีใจอย่างมาก
ภรรยาของเขาดีที่สุดแล้ว ดีทุกอย่างเลยด้วย
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า: “ถ้าได้ภรรยาอย่างพี่สาวมาเป็นภรรยา นั่นคงเป็นโชคของตระกูลข้าเลยล่ะ”
สวีฉางหลินได้ยินแล้วก็รู้สึกอันตรายขึ้นมา
ภรรยาของเขาถูกคนอื่นจับจ้องแล้ว คนผู้นี้ริอ่านมาแย่งภรรยาของเขางั้นเรอะ?
ไม่ได้ คืนนี้เขาต้องนอนกับภรรยาให้ได้ จะให้คนอื่นมาแย่งนางไปไม่ได้เด็ดขาด!
กินข้าวเสร็จ โจวกุ้ยหลานแจกเงินค่าจ้างให้พวกผู้ชายอีกครั้ง หลี่ซิ่วยิงเห็นว่าไม่มีของบ้านตัวเอง สีหน้าก็ดีไม่ดีขึ้นมา
แต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไรมากต่อหน้าสามีของตัวเอง แค่รู้สึกโจวกุ้ยหลานไม่ควรทำแบบนี้ ถ้าจะแจกเงิน ก็ควรให้ลุงใหญ่ของนางเยอะกว่าคนอื่น!
รอพวกเขากลับบ้านกันหมดแล้ว หลังจากที่พวกเขาเก็บข้าวของเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลานก็อาบน้ำตัวหอม ตอนกลับมาถึงห้องก็เห็นสวีฉางหลินนอนอยู่บนเตียงแล้ว
เจ้าก้อนน้อยถูกเขาอุ้มไปนอนอยู่บนเตียงข้างกำแพง
โจวกุ้ยหลานแววตาเป็นประกาย หลังจากถอดรองเท้าขึ้นเตียงแล้ว ก็อุ้มเจ้าก้อนน้อยกลับมาอีกครั้ง
สวีฉางหลินขมวดคิ้ว: “ให้เขานอนด้านใน พวกเราจะได้เข้าเรือนหอกัน”
เรือนหอ?
โจวกุ้ยหลานรีบปิดหูเจ้าก้อนน้อยไว้ ผู้ชายคนนี้สงวนตัวหน่อยได้ไหม? พูดแบบนี้ต่อหน้าเจ้าก้อนน้อยได้ยังไง?
เจ้าก้อนน้อยที่ถูกปิดหูก็คิดว่าโจวกุ้ยหลานกำลังเล่นกับเขาอยู่ ก็เลยยิ้มตาหยี่ออกมาอย่างมีความสุข
“ทำไมถึงจะเข้าเรือนหอแล้วล่ะ? ข้าไม่อนุญาต!” โจวกุ้ยหลานปฏิเสธ
ตอนกลางวันชม้อยชม้ายชายตามองหญิงอื่น ตอนนี้อยากนอนกับนางงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!
ถึงจะไม่เข้าใจผู้หญิงแค่ไหน สวีฉางหลินก็รู้สึกได้ว่า ภรรยาตัวเองไม่พอใจมากแค่ไหน
ไม่นอนกับเขา หรือผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบเขาแล้วอยากหนีไปกับผู้ชายอื่นงั้นเหรอ?
พอนึกได้แบบนี้ ในใจของเขาก็เหมือนถูกหมัดชกเข้าอย่างจัง
“ไม่ได้ คืนนี้เจ้าต้องนอนกับข้า!”
สวีฉางหลินว่าแล้วก็จับมือโจวกุ้ยหลานไว้
เขาอดทนมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว มีภรรยาตัวหอมนอนด้วยกันบนเตียงแต่แตะต้องไม่ได้ นี่มันทรมานเกินไปแล้ว ทรมานกว่าการถูกคนฟันด้วยมีดเสียอีก
พอถูกเขาจับมือไว้ ไม่ว่าโจวกุ้ยหลานจะดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด นางยกขาขึ้นเตะไปที่ขาของผู้ชาย
สวีฉางหลินรู้ว่านางจะทำอะไร จึงยกขาขึ้นทับขานางเอาไว้