นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 49 นอนกับภรรยาเป็นเรื่องปกติ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่49 นอนกับภรรยาเป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้โจวกุ้ยหลานรีบยกขาอีกข้างเตะออกไป แต่ถูกสวีฉางหลินทับไว้อีกครั้ง
มือของนางถูกสวีฉางหลินจับไว้ ขาสองขาถูกเขาทับไว้ ขยับไม่ได้เลย
ผู้ชายคนนี้อยากขืนใจเขางั้นเหรอ?
ไม่รู้ว่าทำไม ในสมองก็มีภาพที่โจวชิวเซียงไปส่งน้ำให้เขาลอยขึ้นมา นางยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห จึงพูดพึมพำว่า: “เจ้ารังแกข้าแล้วได้อะไร? คิดว่าข้าเป็นผู้หญิงก็จะรังแกได้ง่ายๆงั้นเหรอ?”
“เจ้าเป็นภรรยาของข้า นอนกับภรรยาเป็นเรื่องปกติ” สวีฉางหลินไม่รู้สึกว่าตัวเองรังแกภรรยาของตัวเอง
เขารักนางมาก รังแกนางเมื่อไหร่กัน?
เจ้าก้อนน้อยงุนงงกับการกระทำของทั้งสอง เบิกตาโพลงจ้องมองไปมา
เห็นขาของพ่อทับขาของแม่ไว้ และเห็นแม่ตัวเองโกรธ ในใจก็พอเดาได้ว่าแม่ตัวเองกำลังถูกรังแก
พอนึกได้ เขาก็ยกมือเล็กๆของเขาตีไปยังมือของสวีฉางหลินที่จับโจวกุ้ยหลานเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้มว่า: “ห้ามรังแกท่านแม่นะ!”
ผู้ใหญ่สองคนตะลึงกับการกระทำของเขา
สักพักใหญ่ โจวกุ้ยหลานถึงได้สติ ลูกชายกำลังปกป้องนางอยู่งั้นเหรอ
นางจุ๊บแก้มของเจ้าก้อนน้อยอย่างดีใจ: “เด็กดี!”
ว่าแล้ว มืออีกข้างก็ปล่อยหูของเขา ชี้หน้าสวีฉางหลินแล้วฟ้องกับเจ้าก้อนน้อยว่า: “พ่อเจ้าตีแม่ แถมยังกดตีอีก!”
ว่าแล้วนางก็แอบดูถูกตัวเองในใจ กล้าหลอกใช้ลูกชายได้ยังไงกัน
แต่นางสู้สวีฉางหลินไม่ไหวจริงๆ จึงต้องพึ่งพาลูกชายตัวเอง
เจ้าก้อนน้อยร้อนใจ ขยับร่างเล็กของเขา ยื่นมือเล็กไปแกะมือสวีฉางหลินออก อยากช่วยแม่ให้พ้นจากพันธนาการของพ่อ
มือข้างเดียวแกะไม่ออก ก็ใช้สองข้างเข้าช่วย
ใช้แรงทั้งหมดที่ดีก็ยังแกะนิ้วมือของสวีฉางหลินไม่ออก
แต่สวีฉางหลินกลับรู้สึกปวดใจ
เขาเลี้ยงลูกชายมาสามปี แต่กลับปกป้องแม่ที่เพิ่งดูแลเขาได้เดือนเดียว
เขารู้สึกปวดใจ และกลัวจะทำร้ายเจ้าก้อนน้อย จึงต้องยอมปล่อยมือออก
เจ้าก้อนน้อยคิดว่าตัวเองแกะสำเร็จแล้ว ดีใจจนรีบนอนคั่นกลางระหว่างสองคน เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อทำอะไรแม่ตัวเองอีก
“ลูกจ๋า แม่เจ็บขามาก……”
โจวกุ้ยหลานรีบฟ้องกับลูกชายตัวเอง
เจ้าก้อนน้อยมองไปยังขาของโจวกุ้ยหลาน เห็นว่าขาของพ่อยังทับขาของแม่อยู่
เขาลุกขึ้นวิ่งไปแล้วนั่งลงยกขาของสวีฉางหลินขึ้น
มองดูก้นเล็กๆของเด็กที่ส่ายไปมาตรงหน้าตัวเอง สวีฉางหลินก็ตบไปเบาๆ
“เจ้าทำอะไรน่ะ?”
โจวกุ้ยหลานมองสวีฉางหลินอย่างโมโห ยื่นมือไปดูก้นของเจ้าก้อนน้อย ยังดีที่ไม่แดง
“ตบยุง” สวีฉางหลินพูดอย่างเศร้าๆ
ลูกชายตัวเองกล้าทรยศพ่อแท้ๆได้ยังไง
เจ้าก้อนน้อยลูบก้นตัวเองเบาๆ หันหน้ากลับไปมองสวีฉางหลิน “ห้ามรังแกท่านแม่ของข้านะ!”
สวีฉางหลินยิ่งเศร้าเข้าไปเลย รู้สึกลูกชายตัวเองโง่จนเกินเยียวยาแล้วล่ะ
เห็นพ่อไม่สนใจตัวเอง เจ้าก้อนน้อยก็ยกขาของสวีฉางหลินอีกที สวีฉางหลินก็ไม่แกล้งเขาต่อ เลยยกขาขึ้นมา โจวกุ้ยหลานรีบหดขาสองข้างไว้ รีบกลิ้งไปอยู่ข้างในเตียง
ต่อมาก็กอดเจ้าก้อนน้อยแล้วจุ๊บแรงๆไปหนึ่งที
“เด็กดีของแม่ รู้จักปกป้องแม่ด้วย ขอบใจมากนะเจ้าลูกชาย!”
เจ้าก้อนน้อยได้รับคำชมจากแม่ก็ดีใจอย่างมาก แก้มแดงระเรื่อไปหมด
เขานอนคั่นกลางสองคนไว้ แถมยังนอนคนเดียวกว้างๆอีก คั่นสองคนเอาไว้ กลัวว่าท่านพ่อจะรังแกท่านแม่อีก
สวีฉางหลินที่กลุ้มใจก็หลับตาลง ไม่อยากเห็นลูกชายโง่ๆของตัวเองอีก
โจวกุ้ยหลานวางใจหลับตาลง นอนหลับคากำแพง
ตกดึก สวีฉางหลินคิดว่าเจ้าก้อนน้อยคงหลับแล้ว เลยอยากข้ามตัวเขาอย่างระมัดระวัง เจ้าก้อนน้อยลุกขึ้นนั่งแล้วจ้องสวีฉางหลินอย่างระแวง
สวีฉางหลินจึงต้องยอมแพ้
คืนนี้เขาลองหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าก้อนน้อยเหมือนระแวงอยู่ตลอดเวลา ลุกขึ้นมองเขาทุกครั้งที่เขาลุกหรือขยับ
สวีฉางหลินจึงต้องยอมแพ้ หลับตานอนจริงๆ
ปกติลูกชายเขานอนไม่รู้ฟ้ารู้ดิน ทำไมคืนนี้ถึงไหวพริบดีจัง?
เห้อ คืนนี้คงจะนอนกับภรรยาของเขาไม่ได้แล้วล่ะ……
ณ บ้านโจวต้าซาน
หลี่ซิ่วยิงนั่งบนเตียงเตา แล้วพูดว่า: “กุ้ยหลานมีเงินเยอะจริงนะ ใจกว้างมาก ยังซื้อเนื้อเยอะขนาดนั้นอีก!”
วันวันได้กินแต่กับข้าวพวกนั้น นางอดไม่ได้น้ำลายสอ
“นางจะหาเงินอะไรได้ จะต้องเป็นพี่ฉางหลินที่หามาแน่!” โจวชิวเซียงตอบ
หวังหยู่ชุนกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ: “อาหารก็อร่อย ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยกินอะไรที่อร่อยเท่านี้มาก่อนเลย!”
เอ้อร์เฉียงมองดูท่าทีของภรรยาตัวเอง ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
ยัยคนนี้ช่างน่าขายหน้าจริงๆ
“พรุ่งนี้เจ้าอยู่ที่บ้าน ห้ามไปบ้านกุ้ยหลานเด็ดขาด!”
“ทำไมล่ะ เจ้าไปช่วย ข้าก็จะไปช่วยด้วย ทำไมถึงไปไม่ได้แล้วล่ะ?” หวังหยู่ชุนบ่นพึมพำ
นางยังอยากกินอาหารอีกหลายอย่างเลย!
เอ้อร์เฉียงกำหมัดชกออกไป: “เจ้าช่วยอะไรไปบ้าง? เห็นนั่งกินอย่างเดียว อับอายขายขี้หน้าเขาเสียจริง!!”
หวังหยู่ชุนหวั่นใจ กลอกตาไปมา นางกลัวเอ้อร์เฉียงแต่นางก็อยากกินของอร่อย รอพรุ่งนี้เอ้อร์เฉียงแล้ว นางค่อยตามไปแล้วกัน……
ได้กินข้าวข้างนอก ไม่มีเปลืองอาหารในบ้านด้วย?
หลี่ซิ่วยิงรีบพูดว่า: “เอ้อร์เฉียบ เจ้าพูดจาดีๆสิ พวกเราไปช่วยทำอาหาร ภรรยาเจ้าก็เห็นกุ้ยหลานตั้งแต่เล็กจนโต แถมยังเป็นพี่สาวอีกด้วย ก็เลยไปช่วย นางไม่ได้ไปบ้านอื่นเสียหน่อย เอาล่ะ รีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้าไปช่วยงาน”
“พรุ่งนี้นอกจากพวกเราผู้ชายสามคนไป ใครก็ห้ามไปทั้งนั้น! พวกเจ้าไม่ไป พวกนางยังประหยัดอาหารได้ด้วย” โจวต้าซานพูดกับหลี่ซิ่วยิงอย่างไม่พอใจ
“พวกเราไม่ได้ไปกินโดยไม่ช่วยงานสักหน่อย……” หลี่ซิ่วยิงอยากตอบโต้ แต่ถูกโจวต้าซานพูดตัดก่อน
“พวกเจ้าไม่ไป พวกนางสองแม่ลูกก็ทำอาหารสามมื้อได้ พรุ่งนี้ถ้าใครไป อย่าคิดจะได้เข้าบ้านตระกูลโจวอีก! กลับไปนอนได้แล้ว!”
โจวต้าซานพูดแบบนี้ออกไป ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเยอะอีก
ทุกคนแยกย้ายกลับไปนอนในห้องตัวเองกันหมด แต่ทุกคนคิดยังไงนั้น นั่นก็มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้
โจวกุ้ยหลานหลับสบายทั้งคืน รอนางตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สวีฉางหลินที่ตื่นเช้ากลับยังนอนอยู่ นางขยับตัว เจ้าก้อนน้อยก็ขยี้ตาตื่นขึ้นมา เขามองไปยังสวีฉางหลินก่อน เห็นเขายังหลับอยู่ ก็หันไปมองแม่ตัวเอง เห็นแม่ลุกขึ้นมาแล้ว
โจวกุ้ยหลานก็พูดเสียงเบากับเขาว่า: “เด็กดี นอนก่อนเลยนะ เดี๋ยวแม่เรียกอีกที”
เจ้าก้อนน้อยไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน กลัวพ่อจะรังแกแม่ตอนเขาหลับ ตอนนี้ง่วงมากไม่ไหว เลยเชื่อฟังแล้วนอนลงไปอีกครั้ง
ทางนี้ โจวกุ้ยหลานออกไปด้านนอก ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วไปบ้านเหล่าหม่าโถว จากนั้นก็เดินทางเข้าตำบล
ตอนนี้นางซื้อเครื่องในหมูสองตัวกลับมา และซื้อเนื้อกับกระดูกและผักอื่นๆกลับมาด้วย
รอนางกลับมา ผู้หญิงสามคนนั้นของบ้านโจวต้าซานก็ไม่ได้มาอีก ไม่มีคนมายุ่งวุ่นวาย นางสบายใจขึ้นเยอะมากเลย