นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 50 มาขอกินด้วยหนึ่งมื้อ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่50 มาขอกินด้วยหนึ่งมื้อ
วันธรรมดาแบบนี้ นางอารมณ์ดีขึ้นมากตอนทำอาหาร ครั้งนี้นางเปลี่ยนวิธีการทำ แต่เครื่องในหมูก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ทำเอาพวกเขาดีใจมากไม่ไหว
พอตกเย็น นางก็เอาอาหารที่กินไม่หมดให้คนที่มาช่วยงานห่อกลับบ้านไปกิน
เจ้าก้อนน้อยนอนคั่นกลางพ่อแม่เหมือนเดิม คอยระวังป้องกันพ่อตลอดทั้งคืน กลัวว่าพ่อจะรังแกแม่
สวีฉางหลินรู้สึกลูกชายตัวเองเก่งเป็นครั้งแรก แค่ขยับเล็กน้อยเขาก็ลุกขึ้นมาแล้ว
นี่เป็นลูก……หรือเป็นศัตรูกับเขากันนะ
ไม่ได้ ต้องสร้างบ้านใหม่ให้เสร็จเร็วๆ จะต้องให้ลูกชายนอนในห้องของตัวเองคนเดียว!
พอตัดสินใจได้แล้ว หลังจากฟ้าสว่าง เขาก็ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของบ้านใหม่ ขยายพื้นที่ของห้องเก็บของให้กว้างขึ้น
พวกเขารีบช่วยกันปรับเปลี่ยน ได้ยินว่าจะใช้เป็นเรือนหอในอนาคตของลูกชาย อยู่ที่นี่จนแต่งงาน ทุกคนยกนิ้วโป้งให้สวีฉางหลิน
มีความคิดที่ก้าวไกลจริงๆ!
ชีวิตสุขสบายแบบนี้ผ่านไปได้สามวัน เงียบสงบไม่มีคนมาวุ่นวาย มันดีมากจริงๆ
คนในหมู่บ้านคนอื่นๆก็รู้เรื่องของบ้านโจวกุ้ยหลาน ข้างบ่อน้ำ ตอนทุกคนซักเสื้อผ้าก็พูดกันขึ้นมา
“ได้ยินมาว่าพวกเขาจ้างคนงานจากหมู่บ้านอื่นและจ่ายเงินสิบอีแปะต่อวัน!”
สิบอีแปะไม่น้อยเลยนะ ถึงจะไปเป็นคนงานในตำบล วันหนึ่งก็ได้แค่นั้น สิบอีเปะหาคนงานได้ง่ายเลย
“มีเงินทำไมถึงไม่จ้างคนในหมู่บ้านเราล่ะ! ไปจ้างหมู่บ้านอื่นทำไมกัน จริงๆเลย!”
ไป๋เย่จื่อได้ยินพวกนางพูดแบบนี้ ก็รู้สึกเสียดหูมาก อดไม่ได้พูดว่า: “ก็เพราะคนในหมู่บ้านเราไม่ไปช่วยไงล่ะ พวกเขาไม่มีทางอื่นเลยต้องไปขอคนนอกมาช่วย?”
“จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้บอกว่าจะให้เงินค่าจ้างสามีพวกเรานะ!”
“นั่นสิ! ถ้าให้เงิน ข้าก็ให้สามีข้าไปทำอยู่แล้ว จะอยู่บ้านว่างๆทำไม!”
ไป๋เย่จื่อขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับพวกนาง คนพวกนี้ ตอนไม่มีเงินไม่มีใครไป พอรู้ว่ามีเงินให้ ก็บอกว่าคนอื่นไม่เรียกพวกเขา หมดคำจะพูดจริงๆ
“ข้ายังได้ยินมาว่า พวกเขาให้กินเนื้อทุกวัน กินไม่หมดก็ให้พวกคนงานเอากลับไปกินกันที่บ้านด้วย!”
เนื้อ! ชาวนาอย่างพวกเขาปีหนึ่งได้กินเนื้อแค่ไม่กี่ชิ้น ไปช่วยงานบ้านไหนก็ไม่เคยเห็นเนื้อเลย!
“ก็ไม่แปลก สามีของโจวกุ้ยหลานเป็นนายพรานนี่? ที่บ้านจะไม่มีเนื้อกินได้ยังไง? เห้อ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ พวกเราไม่เจอบ้างนะ!”
“ข้าได้ยินมาว่าอาหารของนางใส่น้ำมันทั้งหมด มีทั้งรสและสีด้วยนะ!”
พวกผู้หญิงพูดกันคนละคำสองคน ทำอย่างกับไปเห็นมากับตา
ก่อนหน้านี้กลัวว่าเงินของสวีฉางหลินมาจากการฆ่าคน ตอนนี้ก็ไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย ยังพูดคุยเรื่องเนื้อกันอยู่
หลายบ้านในหมู่บ้านต้าสือตอนแรกตอบตกลงแล้ว ต่อมาก็ไม่มีใครไปเลย ตอนนี้คิดเสียใจทีหลังงั้นเหรอ
ไป๋เย่จื่อซักเสื้อผ้าเสร็จ ก็ขี้เกียจสนใจคนพวกนี้ ยกกะละมังกลับบ้านตัวเองไป
กุ้ยหลานสร้างบ้านไม่รู้ว่าใช้เงินไปเยอะเท่าไหร่ ไม่มีบ้านไหนที่ไม่ลำบากหรอก ยังไงก็ต้องไปช่วยสักครั้ง
คิดได้ดังนี้ พอกลับไปแล้วก็บอกเรื่องนี้กับแม่ตัวเอง เด็ดบวบหอมที่หลังบ้านตัวเองมาหนึ่งตะกร้า แล้วถือตะกร้าขึ้นเขาไป
รอนางขึ้นไปแล้ว ก็เห็นทุกคนกำลังทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง
นางเดินเข้าไป ก็เห็นโจวกุ้ยหลานกำลังให้อาหารไก่อยู่ ก็ถึงเห็นว่าโจวกุ้ยหลานเลี้ยงไก่เยอะขนาดนี้เชียว
“กุ้ยหลาน?”
ได้ยินเสียง โจวกุ้ยหลานก็หันหน้ากลับไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งถือตะกร้ายืนอยู่ข้างๆ
ในภาพความทรงจำ นางจำได้ว่านี่เป็นลูกสาวคนโตไป๋เย่จื่อของตระกูลไป๋ แต่เจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับนางมากเท่าไหร่นัก ทำไมตอนนี้นางถึงมาที่นี่ล่ะ?
“เจ้ามาทำไมเหรอ? เข้ามานั่งก่อนสิ” โจวกุ้ยหลานต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
รอนางเดินเข้าไปใกล้ ก็ถึงเห็นในตะกร้าของไป๋เย่จื่อมีบวบหอมอยู่
“ข้าเห็นบ้านเจ้ามีคนเยอะขนาดนี้ กลัวจะเปลืองค่าอาหาร เลยส่งผักมาให้เจ้า” ว่าแล้ว ไป๋เย่จื่อก็ยื่นตะกร้าให้โจวกุ้ยหลาน
ช่วงนี้ทุกบ้านไม่ได้มีกินมีใช้มากมายนัก ไม่คิดว่านางจะยอมเอาผักของตัวเองมาให้นาง
โจวกุ้ยหลานหวั่นไหว ถ้าตอนนี้ปฏิเสธ งั้นก็ไม่เคารพนางน่ะสิ
รับตะกร้ามา โจวกุ้ยหลานเอาบวบหอมไปไว้ในครัว เอาหมั่นโถวห้าลูกใส่ไปในตะกร้า ใช้ผ้าขาวคลุมไว้ แล้วยื่นตะกร้าคืนให้ไป๋เย่จื่อ
“ขอบใจมากนะ เวลานี้แล้วยังจำข้าได้อีก” โจวกุ้ยหลานพูดด้วยรอยยิ้ม
ไป๋เย่จื่อไม่ได้มองในตะกร้า พอรับตะกร้ามาก็พูดคุยกับโจวกุ้ยหลานสักพัก ก็ไม่ได้รบกวนโจวกุ้ยหลานอีก แล้วลงเขาไป
รอโจวกุ้ยหลานหันกลับไปทำงานตัวเองต่อ นางแอบหันกลับไป เห็นโจวต้าไห่ทำงานจนเหงื่อออกเต็มหน้า ใบหน้าแดงก่ำ แล้วรีบออกไปอย่างรวดเร็ว
โจวกุ้ยหลานจัดการบวบหอม คิดว่าเย็นนี้จะทำซุปบวบหอมไข่กิน
เห็นว่าจะเย็นแล้ว นางก็ไม่ชักช้า รีบทำอาหารกับเหล่าไท่ไท่ทันที
ตอนกินข้าว หลี่ซิ่วยิงพาพวกเด็กๆกับโจวชิวเซียงและหวังหยู่ชุนมา
โจวต้าซานขมวดคิ้วไม่พอใจ หลี่ซิ่วยิงพูดขึ้นก่อนว่า: “ที่บ้านไม่มีฟืนแล้ว พวกเราเลยอยากมากินที่นี่สักมื้อ”
ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ โจวต้าซานจะต่อว่าภรรยาที่อยู่กับเขามาทั้งชีวิตก็ไม่ได้ จึงต้องเงียบไม่พูดอะไร
คนมาแล้ว จะไล่ก็ไม่ได้
ก็แค่เปลืองอาหารเล็กน้อย ก็ถือเสียว่าตอบแทนบุญคุณลุงใหญ่ของนางแล้วกัน
พูดกล่อมตัวเองได้แล้ว นางก็ประกาศเริ่มกินข้าวได้
ตอนแรก โจวชิวเซียงคีบเนื้อให้สวีฉางหลิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “พี่ฉางหลิน ครั้งก่อนที่พี่ช่วยข้า ข้ายังไม่ได้ตอบแทนพี่เลย ขอบใจพี่ฉางหลินมากนะ พี่กินเยอะหน่อยนะ”
โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้กลอกตามองบน โจวชิวเซียงตลกจริงๆ เอาเนื้อของนางไปตอบแทนสามีของนางเนี่ยนะ?
ทำไมนางถึงรู้สึกแปลกๆชอบกล?
“ใช่ๆๆ ครั้งก่อนน้องเขยช่วยชิวเซียงของเราไว้ รอสร้างบ้านเสร็จแล้ว น้องเขยไปดื่มเหล้าที่บ้านข้าไหม?” ซานเฉียงพูดด้วยรอยยิ้ม พูดตัดบรรยากาศอีกครั้ง
หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ข้างๆก็พูดอย่างไม่พอใจว่า: “ดื่มอะไรกัน พวกเจ้ามาช่วยงานเยอะๆ ขยันขึ้นอีกหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจัดการเรื่องที่บ้านเสร็จแล้วจะเข้ามาช่วยงานที่นี่ ให้น้องสะใภ้ได้พักผ่อนบ้าง จะปล่อยสวนผักไม่สนใจหลายวันก็ไม่ได้”
พอพูดแบบนี้ โจวเหล่าไท่ไท่ก็เริ่มคิดในใจ นางไม่ได้ไปดูสวนผักของนางหลายวันแล้ว ถ้าเข้าฤดูหนาวคงได้กินแกลบแน่
โจวกุ้ยหลานดูออกว่าแม่ตัวเองคิดอะไรอยู่ นางจึงยิ้มแล้วพูดว่า: “ท่านป้าก็ต้องดูแลที่บ้าน วิ่งไปมาสองที่ก็เหนื่อยแย่ พรุ่งนี้เช้าไม่ต้องให้แม่ข้ามาแล้ว ให้ชิวเซียงมาช่วยข้าเป็นยังไง”
“ไม่ได้นะ ชิวเซียงทำอาหารไม่เป็น นางอยู่บ้านไม่ทำอะไรเลย จะมาช่วยเจ้าได้ยังไง? ให้ข้ามาแทนนะ ข้าช่วยเจ้าทำอาหารได้!” หวังหยู่ชุนรีบแย้ง
ทางนี้มีของกินอร่อยเยอะขนาดนี้ นางจะต้องขออยู่ต่อให้ได้ ถ้าโจวชิวเซียงมา นางก็คงไม่เอากลับมาให้ตัวเองกินหรอก
“ข้าทำอาหารไม่เป็นตรงไหน?” โจวชิวเซียงรีบแก้ตัว