นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 54 แต่งงานแล้วก็ยังมีคนสนใจ
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 54 แต่งงานแล้วก็ยังมีคนสนใจ
ช่วงเวลานี้ เขามีเวลาว่างก็จะไปตัดไม้มาไว้ไม่น้อย ตอนนี้ก็แห้งแล้ว สามารถใช้ได้แล้ว
โจวเหล่าไท่ไท่ส่งสายตาให้โจวกุ้ยหลาน ทั้งสองไปที่ในครัว โจวเหล่าไท่ไท่กระซิบพูดกับโจวกุ้ยหลานว่า “เจ้าเฝ้าระวังดูชางหลินให้ดี เขารูปร่างหน้าตาดี กลัวคนอื่นจะสนใจ”
ไอโย้ โจวเหล่าไท่ไท่ดูออกด้วยหรือ?
โจวกุ้ยหลานรู้สึกประหลาดใจ โจวเหล่าไท่ไท่คนนี้อัศจรรย์เกินไปไหม?
นางกะพริบตา พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “แม่พูดอะไร ชางหลินเป็นนายพราน ที่นาก็ไม่มี คนอื่นจะกลัวเขาด้วยซ้ำ ยังจะมีคนชอบเขา?”
โจวเหล่าไท่ไท่ก็ร้อนใจขึ้นมา นี่พูดออกมาได้อย่างไร?
เด็กคนนี้โง่จริงๆ
“ต่อให้เป็นนายพราน ก็มีความสามารถ ไม่อย่างนั้นจะสามารถสร้างบ้านใหม่ได้เร็วขนาดนี้หรือ? เขารูปงามร่างสูง พวกผู้หญิงชอบ เจ้าอย่าเลอะเลือน”
โจวเหล่าไท่ไท่แสดงท่าทีแบบนี้ โจวกุ้ยหลานขำพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ เจ้าดูก่อนที่ข้าจะแต่งงานกับเขา ใครไม่เดินอ้อมเขาบ้าง? มีเพียงข้าที่แต่งงานกับเขาได้ พวกเจ้าได้รู้จักเขาแล้วค่อยเห็นว่าเขาไม่เลว”
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สาวๆในหมู่บ้านกลัวเขาอย่างมาก ต่างพูดว่าเขามีประวัติเคยฆ่าคน
โจวเหล่าไท่ไท่ร้อนใจอย่างมาก นิ้วชี้กดไปที่หัวโจวกุ้ยหลานอย่างรุนแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าโง่หรือไง? เจ้าไม่รู้หรือว่า ตั้งแต่ชางหลินแต่งงานกับเจ้าล้วนมีแต่เรื่องในด้านดีทั้งนั้น? เจ้าดูบนตัวเขา ยังมีความน่าเกรงกลัวอยู่อีกไหม?”
คำพูดนี้ทำให้โจวกุ้ยหลานนิ่งอึ้ง
นางใช้ชีวิตอยู่กับสวีชางหลินมาตลอด ไม่สังเกตเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อโจวเหล่าไท่ไท่พูดขึ้นมาเช่นนี้ นางก็ค่อยรู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นจริง
ตอนเริ่มแรกบนตัวสวีชางหลินแฝงไปด้วยแรงอาฆาต ตอนนี้ไม่มีแล้ว และก็ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ นางไม่กลัวเขาแล้ว ยังคิดจะรังแกเขา พาเจ้าก้อนน้อยรังแกเขา….
“ชางหลินของเจ้าไม่น่ากลัวแล้ว รูปงามหน้าตาดียังมีความสามารถ แต่งงานแล้วก็ยังมีเสน่ห์ เจ้าอย่าเลอะเลือน ผู้ชายจะต้องเฝ้าระวังไว้ให้ดี”
โจวเหล่าไท่ไท่พูดเน้นอีกครั้ง กลัวลูกสาวของตนจะไม่ใส่ใจ
นางมองก็รู้ นังเด็กชิวเซียงหลงเสน่ห์สวีชางหลินแล้ว คำพูดนี้จะพูดกับลูกสาวก็ไม่ได้ จะเป็นการทำให้ชิวเซียงเสื่อมเสียชื่อเสียง
ในขณะที่กำลังพูดอยู่ สวีชางหลินก็ออกมาแล้ว
โจวเหล่าไท่ไท่ก็เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้น ดึงเสื้อผ้าโจวกุ้ยหลาน พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงดังว่า “กุ้ยหลาน เราย้ายของของพวกเจ้าไปที่บ้านใหม่เถอะ คืนนี้พวกเจ้าไปนอนที่บ้านใหม่กัน”
ไม่รอให้โจวกุ้ยหลานพูดตอบ สวีชางหลินก็พูดตอบก่อนแล้วว่า “พวกเจ้านั่งพัก ข้าขนย้ายเอง”
พูดเสร็จก็วางสิ่งของในมือ หันเดินไปที่บ้านไม้หลังเดิม ม้วนเก็บที่นอนกับยกเก้าอี้หลายตัวขนไปที่บ้านใหม่
โจวเหล่าไท่ไท่ใช้ศอกสะกิดโจวกุ้ยหลาน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าดูสิ รักภรรยาตนเองแค่ไหน สามีเจ้าเป็นคนดี ต้องรักษาไว้ให้ดี”
ในใจโจวกุ้ยหลานก็หวานละมุน ช่วงนี้เหนื่อยกับการสร้างบ้านใหม่ ยังมีโจวชิวเซียงมาวุ่นวาย นางแทบไม่ได้ใกล้ชิดสวีชางหลินเลย
ผู้ชายที่ดีขนาดนี้ หากถูกผู้หญิงคนอื่นแย่งไป นางไม่ร้องไห้แย่หรือ
คิดได้เช่นนี้จึงรีบเดินเข้าไปในบ้านไม้ เก็บเอาสิ่งของเล็กน้อยย้ายไปที่บ้านหิน เดินไปถึงครึ่งทาง สิ่งของในมือก็ถูกสวีชางหลินรับไปแล้ว
“เจ้าไปนั่งพักกับแม่สักพัก แล้วค่อยทำกับข้าว”
โจวกุ้ยหลานยังไม่ทันตอบ ก็เห็นเขาหอบสิ่งของเข้าไปในบ้านหินแล้ว เจ้าก้อนน้อยก็ขนย้ายเก้าอี้เล็กก้าวเท้าน้อยๆเดินตามไป
ผู้ชายสองคน คนโตกับคนเล็กขนย้ายไปมาอยู่หลายรอบ
โจวกุ้ยหลานก็ทำได้เพียงหลีกทางให้ กลับมาที่ห้องครัว คิดว่าเย็นนี้จะกินอะไร
“เห็นไหม รักเจ้าแค่ไหน” โจวเหล่าไท่ไท่พูดขึ้นมาอย่างดีใจ
ลูกสาวคนเล็กของตนได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ อนาคตต้องดีแน่ๆ
โจวกุ้ยหลานก็พยักหัว แต่ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป จึงพูดขึ้นว่า “แม่ เย็นนี้เราห่อเกี๊ยวกันไหม?”
“อะไรนะ? ไอหยา เจ้าคนฟุ่มเฟือย หลายวันมานี้ทานแต่ของดีๆ ตอนนี้ยังจะกินเกี๊ยว? ทำไมไม่รู้จักประหยัดบ้าง?”
โจวเหล่าไท่ไท่เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมาทันที
คิดถึงช่วงหลายวันมานี้ที่ทำอาหารให้คนพวกนั้นทาง นางเสียดายจะแย่อยู่แล้ว
โจวกุ้ยหลานกลับไม่รู้สึกอะไร ยังไงทานอิ่มแล้วค่อยมีแรงทำงาน อีกอย่าง วันนี้เป็นวันดีที่สร้างบ้านเสร็จ ยังไงก็ต้องได้ทานของอร่อย
มีแต่โจวเหล่าไท่ไท่ที่เสียดาย แค่น้ำมันทานไปแล้วหลายสิบจิน ในนี้ยังรวมกากไขมันเป็นส่วนใหญ่
“แม่อยากทานเกี๊ยวไส้อะไร? หลังบ้านข้ายังมีกุ้ยช่าย กินเกี๊ยวไส้เนื้อกุ้ยช่ายละกัน” โจวกุ้ยหลานพูดเสร็จ แล้วก็ตัดสินใจเองเลย
ไม่สนใจที่โจวเหล่าไท่ไท่กระทืบเท้า หยิบมีดแล้วก็เดินตรงไปยังหลังบ้าน เปิดประตูแล้วก็เข้าไปในสวนผัก ตัดกุ้ยช่ายมาหนึ่งกำ ลุกขึ้นมาแล้วก็มองดูสวนผักของตนเองอย่างสบายใจ
สวนผักสวนครัวนี้ผ่านการดูแลมาหนึ่งเดือนครึ่ง เขียวชอุ่มไปหมด
หัวไชเท้าเป็นแถวๆ ผักกาดขาวเป็นแถวๆ ยังมีกุ้ยช่ายเป็นแถวๆ ต้นหอมนางก็ปลูกไว้บ้าง
เมล็ดพันธุ์ผักพวกนี้ได้มาจากโจวเหล่าไท่ไท่ นางเอาไปปลูกทั้งหมด
ยังมีพื้นที่ว่างอยู่อีกไม่น้อย ต่อไปเอาหญ้าช้างหวานบนภูเขามาปลูกด้วย ยังปลูกได้อีกไม่น้อย
บนเขามีหญ้าช้างหวานไม่น้อย แต่เสียดายที่กระจัดกระจายเกินไป ทุกครั้งที่นางพาเจ้าก้อนน้อยไปหานั้นเสียเวลาอย่างมาก หากนางปลูกไว้เอง จะไม่ดียิ่งกว่าหรือ?
ต่อไปนางจะต้องเลี้ยงเป็ดไก่ไม่น้อย ถึงตอนนั้นก็จะสามารถตัดในสวนได้เลย ไม่ต้องเสียเวลามาก
“นี่เจ้าจะตัดกุ้ยช่ายมากมายขนาดไหน” เสียงโจวเหล่าไท่ไท่ตะโกนพูดเสียงดัง จนโจวกุ้ยหลานได้สติกลับมา
นางรีบพูดตอบขึ้นว่า “มาแล้ว”
แล้วค่อยรีบออกไป ปิดประตูสวนผักอีกครั้ง ก็เจอกับโจวเหล่าไท่ไท่
โจวเหล่าไท่ไท่หรี่ตาดูกุ้ยช่ายกำน้อยในมือของนาง แล้วก็เปิดประตูสวนผักอีกครั้ง เข้าไปเด็ดผักกาดขาวมาหนึ่งหัว แล้วก็รีบเดินไปในครัว
โจวกุ้ยหลานรู้ว่านางจะใส่ผักกาดขาวเข้าไปด้วย ในใจตกตะลึง รีบเดินไปหา แต่เสียดายที่แม่ของนางไม่ยอมเลย
สุดท้าย นางอยากที่จะทำเกี๊ยวไส้เนื้อกับกุ้ยช่าย กลายเป็นเกี๊ยวไส้เนื้อผักกาดขาวกับกุ้ยช่าย
สวีชางหลินตัดฟืนอยู่ด้านข้าง เจ้าก้อนน้อยวิ่งเดินมาเฝ้าอยู่ด้านข้างแม่ของตนเอง
โจวกุ้ยหลานห่อเกี๊ยวอันหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าเจ้าก้อนน้อย พร้อมถามเขาว่า “อยากกินไหม?”
คิดถึงเกี๊ยวที่เคยได้ทานก่อนหน้านี้ เจ้าก้อนน้อยจึงรีบพยักหัวทันที
โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “อยากกินก็ต้องช่วยแม่ห่อเกี๊ยว ไม่อย่างนั้นเราก็จะทำไม่ทันแล้ว”
โจวเหล่าไท่ไท่ที่นวดแป้งอยู่ด้านข้าง มองดูนางแล้วก็พูดขึ้นว่า “เขาเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง ให้เขาทำจะไม่เป็นการเสียของหรือ?”
“แม่ เด็กควรที่จะถูกสั่งสอนให้ช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เด็ก ไม่อย่างนั้นจะนิสัยดีได้อย่างไร?” โจวกุ้ยหลานไม่กลัวที่จะสิ้นเปลืองสิ่งของ การสั่งสอนลูกสำคัญที่สุด
โจวเหล่าไท่ไท่ถือไม้นวดแป้งไว้ พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “ข้าเลี้ยงพวกเจ้ามาสี่คน เจ้าไม่เคยมีลูกสักคน ยังจะมาสั่งสอนข้า?”
สำหรับเรื่องนี้ โจวกุ้ยหลานไม่เถียงนาง
เรื่องการสั่งสอนเด็ก ไม่ใช่ว่ามีลูกเยอะแล้วจะเป็น ยังไงคนในยุคสมัยนี้ เมื่อมีลูกแล้วก็เพียงแค่ให้ลูกได้กินข้าวจนเติบโตเท่านั้น
โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ หลังจากที่เห็นลูกทั้งสามคนของบ้านเอ้อร์เฉียง นางก็รู้สึกถึงความอันตราย ยังไงก็จะต้องสั่งสอนลูกของตนเองให้ดี