นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 59 นึกว่านางป่วย
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 59 นึกว่านางป่วย
โจวกุ้ยหลานแอบตามอยู่ด้านหลังเขา แล้วก็เห็นเขาถือถ้วยไปตักน้ำ ยื่นมาที่ปากของเขา
จากนั้นก็ก้าวเท้าน้อยๆวิ่งกลับทางเดิม โจวกุ้ยหลานกลัวเขาเห็น จึงรีบวิ่งกลับไปนอนบนเตียงเหมือนเดิม สักพักก็เห็นเจ้าก้อนน้อยถือถ้วยเข้ามา น้ำในถ้วยนั้นหกไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ตอนที่เขาปีนขึ้นเตียงน้ำในถ้วยก็หกอีกไม่น้อย แล้วก็ยืนถ้วยมาที่ริมฝีปากของโจวกุ้ยหลาน โจวกุ้ยหลานอ้าปากให้เขา นางดื่มน้ำเย็นนั่นลงไปหนึ่งคำ
นี่นึกว่านางป่วยหรือ?
ไอโย้ ลูกชายคนนี้น่ารักมากเลย
โจวกุ้ยหลานตื้นตันใจอย่างมาก เพื่อไม่ต้องดื่มน้ำเย็นอีก นางรีบพูดกับเจ้าก้อนน้อยว่า “แม่หายดีแล้ว”
เจ้าก้อนน้อยเบิกตาโตมองพิจารณาดูแม่ของตนเองอย่างละเอียด เห็นว่าใบหน้าของนางไม่แดงแล้วจึงค่อยวางใจ
พยักหัว เชื่อว่าแม่ของตนเองหายแล้ว
โจวกุ้ยหลานลูบหัวของเขา ลุกขึ้นยืน แล้วก็รีบไปเสริมฟืนในกองไฟ
ไอหยา เพื่อฟักไข่ ต้องเหน็ดเหนื่อยใจอย่างมากจริงๆ
ทำพวกนี้เสร็จแล้ว ก็เอาตะกร้ามาแบกไว้ข้างหลัง พาเจ้าก้อนน้อยไปหาหญ้าเนเปียร์แคระด้วยกัน
ครั้งนี้นางขุดเอามาพร้อมราก เอาใส่ไว้ในตะกร้า เตรียมที่จะนำไปปลูกในสวนผักหลังบ้าน
ขุดอยู่สักพัก มองดูเวลา แล้วนางก็พาเจ้าก้อนน้อยกลับบ้าน
ตอนนี้ก็เริ่มทำกับข้าวแล้ว ในบ้านยังมีแป้งอยู่ นางจึงตัดสินใจทำเมนูเส้น
ผสมแป้ง ใส่น้ำนวดแป้ง เสร็จเรียบร้อยแล้ว นำมาบดให้เรียบ แล้วก็ใช้มีดตัดเป็นเส้น
แค่นี้ก็ทำเสร็จแล้ว รอสวีชางหลินกลับมาก็สามารถต้มเส้นได้แล้ว
จนถึงตอนเที่ยง สวีชางหลินก็ยังไม่กลับมา โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว
หรือว่าเขาเข้าไปในป่าลึกที่สุดอีกแล้ว?
ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็มีเงาคนคนหนึ่งเดินออกมาจากในป่า นางพาเจ้าก้อนน้อยออกไปรับอย่างดีใจ
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ค่อยรู้ว่าอาสะใภ้สามจางเสี่ยวจุ๋ย
นางสวมชุดสีเขียว แลดูสวยแล้วก็ไม่โดดเด่น คนรูปงามสะสวย ต่อให้อายุสามสิบแล้ว ก็ยังสวยอยู่
ตระกูลโจวมีพี่น้องสามคน โจวต้าซาน โจวเอ้อซาน ยังมีอีกคนก็คือโจวเสี่ยวซาน
โจวเอ้อซานเสียชีวิตแล้ว มีลูกไว้สี่คน แต่โจวเสี่ยวซานแต่งงานไปได้ไม่นานก็เสียชีวิตแล้ว ไม่มีลูกสักคน จางเสี่ยวจุ๋ยคนนี้เป็นหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ หลายปีมานี้ก็ไม่ได้ยินว่าไปยุ่งเกี่ยวข้องกับใคร โจวเหล่าไท่ไท่กับโจวต้าซานทั้งครอบครัวก็ดูแลนางเป็นอย่างดี
“ที่แท้ก็เป็นอาสะใภ้สาม” โจวกุ้ยหลานเดินไปเจอพอดี
ในมือจางเสี่ยวจุ๋ยถือตะกร้ามาด้วย เดินเข้ามาใกล้ แล้วก็ยื่นตะกร้าให้กับโจวกุ้ยหลาน พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “ช่วงที่ผ่านมานี้ เจ้าสร้างบ้าน อาสะใภ้สามไม่มีความสามารถอะไร ช่วยอะไรก็ไม่ได้ จึงไม่ได้มาหา วันนี้จึงมาเยี่ยม”
คำพูดนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล โจวกุ้ยหลานเอื้อมมือไปรับตะกร้ามา เมื่อมองดู ก็เห็นว่าข้างในมีแต่ไข่ไก่ อย่างน้อยก็น่าจะมียี่สิบลูก
จางเสี่ยวจุ๋ยเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว มีชีวิตอยู่อย่างไม่ง่ายเลย ปกติก็ไม่สามารถทำสวนได้ด้วยตนเอง จึงอยู่บ้านปักผ้าเช็ดหน้าแล้วก็เอาไปขายในตำบล ได้เงินมาก็ซื้อจำพวกอาหาร ยังมีอีกสองบ้านคอยช่วยเหลือ จึงยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
โจวกุ้ยหลานพาจางเสี่ยวจุ๋ยไปยังบ้านใหม่ของตน พานางเดินดูรอบๆ แล้วก็นั่งอยู่ในห้องทางทิศใต้ เจ้าก้อนน้อยก็นั่งอยู่ด้านข้างอย่างว่าง่าย
สำหรับอาสะใภ้สามคนนี้ โจวกุ้ยหลานไม่มีความรู้สึกอะไร ภายในความทรงจำของเจ้าของเดิม ก็ไม่ปรากฏความทรงจำอะไรที่เกี่ยวข้องกับอาสะใภ้คนนี้ มีเพียงพบปะกันบ้างยามมีเทศกาลปีใหม่
จางเสี่ยวจุ๋ยนั่งลงอย่างไม่คิดอะไรมาก ไม่เกรงอกเกรงใจอะไร จับดูผ้าห่มบนที่นั่ง แล้วถามโจวกุ้ยหลานขึ้นว่า “ผ้าห่มพวกนี้ล้วนเป็นของใหม่?”
“แม่ข้าช่วยทำให้ข้า สำลีเป็นสินสอดของข้า” โจวกุ้ยหลานก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับนาง จึงทำได้แค่ตอบ
“ดีจัง แม่ของเจ้าดีกับเจ้าจริงๆ ปกติอาสะใภ้สามจะอยู่แต่ในบ้านของตนไม่ออกไปไหน แม้แต่เจ้าแต่งงานข้าก็เพิ่งรู้ เฮ้อ อาสะใภ้สามทำไม่ถูกจริงๆ”
พูดเสร็จ นางเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา ยื่นให้กับโจวกุ้ยหลาน พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่ารังเกียจ อาสะใภ้ก็มีของแค่นี้แหละ”
พื้นผ้าเช็ดหน้าเป็นสีขาว บนนั้นปักดอกกล้วยไม้หนึ่งดอก งดงามประณีต
โจวกุ้ยหลานค่อนข้างตกตะลึง อาสะใภ้สามไม่เหมือนคนบ้านสวนจริงๆ ทำงานปักเย็บได้ดีขนาดนี้
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้สวยมาก อาสะใภ้สามพูดล้อเล่นไปได้ ข้าชอบผ้าเช็ดหน้าผืนนี้” โจวกุ้ยหลานพูดพร้อมกับพับผ้าเช็ดหน้า เก็บไว้ในแขนเสื้อตัวเอง
อืม เสื้อผ้านี้ไม่มีกระเป๋า ไม่สะดวกเลย กลับไปจะให้แม่เย็บกระเป๋าเพิ่มสักหลายอัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกก็เห็นอาสะใภ้ของตนขมวดคิ้ว ราวกับมีเรื่องไม่สบายใจ
“เจ้าชอบก็ดี ทำไมถึงไม่เห็นสามีของเจ้า?”
“อ้อ เขาไปล่าสัตว์ ไม่รู้ว่าตอนเที่ยงจะกลับมาทานข้าวไหม น้าสะใภ้ เจ้ายังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม? อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?” โจวกุ้ยหลานก็ไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อพูดเช่นนี้แล้วก็ลุกขึ้นมาเดินไปในครัว
อาสะใภ้สามขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “แบบนี้ไม่ดี ข้ากลับไปกินดีกว่า”
“อย่าเลย อยู่ทานด้วยกันเถอะ” โจวกุ้ยหลานพูดพร้อมกับเดินไปที่ห้องครัวแล้ว
มาถึงห้องครัว นางค่อยสูดลมหายใจยาวๆ ไอหยา พูดคุยกับอาสะใภ้สามนั้นอึดอัดจะแย่แล้ว
ไม่โทษนาง แม้แต่เจ้าของเดิมก็ทนนิสัยอาสะใภ้สามที่น่าเบื่อไม่ไหว
โจวกุ้ยหลานจุดไฟ ต้มเส้น
ภายในห้อง จางเสี่ยวจุ๋ยลุกขึ้นเดินไปหาเจ้าก้อนน้อย คุกเข่าลง พร้อมถามขึ้นว่า “แม่ของเจ้ารักเจ้าไหม?”
เจ้าก้อนน้อยค่อนข้างกลัวคนแปลกหน้า แต่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นญาติของแม่ จึงพยักหัวอย่างหวาดกลัว
“แล้วพ่อของเจ้ารักแม่ของเจ้าไหม?”
เจ้าก้อนน้อยไม่ค่อยเข้าใจความหมายของผู้ใหญ่คนนี้ ได้แต่จ้องมองดูนาง
จางเสี่ยวจุ๋ยขมวดคิ้วอีกครั้ง เด็กคนนี้ยังเล็กมาก พูดจายังไม่รู้เรื่อง
มองดูหน้าประตูแปบหนึ่ง เห็นโจวกุ้ยหลานไม่มา นางจึงคว้าจับแขนเจ้าก้อนน้อย ออกแรงบีบไม่น้อย เจ้าก้อนน้อยเจ็บ อยากวิ่งหนี แต่สู้แรงจางเสี่ยวจุ๋ยไม่ไหว อยากที่จะร้องเรียกคน แต่ก็มองเห็นสายตาที่ดุดันของนาง
“ห้ามเรียก ไม่งั้นข้าจะพาแม่ของเจ้าไป”
เจ้าก้อนน้อยกลัว ไม่กล้าส่งเสียงอีก
เห็นแบบนี้แล้ว นางค่อยพอใจ แล้วถามต่ออีกว่า “บ้านของเจ้าใครดูแลเงิน?”
เจ้าก้อนน้อยมองดูนางพร้อมน้ำตาไหล แต่ไม่ส่งเสียง
จางเสี่ยวจุ๋ยถามขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้าเป็นใบ้หรือ?”
เจ้าก้อนน้อยที่ตกใจเม้นริมฝีปาก ร่างกายอันน้อยนิดถูกจางเสี่ยวจุ๋ยดึงไว้ อยากร้องไห้ก็ไม่กล้าร้องออกมา
เห็นว่าถามอะไรไม่ได้เรื่อง จางเสี่ยวจุ๋ยก็ขี้เกียจถาม ปล่อยเจ้าก้อนน้อย สายตากวาดมองภายในห้อง บ้านใหม่นี้ดูธรรมดา มีเนินอันหนึ่ง ยังมีกล่องเก่าๆอันหนึ่ง คงจะย้ายมาจากบ้านเดิม
นางเดินไปเปิดกล่องนั้น พลิกดูอยู่หลายครั้ง ก็เจอแต่เสื้อผ้าเก่าไม่กี่ชุด นางก็ไม่สนใจ ปิดกล่องนั้นลง แล้วก็กลับมานั่งที่เดิม
มีแต่ของเก่าทั้งนั้น จนมาก
หลังจากโจวกุ้ยหลานจุดไฟใส่ฟืนแล้ว เอาตะกร้าที่จางเสี่ยวจุ๋ยเอามาให้วางข้างเตา หยิบเอาไข่ไก่ออกมาสามฟอง แล้วก็เอาไข่ไก่ที่เหลือใส่ไว้ในตะกร้าของตนเอง เมื่อนับดูแล้วก็มีไข่ไก่ 20 ฟอง
นี่ก็ไม่น้อยแล้ว