นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 73 มีความสุขแทบระเบิด!
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 73 มีความสุขแทบระเบิด!
อดหันไปมองเจ้าก้อนน้อยไม่ได้ และเห็นเจ้าก้อนน้อยก็เบิกตากว้างมองทั้งสองคน
เขาลูบหัวเสี่ยวไน่เป่า พลางพาเจ้าก้อนน้อยออกไปข้างนอก
เข้าไปในเรือน ผ่าฟืนต่อไป
โจวกุ้ยหลานคุยกับเหล่าไท่ไท่อีกหลายคำ จากนั้นรีบพาเจ้าก้อนน้อยกับสวีฉางหลินกลับขึ้นเขาไป
พอถึงหน้าบ้านลุงใหญ่ ก็เห็นโจวชิวเซียงที่ที่ยืนข้างหน้าต่าง
โจวกุ้ยหลานลากดึงสวีฉางหลินให้รีบจากไป กลัวนางจะมายุ่งอีก ไม่รอพวกเขาจากไป ก็ได้ยินโจวชิวเซียงร้องเรียกอย่างตื่นเต้นว่า “พี่ฉางหลิน!”
โจวกุ้ยหลานทนไม่ไหวอยากเอามือกุมหัว นังหนูนี่จะจบได้ยังหา ตกลงรู้จักไหมเนี่ยว่าอะไรเรียกว่าหลบหลีกคำครหาน่ะ?
ไม่รอนางบ่นเสร็จ โจวชิวเซียงพูดขึ้นอีกว่า “พี่ฉางหลินมานั่งพักที่บ้านข้าก่อนเร็ว!”
สวีฉางหลินหันมองโจวชิวเซียง เห็นนางยังใส่ชุดกระโปรงนั้นอยู่ คิดถึงเมียตนเอง เลยตอบกลับไป “ไม่ล่ะ พวกเราจะกลับไปกินข้าวแล้ว”
พูดจบ เขาก็ลากโจวกุ้ยหลานเดินกลับบ้าน
โจวกุ้ยหลานเองก็ไม่สนใจโจงชิวเซียงอีก ยอมให้สวีฉางหลินลากจากไป
เห็นสวีฉางหลินไม่สนใจนาง สีหน้าโจวชิวเซียงค่อยๆเปลี่ยนจากดีใจเป็นเสียใจ สุดท้ายโกรธจนปิดหน้าต่างดังปั้ง นอนร้องไห้บนเตียงตนเอง
ยามหลี่ซิ่วยิงที่ยุ่งทำงานกับสวนผักด้านหลังกลับเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกสาวตน ปวดใจหนึบ เข้าบ้านมาก็ถามนางอย่างร้อนใจว่า “เจ้าเป็นอะไรรึ?”
โจวชิวเซียงปัดมือนางที่ยื่นมาออก ร้องไห้ต่อไป
ตั้งแต่เล็กจนโตนางไม่เคยโดนรังแกเยี่ยงนี้เลย เหตุใดพี่ฉางหลินทำอย่างนี้กับนางเล่า? ยังมีโจวกุ้ยหลานอีก นางจงใจอวดอ้างต่อหน้าตนน่ะ!
ไม่ พี่ฉางหลินชอบข้าขนาดนั้น เขาไม่มีทางทำอย่างนี้กับนาง ต้องเป็นโจวกุ้ยหลานแน่ ต้องเป็นนางบังคับให้พี่ฉางหลินทำกับตนเช่นนี้!
หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ข้างๆร้อนใจนัก ทำไมลูกสาวสุดที่รักร้องไห้ขนาดนี้?
“ชิวเซียงเอ้ย ใครรังแกเจ้ากัน? เจ้าบอกแม่มา แม่ช่วยออกหน้าให้เจ้าเอง!”
โจวชิวเซียงร้องไห้จนน้ำตาไหลพราก ลุกขึ้นนั่งบนเตียง กอดหลี่ซิ่วยิงแน่น มุดหัวตนเองเข้าที่เอวนาง พลางร้องไห้กระซิกว่า “แม่ เหตุใดเรื่องดีมากมายล้วนเป็นของโจวกุ้ยหลานกัน? นางถือดีอย่างไรได้แต่งงานกับบุรุษที่ดี? นางถือดีอะไรมารังแกข้า? แม่ ท่านต้องช่วยข้านะ!”
หลี่ซิ่วยิงฟังแล้วขมวดคิ้วถาม “อะไรกันลูกแม่? แม่พาเจ้าไปบ้านอาสะใภ้รองแล้วมิใช่รึ? ยังไม่หายโกรธอีกรึ?”
“ไม่ใช่! เมื่อครู่นางลากพี่ฉางหลินผ่านหน้าต่างห้องข้าไป ข้าให้พี่ฉางหลินเข้ามานั่งพักในบ้านเรา นางก็ลากพี่ฉางหลินจากไป พี่ฉางหลินทำอะไรไม่ได้เลยต้องจากไป!”
โจวชิวเซียงเชิดหน้าฟ้องกับหลี่ซิ่วยิง
หลี่ซิ่วยิงฟังแล้วขมวดคิ้วหนักขึ้น “พวกเขาไม่มานั่งก็ไม่มานั่งสิ ทำไมรึ?”
โจวชิวเซียงโกรธจนผลักหลี่ซิ่วยิงออก “ทำไมท่านไม่เข้าใจนะ? พี่ฉางหลินโดนนางหลอกจนหัวหมุน! ยังไม่สนใจข้าอีก!”
คำพูดนี้ฟังเข้าหูหลี่ซิ่วยิงแล้ว จากนั้นนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง ไม่ได้การล่ะ! ลูกสาวโง่ของนางนี่คงไม่ใช่ชอบพอสวีฉางหลินนั่นหรอกนะ?
พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หลี่ซิ่วยิงตกใจจนหน้าซีดเผือด “ลูกแม่เอ้ย เจ้าชอบพอสวีฉางหลินใช่หรือไม่?”
พอได้ยินแม่ตนพูดความในใจตนออกมา สีหน้าโจวชิวเซียงเปลี่ยนทันที จากนั้นพอคิดถึงว่าสวีฉางหลินชอบนาง ก็ไม่กลัวละ “ชอบพอพี่ฉางหลินแล้วอย่างไร? เขาเองก็ชอบข้า ถ้าไม่ใช่เพราะมีโจวกุ้ยหลาน พวกเราก็แต่งงานได้แล้ว!”
ได้ยินคำตอบลูกสาวตนเอง หลี่ซิ่วยิงรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มทลายลงมา “ไอ้โหย๋ ลูกสาวที่โง่เขลาของแม่! นั่นน่ะนายพรานนะ ไม่มีที่นานะ! ยังมีลูกชายติดมาอีกคน เจ้าไปชอบพอเขาได้ยังไงกัน? กุ้ยหลานน่ะเป็นสาวแก่ที่แต่งไม่ออกแล้ว อาสะใภ้รองเจ้าถึงยกให้แต่งกับเขานะ!”
“นายพรานแล้วอย่างไรล่ะ? เขาช่วยชีวิตข้าไว้นะ ข้าแต่งกับเขาแล้วยังไง พวกเรารักกันนะ!”
โจวชิวเซียงดื้อรั้นขึ้นมาล่ะ ร้องบอกทันที
หลี่ซิ่วยิงร้อนใจหนัก หันมาคว้าจับมือลูกสาวนาง นั่งลงบนเตียง เกลี้ยกล่อมนาง “ลูกแม่เอ้ย เจ้าจะเอาชีวิตแม่นะ! เจ้าหน้าตางดงามปานนี้ บุรุษมากมายในหมู่บ้านล้วนชอบพอเจ้า เจ้าไปชอบบุรุษที่มีลูกมีเมียได้อย่างไรกัน? ไม่ได้ดอกนะ เจ้าต้องแต่งเข้าไปอยู่ในเมืองสิ เจ้าต้องไปมีชีวิตที่ดีสิ!”
พอได้ยินว่าแต่งเข้าไปอยู่ในเมือง อารมณ์ตื่นเต้นผิดปกติเมื่อครู่ของนางก็จมฮวบลงไปอีก ตั้งแต่เล็กแม่ก็บอกกับนางว่าต้องแต่งงานไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในเมือง นางก็คิดเช่นนี้มาตลอด แต่ข้างหนึ่งคือชายที่นางรักใคร่ อีกด้านคือชีวิตที่นางวาดฝันมาตลอด นางจะทำอย่างไรดี?
หลี่ซิ่วยิงเห็นนางฟังแล้วครุ่นคิด แอบถอนหายใจโล่งอก รีบจัดการอธิบายเรื่องราว พูดให้ลูกสาวตนฟังทีละนิด
หวังอวี้ชุนรอด้านหลังครู่หนึ่ง แม่สามีนางยังไม่กลับมาทำงานต่อ นางก็นั่งลงในแปลงผักเลย
ไอ้โย่ นี่ไม่ใช่ชีวิตที่คนควรจะใช้เลย แรกเช้ามาก็ถูกแม่สามีบังคับให้ออกมาเก็บผัก
ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กินอิ่ม ตอนนี้แม่สามีไปแอบขี้เกียจอยู่ นางจะได้พักผ่อนบ้าง
นางนั่งพักที่แปลงผักครู่หนึ่ง นางก็กลับไปบ้านหลัก คิดจะแอบเข้าไปนอนในห้องตนเอง
หูพลันได้ยินเสียงคนคุยกันในห้องน้องสามี นางเลยย่องเบาเข้าไปแนบหูฟังที่ประตู และได้ยินเสียงหลี่ซิ่วยิงพูดว่า “ตอนนี้พวกเขาพึ่งกลับไปทำอาหารกิน ต้องหิวขนาดไหนกัน? เจ้าดูสวีฉางหลินสิ นายพรานคนหนึ่ง วันนี้ไปล่าสัตว์ได้ พรุ่งนี้ก็ไม่ได้แล้ว พวกเขาใช้ชีวิตแบบนี้กันน่ะ ไม่ได้หรอก!”
พวกโจวกุ้ยหลานกลับไปทำอาหาร?
หวังอวี้ชุนคิดถึงอาหารอร่อยที่ได้กินที่บ้านโจวกุ้ยหลานก่อนหน้านี้ น้ำลายแทบไหลลงมา
ไม่ได้ กลางวันนางได้กินแค่โจ๊ก ยังกินไม่อิ่มเลย นางต้องกินข้าวดีๆที่บ้านโจวกุ้ยหลาน!
พอคิดอย่างนี้ นางก็รีบเดินไปข้างนอก ระหว่างทางพบลูกชายสามคนของตนกำลังเล่นกันอยู่ ก็เรียกพวกเขาไปด้วย เดินขึ้นเขาไปด้วยกัน
โจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินพาเจ้าก้อนน้อยกลับเข้าบ้านตนเอง ปิดประตู ลั่นดาล ถึงได้รีบกลับห้องทางใต้ นั่งลงบนตั่ง
รอจนพวกเขาพร้อมแล้ว โจวกุ้ยหลานถึงหยิบถุงเงินออกมาเปิดออก และเทเงินในนั้นออกมาจนหมด
เงินห้าก้อนกลิ้งหมุนอยู่บนตั่งครึ่งรอบก่อนจะหยุดลง และส่งประกายสีเงินระยิบอยู่บนตั่งอย่างสงบ
โจวกุ้ยหลานรู้สึกแค่ว่าดวงตาตนใกล้บอดแล้ว นี่คือห้าร้อยตำลึงนะ! ชาติก่อนชาตินี้รวมกันก็ยังไม่เคยได้เห็นเงินมากขนาดนี้เลย!
“ชาตินี้พวกเราอาศัยเงินจำนวนนี้ก็สามารถกินอยู่อย่างดีได้แล้ว!” โจวกุ้ยหลานพูดอย่างตื่นเต้น
สวีฉางหลินที่อยู่ข้างๆทนไม่ไหวหัวเราะออกมา “เจ้าอยากใช้ชีวิตเช่นนี้รึ?”
“แน่นอนสิ? พวกเราใช้ชีวิตลำบากก็เพื่อให้กินอิ่มนอนหลับมิใช่รึ? กินดีอยู่ดีไง? นับแต่นี้ไป เจ้าไม่ต้องขึ้นเขาล่าสัตว์แล้ว ข้าเลี้ยงเจ้าเอง!”
โจวกุ้ยหลานพูดอย่างหน้าตาเฉย
ตั้งแต่ชาติก่อนนางก็อยากหาเงินให้มาก ใช้ชีวิตกินดีอยู่ดี เลี้ยงหนุมหน้าอ่อน ไปเที่ยวรอบโลก!
ไม่คิดว่า พอมาชาตินี้กลับทำได้ง่ายดายนัก! และยังมีเจ้าก้อนน้อยด้วย!
มีความสุขจนแทบระเบิดจริงๆ!