นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 77 ลูกสาวของข้าจะแต่งงานไปอยู่ในตำบล
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 77 ลูกสาวของข้าจะแต่งงานไปอยู่ในตำบล
โจวกุ้ยหลานเห็นด้วยกับคำพูดของสวีฉางหลิน หากมีคนคอยจับตามองดูตนเองเป็นเวลานาน นางจะไม่รู้ตัวเลยได้อย่างไร? และหากเป็นเวลานาน ช่วงเช้านางไปในตำบล คนคนนั้นก็ควรที่จะมาทำลายสวนผักแล้ว แต่รอจนนางนอนกลางวันแล้วค่อยไปทำลายสวนผัก แสดงว่าคนคนนั้นไม่รู้ว่าช่วงเช้าตนเองไปในตำบล
เมื่อเป็นเช่นนี้ โจวชิวเซียงก็ถูกตัดออกจากการตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที
“เวลานี้คนคนนั้นจะต้องได้ใจแน่ ได้แก้แค้นคนอื่น ยังไงก็อยากเห็นคนอื่นเจ็บปวด คนคนนั้นถึงจะพอใจ”โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นอย่างเย็นชา
เวลานี้ เป็นเวลาที่ควรสืบ
เป้าหมายมีสองคน หวังหยู่ชุนคนหนึ่ง เฉินโหยวซวนคนหนึ่ง
“เห็นทีข้าจะต้องไปบ้านลุงใหญ่เสียหน่อย”
โจวกุ้ยหลานหรี่ตาลง ในใจมีแผนการแล้ว
“พ่อ แม่ เราไม่มีผักทานแล้วหรือ?”
เจ้าก้อนน้อยเงยหน้าถามทั้งสองคน
เขาฟังไม่เข้าใจคำพูดของพ่อแม่ แต่เห็นสภาพสวนเป็นเช่นนี้ บวกกับแม่โกรธขนาดนี้ เขาจึงพอเข้าใจอยู่บ้าง ในใจเป็นกังวล
โจวกุ้ยหลานค่อยได้สติกลับมา คิดถึงคำพูดของตนเองกับสวีฉางหลินเมื่อกี้ อาจจะทำให้เจ้าก้อนน้อยตกใจ จึงรีบพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน พูดปลอบเจ้าก้อนน้อยว่า “เสี่ยวเทียนไม่กลัว เรายังมีเงินอยู่ไม่ใช่หรือ? เราไม่อดอยากแน่นอน”
เจ้าก้อนน้อยพยักหัวอย่างไม่ค่อยรู้เรื่อง
ทั้งครอบครัวสามคนคุกเข่าอยู่ในสวน ช่วยกันเก็บหัวไชเท้าอยู่ทั้งบ่าย
ยังมีหัวไชเท้าอีกไม่น้อยที่ถูกเหยียบ เต็มไปด้วยขี้ดิน มีบางส่วนถูกฟันจนเละเทะ พวกเขาเก็บอย่างเสียเวลา
จนฟ้ามืดค่ำ พวกเขาก็ยังเก็บไม่หมด
พวกเขาก้มทำงานกันอยู่ทั้งบ่าย ปวดเอวปวดหลังหมด อาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอนแต่เช้า
เช้าวันที่สอง ทั้งสามคนพากันเข้าไปในสวนพักอีกครั้ง จนถึงตอนบ่าย พวกเขาเก็บหัวไชเท้าพวกนั้นเสร็จไปพอสมควรแล้ว
พวกเขาเริ่มเก็บผักกาดขาว เก็บขึ้นมาทีละน้อย
รอพวกเขาเก็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ผ่านไปสามวันแล้ว
สวีฉางหลินกับโจวกุ้ยหลานทั้งสองคนช่วยกันล้างหัวไชเท้าให้สะอาด จากนั้นก็หั่นหัวไชเท้าเป็นชิ้น เตรียมที่จะทำหัวไชเท้าดอง เช่นนี้ก็ต้องมีโถ ซึ่งบ้านพวกนางไม่มี จำต้องลงเขาไปยืมมา
นางลงเขาไปคนเดียว ส่วนสวีฉางหลินหั่นผักกาดขาวอยู่บ้าน
มาถึงหมู่บ้านต้าสือ โจวกุ้ยหลานก็ไปหาเหล่าไท่ไท่ ไปยืมโถเหล่าไท่ไท่
เหล่าไท่ไท่เอาโถในบ้านของตนมาให้โจวกุ้ยหลานหนึ่งอัน โจวกุ้ยหลานบอกว่าไม่พอใส่ เหล่าไท่ไท่เตรียมที่จะไปยืมบ้านโจวต้าซาน
“แม่ ข้าไปพร้อมกับเจ้า”โจวกุ้ยหลานพูดพร้อมกับเดินตามโจวเหล่าไท่ไท่ไป
เหล่าไท่ไท่เช็ดมือตรงชายกระโปรง ก้าวเท้าอันเล็กน้อยเดินออกไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ชอบไปบ้านลุงใหญ่ของเจ้าไม่ใช่หรือ?”
“ครั้งนี้ข้าต้องการไปยืมของ หากไม่ไป ป้าใหญ่จะไม่ว่าข้าเสียมารยาทหรือ?”โจวกุ้ยหลานพูดตอบ
ครั้งนี้ยังไงนางก็ต้องไป ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือหวังหยู่ชุนหรือเปล่า?
เหล่าไท่ไท่แปลกใจ แต่ก็เห็นว่าลูกสาวตนพูดถูก จึงพาโจวกุ้ยหลานไปที่บ้านโจวต้าซาน
อยู่ด้านนอกลานบ้าน เหล่าไท่ไท่ก็เริ่มตะโกนพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ใหญ่อยู่บ้านไหม?”
“อยู่ มาแล้ว”หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ข้างในพูดขึ้น แล้วก็เห็นหลี่ซิ่วยิงออกมารับ
พอเห็นโจวกุ้ยหลาน สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นก็รีบเก็บอาการ ฝืนยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “กุ้ยหลานก็มาด้วยหรือ?”
ป้าใหญ่ของนางแสดงท่าทีแบบนี้ต่อนางมาตลอด โจวกุ้ยหลานก็ไม่เก็บมาคิด เพียงยิ้มพูดขึ้นว่า “มาเยี่ยมป้าใหญ่”
หลี่ซิ่วยิงไม่พอใจ แต่ต่อหน้าก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกมาจนเกินเหตุ เชิญทั้งสองคนเข้าไปในบ้าน
“ข้ากำลังปักผ้ากับชิวเซียง พวกเจ้าหาที่นั่งเองตามสบาย”หลี่ซิ่วยิงพูดพร้อมกับไปนั่งด้านข้างโจวชิวเซียง โจวชิวเซียงทักทายเหล่าไท่ไท่ ไม่แม้แต่จะมองโจวกุ้ยหลาน แล้วก็ปักผ้าตนเองต่อ
โจวกุ้ยหลานเองก็ไม่สนใจนาง เดินตรงไปนั่งอีกข้าง
หลี่ซิ่วยิงเป็นคนปักผ้าสวย ตอนเป็นเด็กเหล่าไท่ไท่ก็เคยพาโจวกุ้ยหลานมาขอหลี่ซิ่วยิง อยากให้หลี่ซิ่วยิงช่วยสอนโจวกุ้ยหลาน ตอนนั้นหลี่ซิ่วยิงไม่ยินดี เหล่าไท่ไท่ก็เป็นคนชอบเอาชนะ ตอนนั้นจึงไม่มาขอให้หลี่ซิ่วยิงสอนอีก
“นี่ชิวเซียงปักผ้าเป็นแล้วหรือ? อายุก็พอประมาณแล้ว ควรที่จะหาคู่แต่งงานได้แล้วมั่ง?”โจวเหล่าไท่ไท่มองดูผ้าปักในมือโจวชิวเซียง พร้อมถามขึ้น
หลี่ซิ่วยิงฟังแล้วก็วางผ้าปักในมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ก็มีหลายบ้านมาคุยแล้ว ข้าเห็นว่าล้วนไม่เหมาะสม จึงปฏิเสธไปแล้ว”
โจวชิวเซียงที่อยู่ที่นั่นก็ไม่สนใจทางนี้ ตั้งใจปักผ้าในมือของตนเองต่อ
โจวกุ้ยหลานมองดูสีหน้าของนาง สีหน้านางไม่ดีเลยตั้งแต่เข้ามา แสดงว่าเกลียดนางมากจริงๆ
“ชิวเซียงอยากได้คนครอบครัวแบบไหนหรือ?”โจวกุ้ยหลานถามขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม
ในใจโจวชิวเซียงโกรธโมโห เงยหน้าขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรว่า “เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”
“เจ้าพูดออกมาแล้ว แม่ของเจ้าจะได้ช่วยเจ้ามองหาไง”โจวกุ้ยหลานพูดตอบ
มองพิจารณาดูท่าทีโจวชิวเซียง ซึ่งดูเกลียดชังนางอย่างมาก ถึงแม้นางเองก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้นางโกรธ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่นางที่ไปทำลายสวนผัก
“เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมพูดจากับพี่สาวแบบนี้? โตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังไม่รู้จักควบคุมนิสัยของตน”หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ด้านข้าง พูดแทรกขึ้นมาตำหนิลูกสาวของตนเอง
โจวชิวเซียงคิดถึงคำพูดของแม่ตนเอง ต่อไปนางจะต้องแต่งงานไปอยู่ในอำเภอ มีชีวิตสุขสบายไปตลอดชีวิต นั่นเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด แต่โจวกุ้ยหลานทำได้เพียงทำสวนหาเลี้ยงปากท้องไปตลอดชีวิต ทุกข์ยากลำบากไปตลอดชีวิต ในใจของนางค่อยสบายขึ้นมาหน่อย
ไม่ได้ นางจะต้องแสดงออกในด้านที่ดีที่สุดของนาง ไม่แน่อาจจะได้แต่งงานไปอยู่ในตำบลจริงๆ
“น้องสะใภ้ ชิวเซียงลูกสาวของข้าทำงานสวนไม่เป็น หากแต่งงานกับคนในหมู่บ้าน คงจะอดตายแน่”หลี่ซิ่วยิงถอนหายใจ พร้อมขอร้องกับโจวเหล่าไท่ไท่
เวลาแบบนี้โจวกุ้ยหลานจะไม่พูดแทรก นางอยากที่จะดูว่าหลี่ซิ่วยิงอยากทำอะไรกันแน่
โจวเหล่าไท่ไท่พูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่ายังไง ชิวเซียงก็ปักผ้าเป็น ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งไม่ใช่หรือ? ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งสามารถขายได้ตั้งหลายอีแปะ”
นี่ถือเป็นการพูดอ้อมหรือ?
หลี่ซิ่วยิงไม่พอใจ แต่จะมีเรื่องกับเหล่าไท่ไท่ตอนนี้ไม่ได้
จึงทำได้เพียงถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า“ข้ากับต้าซานมีลูกสาวคนนี้คนเดียว เลี้ยงดูมาอย่างดี คงทนความยากลำบากไม่ไหว ข้าคิดว่า หากหาได้บ้านที่ร่ำรวยหน่อยให้นาง ต่อไปก็จะได้ไม่ลำบาก พวกเราก็วางใจ”
เหล่าไท่ไท่หันไปมองโจวชิวเซียง ลูกตากะพริบ แล้วก็พูดขึ้นมา
คราวนี้เรื่องที่คุยยังเป็นเรื่องนี้ นางจะพูดถึงเรื่องที่อยากจะยืมโถก็ไม่ได้
ทั้งสองแม่ลูกทำได้เพียงรอฟังหลี่ซิ่วยิงอยู่อย่างเงียบ
แล้วหลี่ซิ่วยิงค่อยพูดขึ้นว่า “น้องสะใภ้ ข้าก็แค่อยากถามว่าชิวเซียงไปอยู่บ้านซ่านเย่สักพักระยะเวลาหน่อยได้ไหม?”
โจวซ่านเย่ ลูกสาวคนรองของโจวเหล่าไท่ไท่ พี่สาวรองของโจวกุ้ยหลาน หลังจากแต่งงานไปอยู่ในตำบลแล้ว หากไม่ใช่ปีใหม่ก็แทบไม่กลับมาเลย