นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา - บทที่ 86 ถูกงูกัด
นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 86 ถูกงูกัด
เจ้าก้อนน้อยพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ความรู้สึกในแววตาคู่นั้นไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
โจวกุ้ยหลานค่อนข้างปวดหัว ได้แต่จูงมือเขากลับบ้าน ทันทีที่เจ้าก้อนน้อยเห็นภาพก็คิดว่าแม่จะทิ้งเขาไป จึงหยุดก้าวไม่ยอมเดินต่อ
“ไม่มีอะไร แม่แค่ต้องการให้เจ้าช่วย” โจวกุ้ยหลานปลอบโยนเสียงนุ่ม
น่าเสียดายที่เจ้าก้อนน้อยไม่ฟังนางเลย ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูไม่ยอมเข้าไป
โจวกุ้ยหลานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยเขาแล้วเข้าไปในบ้านคนเดียว จากนั้นไปตรงมุมแล้วนำไข่ไปกองในผ้านวมตรงกลางเตียงเตา คราวนี้นางวางไข่ไก่ห้าสิบฟองและไข่นกกระทาหกสิบฟอง
อากาศหนาวใกล้เข้ามาแล้ว นางอยากรีบฟักลูกไก่ให้เร็วขึ้น ถึงหน้าหนาวแล้วเลี้ยงอาหารดีๆ ก่อนจะวางไข่ในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนนกกระทาจำเป็นต้องประคบประหงมมากกว่า
ทำทุกอย่างเสร็จแล้วโจวกุ้ยหลานก็อบเตียงเตาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้นางอบเตียงเตาทุกวัน แต่คืนนี้เพื่อที่จะได้เข้าห้องหอ นางจึงเอาเจ้าก้อนน้อยมาไว้ที่นี่ กลัวว่าเขาจะร้อนจึงไม่อบเตียงเตา เป็นเช่นนี้จึงไม่รู้ว่าคราวนี้ลูกไก่กับนกกระทาจะฟักได้กี่ตัว
เพื่อทำให้สวีฉางหลินพอใจ นางก็ต้องลงทุน…
นางเคยลองมาแล้วครั้งหนึ่ง อุณหภูมิเตียงเตามันยากเกินจะควบคุมได้ ซึ่งนำไปสู่อัตราการออกลูกไก่ที่ต่ำมาก ก่อนที่ไข่ของเป็ดและห่านที่ให้เหล่าไท่ไท่ช่วยฟักนั้นล้มเหลว ดูเหมือนว่าคงต้องหาวิธีควบคุมอุณหภูมิ…
อา…
โจวกุ้ยหลานเก็บของพลางพยายามครุ่นคิดพลาง
กระทั่งนางจัดการเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปเห็นเจ้าก้อนน้อยพิงกับกรอบประตูพลางสัปหงกง่วงงุน
โจวกุ้ยหลานทั้งขำทั้งปวดใจในเวลาเดียวกัน เดินเข้าไปปลุกเขาให้ตื่น “ไปกันเถอะ เรากลับไปที่ห้องกัน”
เจ้าก้อนน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง วางมือเล็กของตัวเองไว้ในมือโจวกุ้ยหลาน และเดินตามนางไป
กระทั่งเข้าไปในห้องใต้ โจวกุ้ยหลานถอดรองเท้าให้เขา ก่อนจะกล่อมให้เขาหลับ
แม้จะง่วงนอน แต่คิดว่าอีกเดี๋ยวสวีฉางหลินจะกลับมานางต้องรอเปิดประตูให้ ดังนั้นจึงพยายามไม่ให้ตัวเองหลับ
ได้ยินเสียงนกข้างนอกเป็นครั้งคราว อากาศในภูเขาก็สดชื่น โจวกุ้ยหลานจึงง่วงนอนมาก
ทันใดนั้นนางตกใจตื่นขึ้นอีกครั้ง ไม่ได้ นางจะหลับไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวสวีฉางหลินกลับมาแล้วเข้าบ้านไม่ได้
โจวกุ้ยหลานแกะมือที่เจ้าก้อนน้อยกอดนางแล้วลุกขึ้นนั่ง
การกระทำนี้ทำให้เจ้าก้อนน้อยสะดุ้งตื่น เขารีบลุกขึ้นนั่งด้วยและพูดเสียงออดอ้อน “ท่านแม่จะไปแล้วเหรอ”
“ไม่ไปๆ ข้านั่งครู่เดียว เสี่ยวเทียนนอนนะเด็กดี” โจวกุ้ยหลานรีบกล่อมเจ้าก้อนน้อย
เด็กคนนี้อ่อนไหวจริงๆ นอนหลับก็ไม่สนิทเลย
เจ้าก้อนน้อยเห็นว่าโจวกุ้ยหลานไม่ไปจริงๆ จึงรู้สึกโล่งใจเล็กหน่อย แต่ในใจก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง เขาเอาสองมือเล็กกำชุดตนเองไว้ ก้มหน้าถามด้วยน้ำเสียงงอแง “ต่อไปท่านแม่จะให้กำเนิดน้องชายแล้วไม่ต้องการเสี่ยวเทียนแล้วใช่ไหม”
มันคำพูดของหลี่ซิ่วยิงเป็นสาเหตุจริงๆ !
จริงๆ เลย ทำไมสามารถทำร้ายเด็กคนหนึ่งได้ขนาดนี้!
ความโกรธของโจวกุ้ยหลานที่เพิ่งสงบลงกลับขึ้นมาอีกครั้ง นางเอาเสี่ยวเทียนมากอดไว้ในอ้อมแขนด้วยความกังวล พลางตบแผ่นหลังเขาปลอบโยน “เสี่ยวเทียนไม่ต้องกลัวนะ ต่อไปเมื่อแม่ให้กำเนิดลูกแล้ว เสี่ยวเทียนก็ยังเป็นลูกของแม่ แม่ยังคงรักเสี่ยวเทียนเหมือนเดิม”
การปลอบรอบนี้ค่อนข้างได้ผล ในที่สุดเจ้าก้อนน้อยก็เริ่มผ่อนคลาย เพียงแต่สองมือกลับยังคงจับชุดของโจวกุ้ยหลานไว้แน่น
“เสี่ยวเทียนก็รักท่านแม่เหมือนกัน” เขาพูดขึ้นเงียบๆ
โจวกุ้ยหลานยิ้มกว้าง นางชอบเด็กคนนี้มากจริงๆ การเชื่อฟังอย่างดียังทำให้นางอบอุ่นหัวใจได้เสมอ
“เสี่ยวเทียนน่ารักมาก!” โจวกุ้ยหลานพูดแล้วก้มหน้าไปจูบหนักที่ผมของเขา
เจ้าก้อนน้อยรู้สึกอบอุ่น ยิ่งซุกเข้าในอ้อมแขนโจวกุ้ยหลาน
ในช่วงเวลาที่โจวกุ้ยหลานกำลังรู้สึกว่าเรื่องนี้คงจะผ่านไป เจ้าก้อนน้อยก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ท่านพ่อกับท่านแม่ให้กำเนิดน้องๆ กันยังไงเหรอ”
โจวกุ้ยหลานสำลัก จะตอบเด็กว่ายังไงดีล่ะ
หรือจะบอกเขาว่าทำแบบนี้ก่อนแล้วค่อยทำแบบนี้และสุดท้ายก็ทำแบบนี้ และจะใช้เวลามากกว่าเก้าเดือนถึงจะให้กำเนิดลูกกันล่ะ
อ่า…
ไม่ได้ๆ พูดแบบนี้กับเด็กไม่รู้ประสาไม่ได้เด็ดขาด!
โจวกุ้ยหลานขจัดอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงในจิตใจ ก่อนจะตอบกว้างๆ “ก็คือว่าถ้าพ่อกับแม่นอนด้วยกัน แล้วพ่อจะเอาน้องชายหรือน้องสาวใส่ท้องของแม่ แม่ถึงได้ให้กำเนิดลูก”
พูดแบบนี้…สัปดนจัง!
โจวกุ้ยหลานหน้าแดง เรื่องการสอนมันยากจริงๆ จะพูดเรื่องแบบนี้กับเด็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้ยังไง…
ที่แท้ก็ต้องให้ท่านพ่อเอาน้องๆ ไปไว้ในท้องท่านแม่…
งั้นเขาจะปล่อยให้ท่านพ่อทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าท่านแม่มีน้องชายน้องสาว ในอนาคตก็จะไม่ต้องการเขาอีก
แต่พูดอย่างนี้แล้วเขาก็สงสัยอีก “ข้าก็เป็นสิ่งที่ท่านพ่อเอาใส่ท้องท่านแม่ด้วยเหรอ”
เอ่อ…
จะพูดยังไงดีล่ะ
นางก็ไม่ใช่แม่ของเขา หรือจะบอกว่าสวีฉางหลินกับภรรยาคนก่อนของเขาก็ทำแบบนี้แล้วให้กำเนิดเจ้าก้อนน้อย
จริงสิ สวีฉางหลินยังมีภรรยาอีกคนหนึ่ง!
เขาก็เคยนอนกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน!
คิดถึงเรื่องนี้แล้วโจวกุ้ยหลานก็อารมณ์ไม่ดี
หึ ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมครั้งแรกของผู้ชายคนนั้นไม่เป็นนาง ครั้งแรกของนางคือผู้ชายคนนั้นนะ นี่มันเกินไปแล้ว แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะดีมาก แต่เรื่องของเขานางไม่รู้อะไรเลยสักนิด
โจวกุ้ยหลานรู้สึกอึดอัดในใจมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งคิดไปไกลไม่หยุดหย่อน
แล้วภรรยาคนก่อนของผู้ชายคนนี้ยังอยู่หรือตายไปแล้ว
ถ้ายังมีชีวิตอยู่แล้วมาหาในภายหลังจะทำอย่างไร ถ้านางมีลูกกับสวีฉางหลินจริงๆ หรือว่าในอนาคตนางต้องแบ่งสวีฉางหลินกับผู้หญิงคนอื่น
ไม่ นางรับไม่ได้กับความสัมพันธ์แบบนี้!
คิดเรื่องอาหารเสื้อผ้าให้เสร็จก่อน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ค่อยว่ากันทีหลัง
โจวกุ้ยหลานตัดสินใจแล้วค่อยๆ หาคำพูดมาอธิบายกับเจ้าก้อนน้อย
แต่เด็กก็คือเด็ก ไม่นานก็หลับไป โจวกุ้ยหลานวางเขาลงบนเตียงเตา ตัวเองพิงกำแพงก็ผล็อยหลับด้วยความง่วงงุน
กระทั่งรุ่งสางก็ยังไม่เห็นสวีฉางหลินกลับมา โจวกุ้ยหลานลุกขึ้น แล้วทำอาหารเช้าให้เจ้าก้อนน้อยกินแล้ว นางก็ไปย้ายหัวไชเท้าไปข้างนอกตนเอง เจ้าก้อนน้อยวิ่งตามไปมาที่ข้างหลัง
กระทั่งตอนที่นางไปเลี้ยงไก่กับนกกระทา สวีฉางหลินถึงได้กลับมา เพียงแต่มีดที่นำไปมีเลือดด้วย
โจวกุ้ยหลานเห็นแล้วตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“พวกนางสองคนเดินเร็วเกินไป กระทั่งข้าไปถึง ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าถูกงูกัดแล้ว ข้าทำได้แค่ส่งพวกนางกลับไป จากนั้นไปช่วยตามหาหมอชนบท หมอคนนั้นให้ไปหาหมอในตำบล”
สวีฉางหลินนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วรู้สึกอ่อนใจ
“เจ้าวิ่งไปที่ตำบลอีกแล้วเหรอ” โจวกุ้ยหลานไม่อยากเชื่อเลย
“อืม พวกเขาไม่เร็วเท่าข้า” สวีฉางหลินพูดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องโถง
โจวกุ้ยหลานรีบรินน้ำหนึ่งแก้วให้เขา เขารับไปดื่มหมดด้วยสองสามอึก
ตอนดึก ภูเขานี้อันตรายอยู่แล้ว โจวชิวเซียงยังชอบวิ่งไปวิ่งมาอีก ถ้าไปเจองูเข้าก็ต้องจะรีบพุ่งไปหากัดนาง
“แล้วงูมีพิษเหรอ”
โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะถามอีก