นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1039 สงคราม,จักรพรรดิไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1039 สงคราม,จักรพรรดิไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ตระกูลลู่แห่งซานตงสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูและทรยศต่อประเทศ?
เมื่อจักรพรรดิเห็นสาส์นที่กราบทูลของเสด็จอาเก้า เขาก็อยากจะเอาศีรษะของเขาโขกลงพื้น
เสด็จอาเก้าไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยว่าตระกูลลู่แห่งซานตงจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูและทรยศต่อประเทศ หากบอกว่าเสด็จอาเก้าเป็นคนทรยศ จักรพรรดิคงเชื่อสุดหัวใจ
ต้องรู้ก่อนว่า เสด็จอาเก้าไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์แบบไม่ธรรมดากับซีหลิงเทียนอวี่เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์กับหนานหลิงจิ่นสิงเป็นอย่างมาก หากท่านอ๋องผู้สง่างามผู้มิตรกับองค์ชายประเทศอื่น หากบอกว่าไม่มีเป้าหมายก็คงไม่มีใครเชื่อ
แต่ไม่เชื่อแล้วอย่างไร เสด็จอาเก้าทำเรื่องอะไรด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก จักรพรรดิไม่มีทางตรวจสอบจนรู้ถึงการกระทำของเขาอย่างชัดเจน ทำได้เพียงเฝ้ามองเสด็จอาเก้าเชื่อมความสัมพันธ์กับองค์ชายประเทศอื่น ๆ เฝ้าดูความแข็งแกร่งของเสด็จอาเก้าที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จักรพรรดิจ้องไปยังสาส์นที่เสด็จอาเก้าส่งมา แววตาของเขาลุกโชน เห็นได้ชัดเจนว่าสาส์นฉบับนี้ของเสด็จอาเก้านั้นเป็นการบีบให้เขาลงมือกับตระกูลลู่แห่งซานตง และเขาก็ไม่อาจมองข้ามได้
“เก็บสาส์นมาให้ข้า” จักรพรรดิกัดฟันและพูดออกมา
ขันทีรีบก้าวมาด้านหน้า มอบสาส์นให้แก่จักรพรรดิด้วยความเคารพ จากนั้นก็รีบถอยออกไปให้ห่างเพราะกลัวทำให้จักรพรรดิโกรธไปมากกว่านี้
จักรพรรดิระงับความโกรธในหัวใจ จ้องมองอักษรทีละตัวไปอย่างต่อเนื่อง
ลายมือของเสด็จอาเก้านั้นแสนจะงดงาม ใช้ถ้อยคำกระชับและเข้าใจง่าย แต่ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ ความโกรธในหัวใจของจักรพรรดิก็ยิ่งลุกโชนมากขึ้นเท่านั้น
จากสาส์นที่เสด็จอาเก้าส่งมาให้ เรื่องที่ตระกูลลู่แห่งซานตงสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูเพื่อทรยศต่อประเทศ ทั้งหลักฐานและพยาน ทุกอย่างมีอย่างครบถ้วน ไม่ได้เพียงคำกล่าวลอย ๆ
“องครักษ์เสื้อโลหิตยังไม่สามารถหาหลักฐานที่ชัดเจนถึงเพียงนี้ได้” เสด็จอาเก้ายิ้มอย่างเยือกเย็น เมื่อพูดถึงองครักษ์เสื้อโลหิต เขาก็นึกถึงลู่เส้าหลินที่ถูกเขาจัดการอย่างเย็นชา
จนถึงตอนนี้จักรพรรดิก็ยังไม่รู้ว่าลู่เส้าหลินเป็นคนของใครกันแน่ แต่ลู่เส้าหลินเป็นคนระงับอารมณ์ได้ดีเป็นอย่างมาก เขาอยู่ในบ้านโดยไม่มีอะไรทำมานานกว่าครึ่งปี เขาไม่เคยทำเรื่องหรือทำสิ่งใดที่ไม่ควรทำ
เรื่องของลู่เส้าหลินจัดการง่ายเป็นอย่างมาก หากจักรพรรดิไม่อยากรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาเป็นใคร จักรพรรดิก็สามารถหาเหตุผลในการสังหารเขาได้โดยง่าย และเรื่องที่อยากก็คือ เรื่องที่ต้องจัดการกับตระกูลลู่แห่งซานตง
หากเป็นความผิดอื่นจักรพรรดิอาจจะยังละเว้นโทษได้ แต่นี่เป็นโทษของการทรยศประเทศ จักรพรรดิไม่กล้านิ่งเฉยและปล่อยผ่านไป ไม่อย่างนั้น……เขาคงถูกเสนาบดีทั้งหมดรวมหัวกันฝังเขาลงหลุม
แต่หากเขาออกไปคำสั่งให้ทำลายล้างตระกูลลู่ทั้งเก้าสาขา เช่นนั้นก็จะทำให้ซานตงวุ่นวายเป็นอย่างมาก และเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่านี่เป็นกับดักที่เขามอบให้เสด็จอาเก้า แต่เสด็จอาเก้ากลับไม่ถูกกับดักนี้เล่นงาน และเป็นเขาที่ถูกบังคับให้แบกรับความขายหน้าครั้งนี้ไว้
“บ้าที่สุด เป็นโทษที่สมควรตาย” ปัง……สาส์นถูกโยนลงพื้นอีกครั้ง ขันทีถึงกับสะดุ้ง จากนั้นก็ยืนไว้อาลัยให้กับสาส์นของเสด็จอาเก้าเงียบ ๆ
สาส์นของเสด็จอาเก้า ทุกครั้งที่ได้รับล้วนทรมานผิดมนุษย์มนา
“รายงาน……รายงานจากม้าเร็ว รายงานจากม้าเร็ว” เสด็จอาเก้าเพิ่งจะโยนสาส์นของเสด็จอาเก้าทิ้งไป เวลานี้ม้าเร็วก็ได้นำสาส์นอีกฉบับมาส่ง
ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ส่วนใหญ่จะใช้ม้าเร็วในการส่งสาส์นของสงครามอันยิ่งใหญ่หรือไม่ก็อุบัติเหตุทางสงคราม จักรพรรดิไม่สนใจการต่อสู้ของเสด็จอาเก้าเลยแม้แต่น้อย เขาจึงให้ขันทีไปรับสาส์นที่ม้าเร็วเป็นคนส่งมา
“แม่ทัพคนไหนเป็นคนส่งสาส์นม้าเร็วมางั้นหรือ?” จักรพรรดิถามออกมา
ขันทีมอบสาส์นให้จักรพรรดิพร้อมกับกล่าวด้วยความเคารพว่า “กราบทูลองค์จักรพรรดิ เป็นสาส์นม้าเร็วจากเสด็จอาเก้า”
“เสด็จอาเก้า?” จักรพรรดิผงะอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นรีบรับสาส์นมาอ่านทันที “ทางที่ดีเขาควรจะส่งเรื่องสำคัญมากให้ข้า ถึงขั้นกล้าใช้ม้าเร็วส่งสาส์น ไม่เช่นนั้นคงไม่ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย”
ตอนแรกจักรพรรดิรู้สึกว่าเป็นเพียงความยากลำบากที่เสด็จอาเก้าสร้างขึ้น แต่ในตอนที่จักรพรรดิเห็นสิ่งที่เสด็จอาเก้าเขียนมา ร่างกายของเขาแข็งทื่อ ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ทันที
“เจ้าสาม? เขายังไม่ตายงั้นหรือ?” ใบหน้าของจักรพรรดิกลายเป็นสีแดง จากนั้นก็กลายเป็นสีขาว
“ที่แท้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้……ข้าก็คิดว่าเหตุใดตระกูลลู่ถึงกล้าหาญเพียงนี้ ถึงขั้นกล้ามุ่งเป้ามาที่ข้า ที่แท้ก็มีเจ้าสามคอยให้การสนับสนุน โชคดีที่ไม่มีอะไรผิดพลาดจนมากเกินไป” จักรพรรดินึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้น เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย หากไม่เกิดเรื่องขึ้นกับเฟิ่งจ้าน เขาก็คงตกหลุมพรางของท่านอ๋องสามไปแล้ว
จักรพรรดิตัดสินใจมอบตราประทับให้แก่เฟิ่งจ้านในภายหลัง เพื่อบ่งบอกว่ามันคือสิ่งที่เฟิ่งจ้านยอมสละชีวิตเพื่อเขา
สงบสติอารมณ์ จักรพรรดิมองลงมา มองไปพร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าสาม มือของเจ้าช่างยาวเสียเหลือเกิน ถึงขั้นสอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องราวในเมืองจักรพรรดิ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดฝู่หลินตามหาเท่าไหร่ก็ไม่พบร่องรอย ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง”
สำหรับข้อความในสาส์น เสด็จอาเก้าไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย จากหลักฐานที่เสด็จอาเก้าแนบมาด้วย มันเพียงพอที่จะทำให้เขาเชื่อว่าท่านอ๋องสามยังมีชีวิตอยู่
“ตระกูลลู่แห่งซานตง ท่านอ๋องสาม พวกเจ้าช่างกล้าเสียเหลือเกิน ถึงขั้นร่วมมือกับหนานหลิง วางแผนจะครอบครองซานตง” ตุบ……จักรพรรดิกำหมัด ทุบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า ทำให้สิ่งของซึ่งวางอยู่บนโต๊ะสั่นสะเทือน
จากรายงานของเสด็จอาเก้า กล่าวว่าท่านอ๋องสามและหนานหลิงส่งกองทหารของตนเองจำนวนห้าหมื่นนายและหนึ่งแสนนายไปล้อมไว้หน้าประตูของเมืองไถจง วางแผนที่จะโจมตีเมืองไถจง แต่เสด็จอาเก้าจับกุมคนของตระกูลลู่ไว้ได้ก่อน ทำให้ทหารของตระกูลลู่ไม่กล้าลงมือกับซานตงไปชั่วขณะ ทำให้ซานตงอยู่ในสภาพปลอดภัย
รอยต่อระหว่างซานตงและหนานหลิงมีเมืองไถจงกั้นอยู่ตรงกลาง หากเมืองไถจงถูกทำลาย เช่นนั้นดินแดนของหนานหลิงก็จะเข้ามาชิดกับซานตง ถึงเวลานั้นท่านอ๋องสามก็สามารถรวมเมืองไถจงเข้ากับซานตง และกลายเป็นราชาที่แท้จริงของเมืองทั้งสอง
พยาน หลักฐาน ทั้งหมดอยู่ในนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้จักรพรรดิไม่เชื่อ
ก่อนที่ม้าเร็วของเสด็จอาเก้าจะมาถึง กองทหารรักษาการณ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดกับซานตงก็ส่งสาส์นม้าเร็วมาเช่นกัน และเนื้อหาด้านในของสาส์นก็เหมือนกับที่เสด็จอาเก้าไม่มีผิด
กองทัพหนึ่งแสนนางโจมตีเมืองไถจง การต่อสู้ดำเนินไปสามวันสามคืน เมืองไถจงค่อย ๆ จนมุมและตกอยู่ในความพ่ายแพ้ เจ้าเมืองซานตงก่อการจลาจล ปิดเมือง ตัดขาดจากโลกภายนอก ซานตงกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาเต็มใจที่จะฟังคำสั่งจากจักรพรรดิ ยอมให้ทหารเข้าเมืองเพื่อเป็นกำลังเสริม
ข่าวนี้เป็นเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมา ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้ราชสำนักตงหลิงที่ปะทุด้วยระเบิดสงบลงได้ ไม่ว่าจะสู้หรือไม่สู้ ส่งใครไปยังสนามรบ เรื่องราวทั้งหมดล้วนต้องเกิดจากการพูดคุยปรึกษากัน แต่……
เวลากระชั้นชิด แน่นอนว่าไม่มีเวลาให้พวกเขาได้พูดคุยกัน อีกอย่างเรื่องที่ท่านอ๋องสามยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นความลับ เสด็จอาเก้านำสาส์นลับฉบับนี้ส่งตรงมายังจักรพรรดิ จักรพรรดิจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องของท่านอ๋องสามต่อหน้าเหล่าเสนาบดี เนื่องจากปีนั้นท่านอ๋องสามไม่ได้ตายเพราะเรื่องผิดกฎหมาย แต่ตายเพราะอุบัติเหตุ……
ไม่สามารถพูดเรื่องที่ท่านอ๋องสามยังมีชีวิตอยู่ออกมาได้ ทำได้เพียงพูดเรื่องของตระกูลลู่แห่งซานตงเท่านั้น ตระกูลลู่แห่งซานตงก่อกบฏ จักรพรรดิตัดสินว่าเป็นคดีอาญาไม่อาจยกเลิกได้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่เสด็จอาเก้าคิด จักรพรรดิไม่ได้บีบบังคับเสด็จอาเก้าแต่อย่างใด เขาดำเนินการลงโทษตระกูลลู่แห่งซานตงด้วยตนเอง
หากเป็นเพียงเรื่องของตระกูลลู่แห่งซานตง จักรพรรดิก็คงไม่โกรธถึงเพียงนี้ แต่เรื่องราวมันเกี่ยวข้องกับท่านอ๋องสาม ต่อให้จักรพรรดิไม่อยากสู้เขาก็ต้องสู้
ในวันนั้น จักรพรรดิทรงออกพระราชโองการ สั่งให้ทหารเข้าไปในเมือง ทำตามแผนของเสด็จอาเก้า และยังสั่งให้ฝู่หลินนำทหารห้าหมื่นนายไปยังเมืองไถจง ช่วยเมืองไถจงในการต่อต้านกองทัพของหนานหลิงและตระกูลลู่
สำหรับฝู่หลินที่มีความทะเยอทะยานสูง เขาจำเป็นต้องสร้างผลงาน และผลงานทางทหารก็เป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดจากผลงานทุกประเภท จักรพรรดิให้ความสำคัญกับฝู่หลิน เมื่อครุ่นคิดอย่างรอบคอบ สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจมอบโอกาสและยกอำนาจในการสั่งทัพให้แก่ฝู่หลิน
เขาหวังว่าฝู่หลินจะกลายเป็นดาบในมือของเขา ต่อสู้เพื่อเขาในทุก ๆ ด้าน
อีกเรื่องหนึ่ง จักรพรรดิยังออกพระราชโองการแก่เสด็จอาเก้า ต้องการให้เสด็จอาเก้าพาท่านอ๋องสามกลับเข้ามาในเมืองหลวง มีชีวิตอยู่ต้องเห็นหน้า หากตายต้องเห็นศพ
จักรพรรดิเชื่อว่าท่านอ๋องสามยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นหากเขาไม่ได้เห็นท่านอ๋องสามด้วยตาของตัวเอง เขาก็คงไม่มีทางสบายใจเป็นอันขาด
สถานการณ์ทางทหารเป็นเรื่องเร่งด่วน ในวันรุ่งขึ้น ฝู่หลินนำกำลังทหารห้าหมื่นนายมุ่งสู่เมืองไถจง ขณะที่เสบียงอาหารและหญ้าที่ใช้เลี้ยงม้าตามหลังอยู่ก้าวหนึ่ง……
คำสั่งของจักรพรรดิส่งออกไปอย่างรวดเร็ว กองทหารสามหมื่นนายเข้ามาในเมืองทันที แม่ทัพของกองทหารดังกล่าวเห็นเสด็จอาเก้า เขาจึงมอบพระราชโองการของจักรพรรดิให้แก่เสด็จอาเก้า
เขาคิดว่าเสด็จอาเก้าจะใช้โอกาสนี้ในการควบคุมกองทหาร คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะไม่แสดงท่าทีที่จะรับมันไว้เลยแม้แต่น้อย เขาแค่บอกให้กองทหารรักษาการณ์อยู่ในซานตงภายใต้กฎอัยการศึกอย่างเคร่งครัด ห้ามขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
หลังจากกองทหารเข้ามาในเมือง เสด็จอาเก้าส่งมอบนักโทษตระกูลลู่ทั้งหมดให้แก่แม่ทัพ แต่ในนั้นไม่มีคุณชายสามลู่อยู่ เนื่องจาก “คุณชายสามลู่” กำลังบุกโจมตีเมืองไถจง และขั้นตอนต่อไปของเขาก็คือบุกโจมตีซานตงเพื่อช่วยเหลือคนในตระกูลลู่ของเขา
เสด็จอาเก้าเน้นย้ำกับแม่ทัพอยู่หลายครั้ง บอกว่าดูแลคนของตระกูลลู่ให้ดี คนพวกนี้ล้วนเป็นอาชญากร เมื่อถึงเวลาจำเป็น อาจใช้คนเหล่านี้ในการข่มขู่ “คุณชายสามลู่” เพื่อให้เขาถอนกำลังทางทหาร
หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เป็นอันเรียบร้อย เสด็จอาเก้าได้ออกคำสั่งลับไปยังกองทัพที่อยู่ในเมืองไถจง บอกให้พวกเขาเลิกเล่น จัดการเมืองไถจงภายในสามวัน เพื่อบีบบังคับให้เจ้าเมืองไถจงยกที่ดินเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหาย……