นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1043 ร่วมเดินทาง,จำชื่อของเขาไว้
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1043 ร่วมเดินทาง,จำชื่อของเขาไว้
จะเป็นโชคดีหรือโชคร้าย แม้จะเป็นโชคร้ายก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าองครักษ์จะกังวลมากเพียงใด เมื่อซุนซือสิงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว คิดจะให้เขาวางมือคงไม่ง่ายถึงเพียงนั้น
สาวใช้และองครักษ์ที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวคิดจะผลักซุนซือสิงออกไป เนื่องจากซุนซือสิงอายุยังน้อย มองอย่างไรก็ไม่ใช่หมอที่มีทักษะทางการแพทย์ระดับสูง แต่ใบหน้าของชายชราดูแย่ลงทุกที ราวกับพร้อมจะหยุดหายใจตลอดเวลา
“คุณหมอ รบกวนช่วยดูอาการของท่านพ่อของข้าด้วย” หมอไป๋ที่หญิงสาวเรียกยังมาไม่ถึง หญิงสาวก็ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรสักอย่างดีกว่าปล่อยให้แบบนี้ นางจึงให้ซุนซือสิงดูอาการของชายชรา
“แม่นางวางใจ” ซุนซือสิงไม่ได้มองมาที่สาวน้อย เขาเพียงปลอบโยนออกไปตามสัญชาตญาณ ซุนซือสิงก้าวเข้าไปด้านหน้า ปลดเสื้อผ้าของชายชราออก ทำให้เขาหายใจสะดวกขึ้นมาเล็กน้อย
หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงยื่นมือออกไปช่วย แต่ก็ถูกซุนซือสิงบอกให้ถอยไป มือของหญิงสาวแข็งทื่อ แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของซุนซือสิง นางก็ระงับอารมณ์ไว้
หากพ่อของนางเป็นอะไรขึ้นมา เช่นนั้น……ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า แต่ไม่นานมันก็จางหายไป ซุนซือสิงที่มุ่งมั่นกับการรักษาไม่รับรู้ถึงสิ่งนี้ อย่างไรก็ตามองครักษ์ของเขาทำเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ ปกป้องซุนซือสิงอย่างใกล้ชิด เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับซุนซือสิง
พวกเขาต่างรู้ดี คุณชายซุนเป็นเหมือนดวงใจของแม่นางเฟิ่ง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายซุน เช่นนั้นพวกเขาก็คงไม่มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่
แต่ในขณะนั้นเอง ซุนซือสิงกลับขอให้องครักษ์ไปนำกล่องยามาให้เขา องครักษ์แทบจะร้องไห้ออกมา: คุณชายซุน ท่านจะใจดีเกินไปหรือเปล่า ไม่เห็นหรือว่าอีกฝ่ายหวาดระแวงและจ้องจะเล่นงานท่านขนาดไหน
“รีบไปเร็วเข้า ไปหยิบกล่องยาของข้ามา” เมื่อพูดถึงการช่วยเหลือคน ซุนซือสิงก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่อ่อนแอเหมือนกับก่อนหน้านี้ เด็กขาด เข้มงวด ทำให้ผู้คนไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา องครักษ์ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงไปนำกล่องยามาให้ตามคำสั่งของซุนซือสิง
“พวกท่านช่วยข้าสักหน่อย ช่วยพยุงผู้ป่วยขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้” หลังจากซุนซือสิงตรวจสอบชีพจรของชายชรา เขาพบว่าอาการป่วยของชายชราคือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันตามที่อาจารย์เคยกล่าวไว้ ชายชรามีอาการชัก แต่โชคดีที่เขาได้รับการรักษาทันเวลา
หญิงสาวตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็รีบทำตามคำสั่งของซุนซือสิง และซุนซือสิงก็ไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย เป็นเรื่องธรรมดาที่จะออกคำสั่ง ตอนแรกหญิงสาวก็ตกใจ แต่หลังจากนั้นก็คุ้นชินกับมันไปแล้ว
ดังนั้นการทำความคุ้นเคยกับบางสิ่งจึงน่ากลัว
องครักษ์กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซุนซือสิง เขารีบวิ่งมาที่กล่องยา ในเวลานั้นหมอไป๋ที่หญิงสาวพูดถึงก็วิ่งเข้ามา หมอไป๋เป็นชายชราที่ไว้เคราสีขาว มีใบหน้าที่ทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา สมกับภาพลักษณ์หมออัจฉริยะในสายตาคนทั่วไป
“หมอไป๋ ท่านมาแล้ว ท่านปู่……” หัวหน้าสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของหญิงสาวพาหมอไป๋เข้ามาด้านหน้า แต่ถูกหมอไป๋หยุดเอาไว้ หัวหน้าสาวใช้จึงพูดออกมาด้วยความร้อนใจ “หมอไป๋ ท่านเป็นอะไรงั้นหรือ? ท่านปู่ยังรอการช่วยเหลือจากท่านอยู่?”
“ให้น้องชายผู้นั้นเป็นคนจัดการ น้องชายผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา” หมอไป๋เห็นซุนซือสิงเปิดกล่องยาออกมา ของที่อยู่ในกล่องยานั้นเขารู้จักเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เป็นหมอมาครึ่งชีวิต หมอไป๋เองก็รู้ว่าเป็นผู้มีความรู้กว้างไกล คนอื่นอาจจะไม่รู้จัก แต่เขารู้จักเข็มทองสามเล่มนั้น นั้นเป็นสิ่งของซึ่งหมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ยใช้เป็นเครื่องมือในการรักษา
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันแน่? เขาไม่เคยได้ยินว่าชื่อเลี่ยนฉุ่ยรับศิษย์คนไหนมาก่อน?
ต่อให้เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ศิษย์ของชื่อเลี่ยนฉุ่ย แต่เขาก็ต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชื่อเลี่ยนฉุ่ยเป็นแน่ เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาที่หมอไป๋มองมาที่ซุนซือสิงก็เปลี่ยนไปทันที
ในตอนที่เขาเห็นซุนซือสิงใช้ยาสีขาวสองสามเม็ดประกอบกับเข็มทองสามเข็มเพื่อปลุกชายชรา สายตาของหมอไป๋ที่มองมายังซุนซือสิงก็ร้อนแรงยิ่งขึ้น
ยอดเยี่ยมมาก! สมแล้วที่เป็นคนใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์อันดีกับหมอเทวดาชื่อเลี่ยนฉุ่ย
ซุนซือสิงไม่รับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ ความสนใจของเขาจดจ่ออยู่กับชายชรา จนกระทั่งชายชราฟื้นขึ้นมา เขาถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “นำน้ำมาให้ผู้อาวุโสแก้วหนึ่ง ต้องเป็นน้ำเปล่าเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว” สาวใช้ที่อยู่ด้านข้างของชายชรารีบตอบรับทันที สายตาอันหวาดระแวงที่มองไปยังซุนซือสิงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นความชื่นชม
“แคก แคก……” หลังจากชายชราฟื้นขึ้นมา เขาพบว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของตนเองคือซุนซือสิง เขาถามออกมาด้วยแววตาแห่งความสงสัย “พ่อหนุ่มน้อย เจ้าเป็นคนช่วยข้าไว้อย่างนั้นหรือ?”
“มันอาจเรียกไม่ได้ว่าเป็นการช่วยเหลือ เป็นเพียงแค่การพบเจอ ผู้อาวุโส ร่างกายของท่านอ่อนแอมาก ข้าแนะนำให้ท่านพักผ่อนให้มาก ๆ อาการป่วยของท่านจำเป็นต้องพักผ่อนอย่างสงบ”
ซุนซือสิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขารู้ว่าอีกฝ่ายเองก็มีหมออยู่เช่นกัน เก็บอุปกรณ์ที่ใช้เมื่อครู่เรียบร้อย ในตอนที่กำลังจากไป เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบยาออกมาหนึ่งขวด ยื่นมันให้กับชายชรา “ที่คือยาที่อาจารย์ของข้าคิดค้นขึ้น มีประโยชน์ต่ออาการป่วยของผู้อาวุโส หากผู้อาวุโสไว้ใจก็สามารถนำติดตัวไปได้ หากมีอาการป่วยตอนที่ไม่มีหมออยู่ข้างกาย ท่านก็นำยาขวดนี้ขึ้นมากินหนึ่งเม็ด”
การกระทำของซุนซือสิงนั้นอยู่นอกเหนือความเป็นหมอโดยสิ้นเชิง เขาไม่มีความตั้งใจที่จะให้ใครยกย่องเขาเลยแม้แต่น้อย การกระทำที่บริสุทธิ์เช่นนี้ ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาเอง
ความระแวงที่หญิงสาวมีต่อซุนซือสิงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นความรู้สึกขอบคุณ ก้าวออกไปรับขวดยาไว้ จากนั้นถามออกมาอย่างเป็นมิตร “ขอบคุณคุณชายเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าคุณชายแซ่อะไรอย่างนั้นหรือ? วันหน้าข้าจะต้องไปตอบแทนถึงบ้าน”
“แม่นางไม่ต้องเกรงใจ สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว หากแม่นางต้องการตอบแทน เช่นนั้นก็รบกวนแม่นางจ่ายเป็นค่ายาและค่ารักษา” แน่นอนว่าซุนซือสิงต้องการเงินทองเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งทำให้ชายชราและหญิงสาวตกใจเป็นเป็นอย่างมาก รวมถึงหมอไป๋ที่อยู่ตรงนั้นด้วย
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนรวยและมีเกียรติหรืออย่างไร การขอบคุณของพวกเขามีค่ามากกว่าเงินทองเพียงไม่กี่ตำลึง
แม้ว่าซุนซือสิงจะบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอก เห็นท่าทางของชายชราและหญิงสาว ซุนซือสิงยิ้มและพูดออกไปว่า “ข้าช่วยเหลือผู้คนโดยไม่หวังบุญคุณ ข้าช่วยคนเพราะหวังเงินทองเป็นสิ่งตอบแทน เช่นนี้ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน”
ซุนซือสิงยึดถือคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินเป็นเครื่องนำทางมาโดยตลอด เฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าการช่วยเหลือผู้คนเป็นสิ่งซึ่งไม่อาจตอบแทนได้ แต่หากคนฝ่ายยังคิดจะตอบแทน เช่นนั้นก็ขอรับสิ่งตอบแทนเป็นเงินทอง เนื่องจากมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถรักษาคุณลักษณะและจรรยาบรรณของหมอได้
ที่จริงซุนซือสิงเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเฟิ่งชิงเฉินจึงอยากให้เขาทำเช่นนี้ เหตุผลที่เฟิ่งชิงเฉินขอให้เขาทำเช่นนี้ก็เพราะ ยิ่งเขารักษามากเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็จะยิ่งใส่ใจมากเท่านั้น และยิ่งทำให้พวกเขาคิดว่าซุนซือสิงนั้นล้ำค่า
สิ่งใดจะตราตรึงใจได้มากไปกว่าพระคุณแห่งการช่วยชีวิตโดยไม่หวังผลตอบแทน? ขอเพียงแค่ซุนซือสิงทำตามคำสอนของเฟิ่งชิงเฉิน เส้นทางในอนาคตของเขาจะต้องรุ่งโรจน์เป็นแน่
สิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามที่เฟิ่งชิงเฉินคิด ชายชราและหญิงสาวผู้นั้นได้ยินคำพูดของซุนซือสิง ความหวาดระแวงสุดท้ายที่เหลืออยู่ในดวงตาของพวกเขาก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ชายชรารีบบอกให้คนน้ำตั๋วเงินจำนวนสองร้อยตำลึงมา ส่วนซุนซือสิงก็ให้องครักษ์รับไว้โดยไม่สนมูลค่าของมัน
หญิงสาวมองมาที่ซุนซือสิงด้วยสายตาอันใกล้ชิด เห็นว่าซุนซือสิงอายุยังน้อยและมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม จึงต้องการผูกมิตรไมตรี นางก้าวออกมาพร้อมกล่าวว่า “คุณชาย ตัวข้าแซ่ฉู่ มีนามว่าฉางฮว๋า ไม่ทราบว่าคุณชายมีนามว่าอย่างไร?”
ฉู่ฉางฮว๋า! หากเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่นี่ พวกเขาจะรู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นคนที่บอกว่าตนเองเลื่อมใสศรัทธาในตัวของเสด็จอาเก้า ยินดีที่จะยกเมืองฉู่เป็นค่าสินสอดในการแต่งงานกับเสด็จอาเก้าในฐานะองค์หญิงแห่งเมืองฉู่ และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้าเมืองฉู่
น่าเสียดายที่ทั้งสองคนไม่อยู่ด้วย และซุนซือสิงก็ไม่ใช่คนที่จะใส่ใจอะไรกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ เหล่าองครักษ์เองก็ไม่รู้ว่านี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ซุนซือสิงเห็นว่าอีกฝ่ายเอ่ยชื่อของตนเองออกมาแล้ว เขาเองก็ไม่อยากจะปิดยัง เขาจึงเอ่ยชื่อของตนเองออกมา
ซุนซือสิงไม่รู้ว่าฉู่ฉางฮว๋าเป็นใคร แต่ฉู่ฉางฮว๋ารู้ดีว่าซุนซือสิงเป็นใคร ในเมื่อต้องการแต่งงานกับเสด็จอาเก้า เป็นไปได้อย่างไรว่าฉู่ฉางฮว๋าจะไม่เสาะหาข้อมูลของบุคคลที่อยู่ข้างกายของเสด็จอาเก้า
ซุนซือสิง เป็นอัจฉริยะทางการแพทย์ เป็นเหมือนไข่มุกในสายตาของเสด็จอาเก้าและซุนซือสิง เขาถือว่าเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่……เมืองฉู่ไม่อาจแตะต้องได้!