นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1044 เส้นทางลับ,แผนร้ายของจักรพรรดิ
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1044 เส้นทางลับ,แผนร้ายของจักรพรรดิ
เมื่อรู้ถึงตัวตนของซุนซือสิง และจากคำพูดของซุนซือสิง ทำให้พวกเขารู้ว่าซุนซือสิงเองก็ตั้งใจจะเดินทางไปยังเมืองจักรพรรดิเช่นกัน ความกระตือรือร้นที่ฉู่ฉางฮว๋าและเจ้าเมืองฉู่มีต่อซุนซือสิงก็เพิ่มสูงขึ้นในทันใด
เมื่อนึกถึงทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยมของซุนซือสิง การที่มีซุนซือสิงเดินทางไปด้วยทำให้ชีวิตของเจ้าเมืองฉู่ปลอดภัยมากขึ้น เจ้าเมืองฉู่และฉู่ฉางฮว๋าส่งสายตาให้กันและกัน จากนั้นก็ตัดสินใจเชิญซุนซือสิงให้เดินร่วมทางไปพร้อมกับพวกเขา
หากต้องการความยินยอมของซุนซือสิงนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับองครักษ์ข้างกายของซุนซือสิงนั้นค่อนข้างยาก จนกระทั่งฉู่ฉางฮว๋าแสดงตัวตนและสถานะของตนเองออกมา รวมถึงนำสาส์นตราตั้งที่จักรพรรดิตงหลิงส่งไปยังเมืองฉู่ออกมา เหล่าองครักษ์ถึงยอมให้ซุนซือสิงเดินทางไปพร้อมกับฉู่ฉางฮว๋า
ไม่ได้ไตร่ตรองจากความปลอดภัย แต่เป็นการไตร่ตรองจากสภาพร่างกายของซุนซือสิง ต้นขาด้านในของซุนซือสิงเต็มไปด้วยแผลพุพอง มันไม่ง่ายเลยที่จะหารถม้าในถิ่นทุรกันดารเช่นนี้ ในเมื่อฉู่ฉางฮว๋าได้รับคำเชิญจากจักรพรรดิ เช่นนั้นการที่ซุนซือสิงเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาก็คงไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
ฉู่ฉางฮว๋าขอให้ซุนซือสิงนั่งรถม้าคันเดียวกับเจ้าเมืองฉู่เพื่อสะดวกต่อการดูแล ในสายตาของซุนซือสิง ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิหรือลูกหลานของพวกเขาก็เป็นคนไข้ของเขาเช่นกัน แม้ว่าจะนั่งรถม้าคันเดียวกับเจ้าเมืองฉู่ ซุนซือสิงก็ยังเป็นคนใจกว้างเช่นเคย เขาไม่ได้ยกยอหรือชื่นชมเพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นเจ้าเมืองฉู่ และเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีโอหังหรืออวดดีในการดูถูกผู้อื่น
ซุนซือสิงปฏิบัติกับฉู่ฉางฮว๋าและเจ้าเมืองฉู่เหมือนกับที่เขาปฏิบัติกับคนอื่น ๆ ทุกประการ ตอนแรกเจ้าเมืองฉู่และฉู่ฉางฮว๋าก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับมันเสียเท่าไหร่ เนื่องจากพวกเขาคุ้นชินกับการให้เกียรติและคำยกยอของผู้อื่น จู่ ๆ ต้องมาพบกับคนที่ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกันไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทัศนคติที่เจ้าเมืองฉู่และฉู่ฉางฮว๋ามีต่อซุนซือสิงก็เปลี่ยนไป
ซุนซือสิงผูกมิตรกับพวกเขาไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตัวตนของพวกเขา หรือว่ามีแผนการอะไรกับฉู่ฉางฮว๋า หลายปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มมากความสามารถกี่คนที่ทำให้ฉู่ฉางฮว๋าพึงพอใจ หวังว่าฉู่ฉางฮว๋าจะเห็นความดีของพวกเขา และรับเมืองฉู่ไปพร้อมกับแต่งงานกับนาง
ฉู่ฉางฮว๋ามักจะถูกรายล้อมไปด้วยผู้ชายที่มีเจตนาชั่วร้าย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับคนอย่างซุนซือสิง คนที่ไม่เห็นเมืองฉู่อยู่ในสายตา จึงทำให้หลีกหนีความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กันไม่ได้ และทั้งสองฝ่ายก็พูดคุยกันด้วยดีไปมาตลอดทาง
ซุนซือสิงและฉู่ฉางฮว๋าเดินทางไปเมืองจักรพรรดิอย่างปลอดภัย ส่วนเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาไม่โชคดีขนาดนั้น
มือสังหารและนักฆ่ารายล้อมพวกเขาเหมือนกับแมลงวัน ไม่ว่าเสด็จอาเก้าและเสด็จอาเก้าจะเดินทางไปที่ไหน พวกเขาต่างตามหาจนเจอ
เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเดินทางอย่างสงบได้เพียงสองสามวัน หลังจากนั้นก็มีผู้คนทุกประเภทปรากฏออกมาตลอดทางเดินทาง บางคนมาเพื่อสังหารเสด็จอาเก้า บางคนมาเพื่อสังหารเฟิ่งชิงเฉิน ในตอนที่เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินมาถึงเมืองเล็ก ๆ ด้านนอกเมืองจักรพรรดิ ทหารคนสนิทจำนวนสองร้อยนายของเสด็จอาเก้า เวลานี้เหลือเพียงแต่สามสิบนาย
“พักผ่อนสักคืน พรุ่งนี้ค่อยเดินทางเข้าเมือง” เสด็จอาเก้าสั่งให้แปดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ไปดูความปลอดภัยของโรงเตี๊ยมด้วยตัวเอง เมื่อพบว่าไม่มีปัญหา เขาก็ออกคำสั่งให้ทุกคนพักผ่อนที่นี่เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ จะทำให้จวนอ๋องเก้าเสียหน้าไม่ได้
“ขอรับ” ทุกคนไม่กล้าพักผ่อนอย่างเต็มที่ พวกเขาจัดเวรยามสามผลัดเพื่อผลัดกันเข้ายาม
หลังจากเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินมาถึงห้อง ทหารก็นำน้ำร้อนสะอาดและเครื่องใช้ต่าง ๆ เขามาเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกสดชื่นได้ง่ายขึ้น
ตอนที่เดินทางไปซีหลิง เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนคอยปรนนิบัติเสด็จอาเก้าตลอดทาง แต่ครั้งนี้ถูกอย่างกลับกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากบาดแผลที่หัวไหล่ของเฟิ่งชิงเฉิน ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เสด็จอาเก้าจึงเป็นคนคอยปรนนิบัติเฟิ่งชิงเฉิน
หลังจากเสด็จอาเก้าทำความสะอาดร่างกายให้เฟิ่งชิงเฉินเป็นอันเรียบร้อย เขาก็ใช้น้ำที่เฟิ่งชิงเฉินใช้มาก่อนหน้านี้ในการอาบอีกครั้ง เฟิ่งชิงเฉินคิดอยู่หลายครั้งว่าจะเอ่ยปากบอกให้คนนำน้ำสะอาดมาให้เสด็จอาเก้าใหม่ แต่เห็นท่าทางที่ไม่สนใจของเสด็จอาเก้า นางทำได้เพียงล้มเลิกความคิดและรู้สึกผิดในใจต่อเสด็จอาเก้า
เสด็จอาเก้าเป็นคนหมกมุ่นอยู่กับความสะอาด เขาไม่สามารถใช้ของที่ใช้แล้วร่วมกับคนอื่นได้ แต่ไม่มีทหารคนสนิทคนไหนใส่ใจเรื่องนี้ และนางก็มีแผลตรงหัวไหล่ ดังนั้นตลอดทางที่ผ่านมาเสด็จอาเก้าจึงทำได้เพียงใช้สิ่งของร่วมกับนาง
เสด็จอาเก้าหันกลับมา เห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังปูที่นอนอันแสนสะอาด เขารีบแย่งมันมาทันที “แผลที่หัวไหล่ของเจ้ายังไม่หายดี หมออย่างเจ้าทำอะไรลงไป?”
เสด็จอาเก้าไม่ชอบให้คนนอกมาแตะต้องเครื่องใช้ของเขา ปกติในจวนอ๋องเก้า พ่อบ้านจะเป็นคนดูแลห้องของเขาด้วยตัวเอง ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปได้ง่าย ๆ และเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้ทหารคนสนิทมาปูที่นอนให้เขา ดังนั้นเรื่องพวกนี้เขาจึงต้องเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
“ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น อีกอย่างแผลของข้าก็สมานกันแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินไม่อาจเอาชนะเสด็จอาเก้าได้ ทำได้เพียงหยิบสิ่งของเล็ก ๆ เช่นหมอนขึ้นมา เมื่อทั้งสองจัดการทุกอย่างเรียบร้อย มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน
หลังจากเฟิ่งชิงเฉินนอนลงบนเตียงได้ไม่นาน นางก็เริ่มรู้สึกง่วง แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะหลับตา แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกง่วงเลยสักนิด รอจนกระทั่งลมหายใจของเฟิ่งชิงเฉินคงที่ จู่ ๆ เสด็จอาเก้าก็ยื่นมือออกมา สกัดจุดนอนของเฟิ่งชิงเฉินเบา ๆ
“พักผ่อนให้สบาย” เสด็จอาเก้าจูบไปที่หว่างคิ้วของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นหยิบสิ่งที่อยู่ใต้หมอนของเฟิ่งชิงเฉินออกไปและลุกจากเตียง
นอกประตู แปดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่นั่นมาโดยตลอด เห็นเสด็จอาเก้าเดินออกมา พวกเขาก็ก้าวเข้ามาพร้อมกล่าวว่า “ท่านอ๋อง”
“ปกป้องนางให้ดี ก่อนที่ข้าจะกลับมา ห้ามออกจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว” เสด็จอาเก้าจ้องมองทั้งแปดคนด้วยสายตาอันเย็นชาพร้อมออกคำสั่ง
แปดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่เป็นห่วงเสด็จอาเก้า แต่พวกเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเสด็จอาเก้าเช่นกัน ทำได้เพียงคุกเข่าลงไปบนพื้นเพื่อน้อมรับคำสั่งนั้น
เสด็จอาเก้ากระโดดขึ้นไปและหายไปจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปที่ใด……
ในขณะเดียวกัน เงาดำสิบกว่าเงากระโดดออกมาจากพระราชวัง พวกเขาพากองกำลังกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามายังที่พักซึ่งอยู่นอกเมืองที่เสด็จอาเก้าอาศัยอยู่ ซึ่งว่ากันว่าท่านอ๋องสามถูกขังอยู่ที่นี่
ในตอนที่คนกลุ่มนี้มาถึงลานพักอาศัย มันก็เป็นเวลาก่อนรุ่งสาง นั่นคือช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดก่อนรุ่งสาง คนเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากความมืดเลยแม้แต่น้อย เข้าไปในลานด้วยความคุ้นเคย
เสด็จอาเก้าออกจากเมืองหลวง ลานพักอาศัยแห่งนี้มีเพียงคนรับใช้ที่คอยทำความสะอาด ไม่มีองครักษ์คอยคุ้มครองความปลอดภัย หลังจากคนกลุ่มนี้เข้ามาในลานพักอาศัยก็ไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขาเลย
“หัวหน้า ทำไมถึงรู้สึกแปลก ๆ” ในความมืด คนที่เดินอยู่หน้าสุดหยุดเดิน และไม่กล้าก้าวเดินต่อไป
“มันเงียบเกินไปใช่ไหม?” คนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น
“ใช่ หากเสด็จอาเก้าขังคนไว้ที่นี่จริง ก็คงไม่มีทางปล่อยที่แห่งนี้ไว้โดยไม่มีใครคอยเฝ้า ลานแห่งนี้เงียบผิดปกติ” คนผู้นั้นรู้สึกไม่สบายใจจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า และหยุดอยู่ระหว่างทางเช่นนี้
ชายผู้เป็นหัวหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทางนั้นกล่าวออกมาว่า “เสด็จอาเก้าเจ้าเล่ห์เป็นเลิศ บางทีเขาอาจจะพยายามปกปิดมัน จากข่าวที่พวกเราได้รับ ที่นี่จะต้องมีคนอยู่อย่างแน่นอน อย่าคิดมาก ก่อนฟ้าสว่าง พวกเราต้องตามหาตัวคนให้พบ”
“ขอรับ”
คนกลุ่มนั้นไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป พวกเขาเหมือนกับวิญญาณ ใช้ประโยชน์จากความมืดในการตามหาตามซอกตามมุมของลาน หลังจากตามหามาครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มีคนผู้หนึ่งพบอะไรบางอย่าง “หัวหน้า ตรงนี้มีกลไกอยู่”
“ทุกคนหลบไป ระวังตัวด้วย รักษาระยะห่างเอาไว้” ตามหามาครึ่งชั่วโมงแต่กลับไม่พบเบาะแสใด ๆ แม้ว่ามันอาจจะเป็นกับดัก แต่หัวหน้าก็อยากจะเสี่ยงดูสักครั้ง
ฟ้าจะสว่างแล้ว หากพวกเขากลับไปมือเปล่า สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็มีแค่ความตาย
“ข้ากดมันแล้ว” คนที่เห็นกลไกเห็นเช่นนั้น หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก กลืนน้ำลาย วางมือทั้งสองข้างลงบนปุ่มที่นูนขึ้นมา เขียนการเคลื่อนย้ายดังขึ้น คนที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงประตูลับเปิดออก แต่คนที่อยู่ในลานกลับไม่ตอบสนองแต่อย่างใด ราวกับหลับเป็นตาย……