นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1046 รังโจร,ไม่มีใครเป็นคนดี
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1046 รังโจร,ไม่มีใครเป็นคนดี
การแลกเปลี่ยนอิสรภาพของท่านอ๋องสามกับแผนที่จิ่วโจว สำหรับหลานจิ่วชิงแล้วเป็นการค้าที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก เนื่องจากชีวิตของท่านอ๋องสามนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหลานจิ่วชิงเลยแม้แต่น้อย ในฐานะหลานจิ่วชิง เขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
“ต้องการให้ข้าปล่อยเจ้ามันก็ได้ แต่……ข้ารู้เพียงแค่ว่าในมือของเจ้ามีแผนที่จิ่วโจวอยู่ แต่ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นของจริงหรือไม่ หากเจ้านำแผนที่ปลอมมาให้ข้า หรือในมือของเจ้ามีแผนที่มากกว่าหนึ่งแผ่น ถึงเวลานั้นข้าไม่ได้แผนที่ทั้งหมดมาครอบครองจะทำเช่นไร?”
แผนที่จิ่วโจว ที่จริงของสิ่งนี้ไม่ได้มีคุณค่ามากมายถึงเพียงนั้น มันมีทั้งหมดเก้าแผ่น หากขาดไปแม้แต่หนึ่งแผ่นก็ไร้ประโยชน์ นี่คือความคิดของหลานจิ่วชิง หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาคงไม่เห็นแผนที่จิ่วโจวอยู่ในสายตา และบางทีไม่แน่ว่าต่อให้ตายก็อาจจะรวบรวมแผนที่ได้ไม่ครบเก้าแผ่นเสียด้วยซ้ำ
“แผนที่จิ่วโจวจะเป็นของจริงหรือของปลอม ข้าคิดว่าผู้ผดุงความยุติธรรมหลานแค่เห็นก็คงรู้แล้ว ส่วนในมือของข้ามีแผนที่อื่นอยู่ในมือหรือไม่ เรื่องนี้แค่ผู้ผดุงความยุติธรรมหลานตรวจสอบก็สามารถรับรู้ได้แล้ว ผู้ผดุงความยุติธรรมหลานน่าจะรู้ดี ยากแค่ไหนกว่าจะได้แผนที่จิ่วโจวมาสักแผ่น ข้าเองก็ได้มาเพราะโชคช่วย หลายปีที่ผ่านมาข้าคอยสืบหาร่องรอยของมันมาโดยตลอด แต่กลับไม่มีข่าวคราวของมันเลยแม้แต่น้อย” คำพูดของท่านอ๋องสามเป็นเรื่องจริง
แม้แผนที่จิ่วโจวจะไม่ได้มีคุณค่ามากมายถึงเพียงนั้น แต่หลังจากที่คนได้รับมันไปแล้ว พวกเขาจะไม่ส่งเสียง ในมือมีแผนที่จิ่วโจวอยู่หนึ่งแผ่น ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นว่าตนเองอยู่ใกล้สมบัติมากขึ้นอีกหนึ่งก้าวเท่านั้น แต่ยังบ่งบอกอีกว่า ไม่มีใครสามารถตามหาสมบัติที่ซ่อนอยู่ได้ เนื่องจากแผนที่จะไร้ประโยชน์หากขาดแผ่นใดไปแม้แต่แผ่นเดียว
คนที่มีแผนที่จิ่วโจวอยู่ในมือล้วนคิดว่าหากตนเองไม่ได้ครอบครอง คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้มันมา เป็นเพราะเหตุผลนี้ จึงไม่มีใครเปิดเผยตัวตนว่าเป็นผู้ครอบครองแผนที่จิ่วโจว ส่วนเซวียนเฟยแห่งเผ่าเสวียนเซียวกง นางถือเป็นคนที่แปลกประหลาด ไม่สามารถนับนางเป็นหนึ่งในนี้ได้
ท่านอ๋องสามพูดออกมาถึงขั้นนี้ หากหลานจิ่วชิงยังมัวแต่ลังเลมันก็เท่ากับว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ ดังนั้นหลังจากหลานจิ่วชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ตอบตกลง
“ท่านอ๋องสามเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าเองก็ไม่ใช่คนหน้าซื่อใจคด แต่ข้าไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างตงหลิงของพวกท่าน ดังนั้นการแลกเปลี่ยนของพวกเรา หวังว่าท่านอ๋องสามจะเก็บเป็นความลับ”
“ไม่มีปัญหา ข้าไม่มีทางทำให้ผู้ผดุงความยุติธรรมหลานลำบากใจเป็นแน่” ท่านอ๋องสามรีบรับปากทันที
ชายทั้งสองมีความตั้งใจที่แตกต่างกัน แต่ละคนมีแผนของตัวเอง แต่เวลานี้ทั้งสองกลับเข้าใจกันโดยปริยาย ทั้งสองมองตาก็รู้ใจ หลานจิ่วชิงไม่ได้พูดอะไร เก็บดาบของเขากลับมา จากนั้นถามออกไปว่า “ท่านอ๋องสาม ท่านจะให้ข้าพาท่านไปที่ไหน?”
ท่านอ๋องสามไม่ได้ตอบออกมาในทันที แต่จมดิ่งลงไปในความคิด เขามีฐานที่มั่นมากกว่าหนึ่งแห่งในเมืองหลวง แต่นั่นคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด นั่นคือรังโจรที่เขาอยู่ในเมืองหลวง ที่แห่งนั้นเสด็จอาเก้าและจักรพรรดิใช้เวลากว่าครึ่งปีก็ตามหาเขาไม่พบ หากถูกเปิดเผย……
แต่หากเป็นที่อื่นท่านอ๋องสามก็รู้สึกไม่สบายใจ เมืองจักรพรรดิคืออาณาเขตของจักรพรรดิและเสด็จอาเก้า หากเคลื่อนไหวโดยไม่ระวังภายใต้จมูกของพวกเขา จุดจบก็คือมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือความตาย
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายท่านอ๋องสามก็พูดออกมา
เมื่อได้ยินสถานที่ดังกล่าว หลานจิ่วชิงไม่ได้แสดงออกแต่อย่างใด แต่หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างเหลือเชื่อ
ใครจะไปคิดว่าท่านอ๋องสามจะไปซ่อนตัวในซ่องโจรของวิหารภิกษุณี เป็นเล่ห์เหลี่ยมที่คาดไม่ถึงจริง ๆ
หลานจิ่วชิงระงับคลื่นความรู้สึกในใจของเขา แบกท่านอ๋องสามไว้ด้านหลังและพูดออกมา “ท่านอ๋องสาม ท่านต้องระวังตัวแล้ว”
หลานจิ่วชิงไม่เชื่อว่าท่านอ๋องสามจะปล่อยให้เขามีชีวิตรอดออกมาจากวิหารภิกษุณี แต่เขาก็จำเป็นต้องไป เนื่องจากที่แห่งนั้นไม่เพียงแค่มีแผนที่จิ่วโจวอยู่เท่านั้น แต่ยังเป็นซ่องโจรของท่านอ๋องสามด้วย
“วางใจ ข้าไม่มีวันเป็นภาระของผู้ผดุงความยุติธรรมหลานเป็นอันขาด ไม่มีทางปล่อยให้ผู้ผดุงความยุติธรรมหลานไปที่นั่นอย่างเปล่าประโยชน์” ท่านอ๋องสามเองก็กลัวว่าเมื่อหลานจิ่วชิงรู้ที่ซ่อนตัวของเขาแล้วหลานจิ่วชิงจะเปลี่ยนไป หันมาขายเขาให้จักรพรรดิ
คนอย่างพวกเขาต้องมีใจที่จะทำร้ายผู้อื่น ส่วนเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้อื่น บอกเลยว่าไม่มีวัน
ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย หลานจิ่วชิงไม่กล้ารอไปมากกว่านี้ แบกท่านอ๋องสามวิ่งออกไปด้านนอก ก่อนที่พวกเขาจะจากไป มีเสียงดังขึ้นมาจากเรือนแยกอีกเรือน ท่านอ๋องสามได้ยินเสียงอึกทึกจากเรือนแยกดังกล่าว รอยยิ้มชั่วร้ายฉายออกมาจากดวงตาของเขา
น้องเก้า พี่สาวไปก่อนนะ แต่อีกไม่นานพี่สามก็จะกลับมา รอพี่สามกลับมาอีกครั้ง เจ้าก็คงไม่โชคดีขนาดนี้แล้ว
วิหารภิกษุณีที่ท่านอ๋องสามพูดถึงนั้นอยู่ไม่ไกลจากเมืองจักรพรรดิ หลานจิ่วชิงขี่ม้าไปส่งท่านอ๋องสาม หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ไปถึงด้านนอกของวิหารภิกษุณีตามที่ท่านอ๋องสามบอก หลานจิ่วชิงไม่ได้พาคนเข้าไปส่งด้านใน ห่างจากวิหารภิกษุณีประมาณหนึ่งลี้ หลานจิ่วชิงปล่อยตัวของท่านอ๋องสาม
“ท่านอ๋องสาม ข้าเชื่อในตัวท่าน แต่ข้าก็คิดว่ายุทธจักรเต็มไปด้วยความชั่วร้าย ดังนั้นข้าจะไม่เข้าไปในวิหารภิกษุณี นำสิ่งที่ข้าต้องการออกมา และข้าจะไปจากที่นี่” หลานจิ่วชิงเห็นความอาฆาตในสายตาของท่านอ๋องสาม แต่เขาไม่ได้สนใจ หากคิดจะเอาชีวิตของเขามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
“ผู้ผดุงความยุติธรรมหลาน เจ้าเองก็เห็น ข้าทั้งสองข้างของข้าไม่ค่อยดี ผู้ผดุงความยุติธรรมหลานได้โปรดพาข้าไปส่งให้ถึงที่ พาข้าเข้าไปส่งด้านใน ข้าจะขอบคุณเจ้าเป็นอย่างมาก” มาถึงอาณาเขตของตนเอง ท่านอ๋องสามมีความมั่นใจมากเพียงพอ
หลานจิ่วชิงรู้สถานที่ซ่อนตัวของเขาแล้ว มันไม่ใช่ที่ซ่อนตัวของเขาเพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาจะปล่อยให้หลานจิ่วชิงมีชีวิตรอดกลับไปได้อย่างไร
หลานจิ่วชิงยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ชักดาบออกมา จ่อไปที่คอของท่านอ๋องสาม “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าคนของท่านจะเร็วกว่าดาบของข้าหรือไม่?”
“ผู้ผดุงความยุติธรรมหลาน นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” สีหน้าของท่านอ๋องสามเปลี่ยนไป จากนั้นก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจความคิดของตนเอง
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ท่านอ๋องมอบแผนที่ให้ข้า ข้าจะไปจากที่นี่ทันที ไม่เช่นนั้น……ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน” หลานจิ่วชิงใช้อำนาจที่เหนือกว่า ขยับดาบของเขาเข้ามาใกล้คอของท่านอ๋องสามอย่างใกล้ชิด ท่านอ๋องสามรู้สึกเจ็บที่ต้นคอ เขารู้ว่าเวลานี้หลานจิ่วชิงพูดจริง……
“ท่านอ๋องสาม เลิกเล่นตุกติกได้แล้ว ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด หากยังไม่ยอมมอบแผนที่ให้ข้า เมื่อคนของเจ้าออกมา เกรงว่าพวกเขาคงได้แค่ยืนมองศพของท่าน” หลานจิ่วชิงรู้ว่าอีกไม่นานคนของท่านอ๋องสามก็จะมาถึงแล้ว เขาจึงไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป
ท่านอ๋องสามต้องการถ่วงเวลาอีกหน่อย แต่เมื่อเห็นเจตนาฆ่าในดวงตาของเสด็จอาเก้า สุดท้ายเขาก็ยอมในที่สุด
แผนที่หนึ่งแผ่น หลานจิ่วชิงได้ไปมันก็ไร้ประโยชน์ อีกอย่าง……หลานจิ่วชิงจะสามารถนำแผนที่แผ่นนี้ออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่ นั่นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง
เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ ท่านอ๋องสามจึงไม่คิดจะเอาชีวิตของตนเองมาเดิมพัน ถอดรองเท้าข้างซ้ายออกมาต่อหน้าหลานจิ่วชิง โยนไปด้านหน้าของหลานจิ่วชิงพร้อมกล่าวว่า “มันอยู่ตรงกลางของรองเท้า”
อ่า
คนผู้นี้……ซ่อนแผนที่จิ่วโจวไว้ใต้เท้าของเขา นี่มันช่าง……
หลานจิ่วชิงระงับความเกลียดชังในหัวใจ ใช้มีดตัดรองเท้าของท่านอ๋องสาม อย่างที่คิด……มีแผนที่แผ่นหนึ่งอยู่ตรงกลาง แต่หลานจิ่วชิงกลับรู้สึกสงสัย……
รองเท้าคู่นี้เป็นรองเท้าที่ท่านอ๋องสามสวมมันไว้โดยตลอด เต็มไปเหงื่ออันเปียกชุ่ม คิดว่าแผนที่แผ่นนี้เองก็คงสกปรกไม่ใช่น้อย เมื่อคิดถึงแผ่นที่ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นเท้าของท่านอ๋องสาม หนังศีรษะของหลานจิ่วชิงด้านชา มือนั้นเหยียดออกไปไม่ได้
แผนที่แผ่นนี้ช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก
ท่านอ๋องสามไม่รู้ว่าเวลานี้หลานจิ่วชิงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เห็นหลานจิ่วชิงทำท่าทางชักช้า เขาก็แอบดีใจอยู่ลึก ๆ
คนของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว!
หลานจิ่วชิงไม่รู้จะจัดการกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร แต่ท้ายที่สุดหลานจิ่วชิงก็สามารถระงับความรังเกียจในใจของเขาไว้ได้ ตัดชายเสื้อของเขาออกมาชิ้นหนึ่ง ห่อแผนที่จิ่วโจวที่อยู่บนรองเท้าและเก็บมันขึ้นมา……
หลังจากกลับไปค่อยให้ซูเหวินชิงหาวิธีทำความสะอาด
ท่านอ๋องสามเห็นท่าทางของหลานจิ่วชิง เขาเพียงคิดว่าหลานจิ่วชิงเป็นคนระมัดระวัง จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
หลังจากหลานจิ่วชิงเก็บแผนที่ขึ้นมาได้ไม่นาน เสียงฝีเท้าจำนวนมากก็ดังเข้ามาในหูของเขา หลานจิ่วชิงรีบหันมามองท่านอ๋องสาม เห็นว่าใบหน้าของท่านอ๋องสามยังคงไม่เปลี่ยนแปลงก็เข้าใจได้ทันทีว่าท่านอ๋องสามยังไม่รู้ว่าคนของตนเองมาแล้ว
หลานจิ่วชิงก้าวไปด้านหน้า สกัดจุดของท่านอ๋องสาม ท่านอ๋องสามตกตะลึง อยากจะตะโกนออกมาแต่ก็ทำไม่ได้ เขาพบว่าตนเองไม่เพียงแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถพูดออกมาได้ด้วย ในตอนที่ท่านอ๋องสามรู้สึกไม่สบายใจ เขาก็ได้ยินเสียงของหลานจิ่วชิงดังขึ้นมาว่า “ท่านอ๋องสาม ถึงเจ้าจะเป็นคนชั่วร้าย แต่ข้ายังคงเป็นคนชอบธรรม ได้แผนที่ของเจ้ามาแล้ว ข้าจะไม่รับชีวิตของเจ้า ลาก่อน”
พูดจบเขาก็หายไปจากหน้าของท่านอ๋องสาม ส่วนหลานจิ่วชิงมีความชอบธรรมอย่างที่เขาพูดออกมาหรือไม่ มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้……
ท่านอ๋องสามนั่งอยู่ที่เดิม ไม่นานคนของเขาก็มาถึง ท่านอ๋องสามได้รับอิสระ เขาชี้ไปยังทิศทางที่หลานจิ่วชิงหายตัวไป ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น “ไป ไล่ล่าชายสวมชุดดำที่สวมหน้ากากสีเงิน ข้าไม่ต้องการให้เขามีชีวิตลงจากภูเขาลูกนี้ไปได้”
คนของท่านอ๋องสามรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน พวกเขาไม่กล้ารอช้า รีบส่งสัญญาณให้ทุกคนแยกไปคนละทางและรีบลงมือทันที……
หากมีชีวิตก็ต้องเห็นคน หากตายก็ต้องเห็นศพ!