นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1047 ประณาม,ข้าเฟิ่งชิงเฉินกลับมาแล้ว
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1047 ประณาม,ข้าเฟิ่งชิงเฉินกลับมาแล้ว
วรยุทธ์ของหลานจิ่วชิงนั้นไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่อาจต้านทานคู่ต่อสู้ที่มีจำนวนมากถึงขนาดนี้ได้ ประกอบกับท่านอ๋องสามอยู่ในพื้นที่ของวิหารภิกษุณีมาหลายสิบปี พื้นที่รอบ ๆ อยู่ในการควบคุมของท่านอ๋องสาม ทุกคนต่างเป็นคนของท่านอ๋องสาม หลานจิ่วชิงคิดจะหนีไปอย่างเงียบ ๆ คงเป็นไปไม่ได้……
หลังจากหนีออกมาได้ไม่ถึงพันเมตร คนของท่านอ๋องสามก็พบร่องรอยของหลานจิ่วชิง แม้ว่าด้วยวรยุทธ์อันยอดเยี่ยมทำให้หลานจิ่วชิงฝ่าวงล้อมออกมาได้ แต่เขาก็ถูกลูกธนูยิงเข้าด้านหลัง แต่โชคดีที่ไม่ใช่จุดสำคัญอะไร หลานจิ่วชิงไม่สนใจร่างกายที่บาดเจ็บ รีบหนีต่อไปทันที……
วันนี้เขายังต้องเดินทางเข้าเมือง!
“ท่านอ๋อง ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว แม่นางเฟิ่งถามถึงท่านอยู่หลายครั้ง” ทันทีที่เสด็จอาเก้ากลับมายังโรงเตี๊ยม ทหารคนสนิทก็เข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
หากเสด็จอาเก้ายังไม่กลับมา พวกเขาเหล่านี้คงต้องร้องไห้เป็นแน่
“อ่า” เสด็จอาเก้าพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นรีบเดินเข้าไปด้านใน
“ท่านอ๋อง” แปดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทำความเคารพ เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนั้นก็รีบเดินออกมา เห็นเสด็จอาเก้ากลับมาอย่างปลอดภัย เฟิ่งชิงเฉินจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เข้าไปด้านในก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เสด็จอาเก้าจูงมือเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในห้อง เมื่อเข้ามาก็นั่งลงบนเก้าอี้ โดยไม่มีร่องรอยของเลือดอยู่บนใบหน้า
“เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ? ได้รับบาดเจ็บ?” เฟิ่งชิงเฉินตกใจ รีบเดินเข้ามาถอดเสื้อของเสด็จอาเก้าออก
หากเป็นปกติ เสด็จอาเก้าอาจจะเย้ยหยันด้วยประโยคเดิม “หมออย่างเจ้า เหตุใดถึงได้ใจร้อนยิ่งนัก” “ฮูหยิน เจ้าใจร้อนถึงเพียงนี้ ข้าจะตายก็เพราะเจ้า” คำพูดอะไรคล้ายแบบนี้ แต่วันนี้เวลากระชั้นชิด เสด็จอาเก้าไม่มีกะจิตกะใจคิดเรื่องพวกนี้ ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินถอดเสื้อของเขาออก เปิดเผยให้เห็นบาดแผลที่อยู่ด้านหลัง
เห็นเลือดด้านหลังของเสด็จอาเก้า สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเคร่งขรึมขึ้นทันที รีบเปิดกล่องยา นำกรรไกรออกมาตัดเสื้อผ้า เช็ดเลือดรอบบาดแผล เห็นบาดแผลชัดเจนเหมือนกับหลุมเลือด
“บาดแผลจากลูกธนู?”
“อ่า เสด็จพี่สามไม่อยู่แล้ว” คำพูดนี้เป็นเหมือนคำอธิบาย และเป็นสิ่งที่บอกถึงเหตุผลที่เสด็จอาเก้าได้รับบาดเจ็บ และอธิบายถึงที่อยู่ของเขาเมื่อคืนนี้
ได้ยินคำพูดนี้ของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ได้ทันทีว่ามีคนลักพาตัวท่านอ๋องสาม เสด็จอาเก้าได้ข่าวจึงรีบตามออกไป แต่กลับพาตัวท่านอ๋องสามกลับมาไม่ได้ และยังได้รับบาดเจ็บกลับมา
ท่านอ๋องสามเป็นคนที่กำลังใกล้ตาย เฟิ่งชิงเฉินจึงไม่พูดอะไรมากมายเกี่ยวกับเขาในตอนนี้ เพียงแต่……
“หลังจากนี้จะทำอย่างไร? เจ้าจะอธิบายกับจักรพรรดิอย่างไร?”
“เส้นทางที่คดเคี้ยวอาจมองว่าไม่สามารถข้ามผ่านได้ แต่เมื่อไปใกล้ ๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ปัญหา เรื่องราวของเสด็จพี่สามก็ไม่ได้ถูกเปิดเผยอยู่แล้ว หากจักรพรรดิต้องการลงโทษก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น” นี่เป็นเพียงคำปลอบโยน หากจักรพรรดินำสาส์นลับของเสด็จอาเก้าออกมาเปิดเผย เสด็จอาเก้าจะถูกลงโทษในฐานหลอกลวงจักรพรรดิเป็นแน่
“จักรพรรดิไม่มีวันยอมง่าย ๆ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการตามหาท่านอ๋องสาม นี่คือเมืองจักรพรรดิ คิดว่าท่านอ๋องสามคงหนีไปได้ไม่ไกล” เฟิ่งชิงเฉินทำแผลให้กับเสด็จอาเก้าพร้อมกล่าวออกมา
“ไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิก่อนแล้วค่อยว่ากัน ข้าจำเป็นต้องระดมพล จะเป็นต้องรับความยินยอมจากจักรพรรดิ” เสด็จอาเก้าไม่กังวลเกี่ยวกับที่อยู่ของท่านอ๋องสาม ถึงเวลานั้นเขาก็แค่รายงานเกี่ยวกับวิหารภิกษุณี แม้จะไม่พบท่านอ๋องสาม แต่มันก็ถือเป็นความดีอันยิ่งใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จอาเก้าก็ไม่เชื่อว่าท่านอ๋องสามจะหนีไปจากวิหารภิกษุณี
มือของเฟิ่งชิงเฉินหยุดชะงัก ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เป็นเพราะข้าไม่คิดให้รอบคอบ” พวกเขากลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว และไม่ได้มีอิสระเหมือนตอนอยู่ด้านนอก
เสด็จอาเก้ายิ้มพร้อมส่ายหน้า เฟิ่งชิงเฉินก็แค่เป็นห่วงเขาเท่านั้น อีกอย่างหากเขาไม่รู้ว่าท่านอ๋องสามกบดานอยู่ที่ไหน เขาเองก็คงส่งคนออกไปตามหา เนื่องจากหากท่านอ๋องสามหนีไปได้ เขาต้องลำบากเป็นแน่
เฟิ่งชิงเฉินไม่พูดอะไรอีกต่อไป มีสมาธิในการทำแผลให้กับเสด็จอาเก้า บาดแผลตรงไหล่ซ้ายของนางเกือบจะหายดีแล้ว ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
ในตอนที่กำลังจะเย็บ เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเตือนออกมาว่า “เจ็บหน่อยนะ ขอให้อดทน”
“ไม่เป็นไร” สีหน้าของเสด็จอาเก้ายังคงไม่เปลี่ยนไป
ปุก……ปุก เสียงเข็มแทงเข้าเนื้อ เส้นด้ายถูกดึงออกมาตามรูเข็ม หลังจากผ่านการเย็บไปกว่าสี่สิบเข็ม เฟิ่งชิงเฉินก็สามารถจัดการกับบาดแผลของเสด็จอาเก้าได้เป็นอย่างดี
หลังจากเช็ดคราบเหงื่อรอบแผลด้วยผ้าฝ้ายสะอาดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ทายาที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีเป็นคนสร้างขึ้นมาให้กับเสด็จอาเก้า
ยาที่ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีสร้างขึ้นมานั้นให้ผลดีกว่ายาแผนตะวันตก ใช้แล้วสดชื่น เย็นสบาย ไม่มีกลิ่นยา อาการบวมของแผลจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะเปลี่ยนชุดสะอาดให้กับเจ้า” เสื้อผ้าที่เสด็จอาเก้าสวมใส่นั้นเหมือนกับผักดอง มันไม่สามารถสวมใส่ได้อีกต่อไปแล้ว
“อ่า” เสด็จอาเก้าลุกขึ้นยืน ยกเว้นริมฝีปากที่ขาวราวกับหิมะของเขา ใบหน้าของเขาไม่มีบาดแผลให้เห็น
ความอดทนของผู้ชายคนนี้เหนือกว่าคนทั่วไปยิ่งนัก
เฟิ่งชิงเฉินถอดเสื้อผ้าของเสด็จอาเก้าออก ทำให้เห็นรูปร่างอันแข็งแกร่งและอุดมสมบูรณ์ของเสด็จอาเก้า
แม้เสด็จอาเก้าจะได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง แต่บนร่างกายของเขากลับไม่มีรอยแผลเป็นเลยแม้แต่รอยเดียว ไม่เหมือนกับเฟิ่งชิงเฉินที่ได้รับบาดเจ็บเพียงครั้งเดียวแต่บาดแผลของนางยังคงไม่จางหาย
น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเวลามากพอที่จะชื่นชมความงดงามบนร่างกายของเสด็จอาเก้า นางนำเสื้อผ้าตัวใหม่มาและเปลี่ยนมันให้กับเสด็จอาเก้า จากนั้นก็มัดผมให้เสด็จอาเก้าใหม่อีกครั้ง ด้วยการแต่งกายเช่นนี้ เสด็จอาเก้าเหมือนกับเจ้าชายที่เสด็จลงมาจากดวงจันทร์ เป็นชินอ๋องผู้สูงศักดิ์แห่งตงหลิง ไม่มีวี่แววของคนได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ไปกันเถอะ”
เสด็จอาเก้ากลับมาแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาที่พวกเขากลับเข้าเมือง และเหล่าผู้นำจำนวนมากในเมืองก็กำลังรอการกลับมาของพวกเขาอยู่ รอให้เสด็จอาเก้าเข้าเมือง และคนที่ตั้งตารอมากที่สุดในหมู่ของคนเหล่านั้นก็คือจักรพรรดิ
คนที่ส่งไปทำภารกิจเมื่อวานไม่กลับมาแม้แต่คนเดียว จักรพรรดิรู้ว่าหมากของเสด็จอาเก้านั้นสูง จากนั้นก็รู้เรื่องที่เกิดในเรือนแยก จักรพรรดิรู้ว่าเสด็จอาเก้าเองก็ประสบความสูญเสียเช่นกัน ซึ่งเสียประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
ท่านอ๋องสามหายตัวไป เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเสด็จอาเก้าจะเอาสิ่งใดมาชดใช้ให้กับเขา
“มาถึงหรือยัง?” นี่เป็นครั้งที่สิบแล้วที่จักรพรรดิถามออกมา ตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง
“กราบบังคมทูลองค์จักรพรรดิ ยัง……”
ในตอนที่ขันที่คนสนิทกำลังเอ่ยปาก ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาขัดจังหวะจากอีกฟากหนึ่ง “จักรพรรดิ จักรพรรดิ ถึงแล้ว เสด็จอาเก้าเสด็จมาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว”
“งั้นหรือ? รับพระราชโองการ ให้เสด็จอาเก้าเข้ามาในพระราชวังเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ”
เสด็จอาเก้ายังไม่ทันเข้าเมือง ขันทีก็นำพระราชโองการออกไปจากพระราชวัง เสด็จอาเก้าเพิ่งจะกล่าวทักทายกับเหล่าขุนนางที่มาต้อนรับได้ไม่นาน กำลังเตรียมที่จะไปส่งเฟิ่งชิงเฉินยังจวนเฟิ่ง เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของขันทีดังขึ้นมา “รับพระราชโองการ จักรพรรดิรับสั่งให้เสด็จอาเก้าเสด็จเข้าไปในพระราชวังทันที”
รอไม่ไหวแล้วอย่างนั้นหรือ……ต้องการเอาชีวิตเขาถึงเพียงนั้น
ริมฝีปากของเสด็จอาเก้ายกตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มขี้เล่น หลังจากส่งเฟิ่งชิงเฉินขึ้นไปบนรถม้าและสั่งให้แปดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ไปส่งเฟิ่งชิงเฉินที่จวนเฟิ่งอย่างปลอดภัย เขาถึงลุกขึ้นยืนอย่างมีเกียรติ นำกลุ่มคนไปยังพระราชวังด้วยท่าทางอันทรงพลัง ไม่รีบร้อนแต่อย่างใด
เมื่อเหล่าขุนนางได้เห็นฉากดังกล่าว ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาราวกับว่าพวกเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ในตงหลิง คนเดียวที่คงความสงบได้เมื่อจักรพรรดิเรียกตัวก็คงมีแต่เสด็จอาเก้าผู้เดียวเท่านั้น เสด็จอาเก้าเป็นคนเดียวที่กล้าเพิกเฉยต่อคำสั่ง “ทันที” ของจักรพรรดิ……
แต่ไม่รู้ว่าการกลับมาของเสด็จอาเก้าครั้งนี้ ราชสำนักแห่งตงหลิงมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง เฉาซ่างซู่แห่งกรมคลังถูกจักรพรรดิสั่งโทษให้เฆี่ยนตีจนตายในท้องพระโรง ด้วยนิสัยที่ชอบปกป้องของเสด็จอาเก้า เกรงว่าเขาคงต้องคิดบัญชีเรื่องนี้กับจักรพรรดิ
วันนี้……จะเปลี่ยนไป!
เหล่าขุนนางดึงแขนเสื้อของกันและกันพร้อมจากไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่สนใจคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังเข้าประตูเมืองมาพร้อมกับรถม้าอันทรงเกียรติ……