นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1053 เอาคืน,จักรพรรดิช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1053 เอาคืน,จักรพรรดิช่างไร้ยางอายยิ่งนัก
“หยุด!”
จักรพรรดิรีบก้าวเข้ามา สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่ให้ทุกคนเลิกทำความเคารพ แต่เป็นการตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ช่างกล้ายิ่งนัก ใครกันที่สั่งโบยพระสนมซู?”
ดวงตาคู่นั้นของจักรพรรดิจ้องมองไปยังสนมเอกเซี่ย เขารู้ว่าพระสนมซูและฮองเฮามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พระสนมซูเองก็พูดเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับฮองเฮาไม่น้อย ฮองเฮาเองก็ดูแลพระสนมซูเป็นอย่างดี จะต้องไม่ใช่ฮองเฮาที่เป็นผู้สั่งโทษเป็นแน่
สนมเอกเซี่ยยิ้มอย่างขมขื่น ก้มหน้าไม่พูดอะไร มือซ้ายลูบท้องแก่ ๆ ของนาง หัวใจเต็มไปด้วยความเยือกเย็น……
คนแรกที่จักรพรรดิสงสัยไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นนาง ในฐานะสนมเอกของจักรพรรดิ นี่มันไม่ใช่ความเศร้าสลดธรรมดาทั่วไป ต้องรู้ก่อนว่าลูกในท้องของนางเองก็เป็นลูกของจักรพรรดิ
ฮองเฮาแอบดีใจแต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า แสร้งทำเป็นกล่าวออกมาด้วยความกังวล “กราบทูลฝ่าบาท ข้าเป็นคนรับสั่งเองเพคะ”
“เจ้า?” จักรพรรดิใส่ความสนมเอกเซี่ย แต่เขากลับไม่แสดงความรู้สึกผิดหรือขอโทษเลยแม้แต่น้อย เขาจ้องไปยังฮองเฮาด้วยความโกรธ “พระสนมซูทำอะไรผิด? เหตุใดเจ้าต้องสั่งโบยนาง”
“กราบทูลฝ่าบาท พระสนมซูล่วงเกินเฟิ่งชิงเฉิน ข้าหมดหนทาง จึงทำได้เพียงสั่งโทษพระสนมซู” ใบหน้าของฮองเฮาเต็มไปด้วยการไม่ได้รับความเป็นธรรมก้มหน้าลง ไม่มีใครเห็นว่านางกำลังคิดอะไร
ที่จริงมีผู้หญิงคนไหนบ้างในหวังหลังที่ได้รับความเป็นธรรม จักรพรรดิโปรดปรานในตัวของพระสนมซู ยกย่องนางเหนือใคร นางสนมคนอื่นเมื่ออยู่ต่อหน้าจักรพรรดิก็ไม่ต่างอะไรกับดินโคลน ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ ตราบใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระสนมซู ผู้เคราะห์ร้ายจะต้องเป็นพระสนมนางอื่น ไม่เช่นนั้นฮองเฮาคงไม่ออกหน้ามาให้ความช่วยเหลือพระสนมซู และสั่งลงโทษนางอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
ด้วยความรักที่จักรพรรดิมีต่อพระสนมซู ไม่นานมันก็รุกรานมาถึงตำแหน่งอันทรงเกียรติของฮองเฮา ฮองเฮาเริ่มจะรับความจริงในจุดนี้ไม่ไหว……
“ล่วงเกินเฟิ่งชิงเฉิน? เฟิ่งชิงเฉินเป็นใคร นางมีค่าอะไรขนาดนั้นเลยหรือ อะไรคือการล่วงเกิน พระสนมที่รักของข้าต้องการชีวิตนาง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าแมลงตัวหนึ่ง” คำพูดประโยคนั้นของฮองเฮาถือเป็นการจุดชนวนระเบิด หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่ห่างจากจักรพรรดิพอสมควร เกรงว่าจักรพรรดิคงถีบนางหงายท้องไปแล้ว
สนมเอกเซี่ยถอนหายใจออกมาอีกหนึ่งครั้ง เกรงว่าจักรพรรดิจะลงโทษเฟิ่งชิงเฉินอย่างไร้เหตุผล นางรีบก้าวออกมาพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท พระสนมซูร่างกายอ่อนแอ ข้าคิดว่าท่านควรจะเชิญหมอหลวงมาดูอาการของพระสนมซูก่อนดีหรือไม่?”
ด้วยการแจ้งเตือนของสนมเอกเซี่ย จักรพรรดิถึงนึกได้ว่าพระสนมซูยังนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น รีบถ่ายทอดคำสั่งออกไปทันที “ยังมัวงงอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบพาพระสนมซูไปส่ง เรียกหมอหลวงเข้ามา ให้สำนักหมอหลวงหมอหลวงดูแลอาการของนางอย่างใกล้ชิด หากเกิดอะไรขึ้นกับพระสนมซู ข้าจะฝังพวกเจ้าทั้งหมด”
เห็นเลือดที่ไหลบนร่างกายของพระสนมซู ความโกรธของจักรพรรดิคลายหายไป หัวใจของจักรพรรดิเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เนื่องจากสาวน้อยต่างถิ่นจากทางตะวันตกผู้นี้ ทำให้จักรพรรดิหลงใหลจนงมหัวไม่ขึ้น และด้วยระยะเวลาอันยาวนาน จักรพรรดิไม่มองผู้หญิงคนไหนในวังหลัง และไม่ยอมรับความงามใด ๆ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีวันนี้ กว่าจะได้เจอกับคนที่ถูกใจ และคนที่เข้าใจเขาอย่างพระสนมซู จักรพรรดิกลัวเสียสิ่งที่หวงแหน กลัวว่ามันจะหลุดมือเขาไป ปกติแล้วแค่พระสนมซูขมวดคิ้วจักรพรรดิก็ต้องเกลี้ยกล่อมเป็นเวลานาน จึงไม่ต้องพูดถึงเมื่อนางถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยนตี
คำเตือนของสนมเอกเซี่ย ไม่เพียงแต่ไม่อาจทำให้จักรพรรดิสงบสติอารมณ์ได้เท่านั้น แต่ยังให้ความโกรธของจักรพรรดิเพิ่มสูงขึ้น จักรพรรดิก้าวเข้ามายืนอยู่ด้านหน้าเฟิ่งชิงเฉิน ยกเท้าขึ้นเตรียมที่จะถีบออกไป……
“จักรพรรดิอย่าทรงโกรธ” เฟิ่งชิงเฉินเตรียมตัวรับมือกับจักรพรรดิมาตั้งแต่แรก ในตอนที่จักรพรรดิเดินเข้ามา นางจึงลุกขึ้นยืน ทำให้จักรพรรดิถีบนางไม่โดน หากไม่ใช่ว่าขันทีรู้สึกตัวเร็ว เข้าไปพยุงจักรพรรดิ เกรงว่าจักรพรรดิก็คงล้มลงพื้นและอับอายขายหน้า
“ฝ่าบาท……” ฮองเฮากล่าวออกมาด้วยความตกใจ รีบเข้าไปพยุงองค์จักรพรรดิ จักรพรรดิเห็นว่าฮองเฮาเป็นห่วงเขา จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “ฮองเฮาไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร”
“ฝ่าบาท ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่มันก็ทำให้ข้ารู้สึกตกใจไม่น้อย” ฮองเฮากล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง ทำท่าทางตกใจ เมื่อมั่นใจแล้วว่าจักรพรรดิไม่เป็นไร นางก็หันมาพูดกับเฟิ่งชิงเฉินด้วยอารมณ์ “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าช่างกล้าเสียเหลือเกิน ใครใช้ให้เจ้าลุกขึ้นมา จักรพรรดิอยู่เบื้องหน้าของเจ้า เจ้าช่างกำเริบเสียเหลือเกิน”
“ฝ่าบาทได้โปรดยกโทษด้วย ชิงเฉินผิดไปแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินยอมรับความผิดอย่างง่ายดาย แต่นางไม่ได้คุกเข่าลงไป
หากไม่มีปิ่นเฟิ่ง นางคงต้องคุกเขาอยู่ตรงนั้นและปล่อยให้จักรพรรดิถีบ มันก็น่าจะเหมือนกับที่จักรพรรดิเคยทำร้ายนางในตอนแรก นางรู้ว่าความเจ็บปวดที่ได้รับจะต้องไม่ธรรมดา
รางวัลและโทษขึ้นอยู่กับความพอใจของจักรพรรดิ จักรพรรดิจะดีหรือร้าย สิ่งที่นางทำได้มีเพียงทำใจยอมรับ ต่อให้นางไม่พอใจมากแค่ไหน แต่นางก็ไม่อาจแสดงออกมาให้จักรพรรดิรับรู้ได้
“ผิดไปแล้ว?” จักรพรรดิยิ้มอย่างเยือกเย็น แววตาที่จ้องมองเฟิ่งชิงเฉินเหมือนกับแววตาที่มองคนตาย “”เฟิ่งชิงเฉิน ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเจ้าผิดไปแล้ว ข้าก็ขี้เกียจจะจับเจ้าเข้าไปขังในคุกหลวง ทหาร เข้ามา ลากตัวนางออกไปประหาร
“ฝ่าบาท ท่านจะทำเช่นนั้นไม่ได้……” สนมเอกเซี่ยร้อนรนขึ้นมาทันใด รีบก้าวออกมาด้านหน้า จักรพรรดิจ้องมองไปที่นางด้วยสายตายั่วยุ เย็นชาอย่างสุดบรรยาย “ไม่ได้ พระสนมอันเป็นที่รักของข้า เฟิ่งชิงเฉินล่วงเกินข้า เหตุใดข้าจะลงโทษนางไม่ได้? หรือว่าผู้ที่ยิ่งใหญ่คับฟ้าอย่างข้า ไม่อาจสังหารได้แม้แต่คนเพียงคนเดียว?”
“ฝ่าบาท ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉิน นาง……” สนมเอกเซี่ยร้อนรน เวลานั้นนางไม่รู้ว่าควรกล่าวออกมาเช่นไร เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าสนมเอกเซี่ยหวังดีและต้องการช่วยเหลือนาง จึงรับคำพูดเหล่านั้นไว้เอง
“ฝ่าบาท ชิงเฉินไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินฝ่าบาท ความจริงแล้วบนร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินมีปิ่นเฟิ่งที่เป็นสิ่งซึ่งประทานจากจักรพรรดิองค์ก่อน จึงจำเป็นต้องหลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” หรือพูดอีกอย่างก็คือ หากจักรพรรดิถีบเฟิ่งชิงเฉิน มันก็เท่ากับว่าจักรพรรดิไม่เคารพจักรพรรดิองค์ก่อน ที่นางทำเช่นนี้ก็เพราะตัวของจักรพรรดิเอง
จักรพรรดิไม่เคารพจักรพรรดิองค์ก่อน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก เนื่องจากจักรพรรดิองค์ก่อนจากโลกนี้ไปแล้ว อำนาจทั้งหมดในตอนนี้อยู่ในกำมือของจักรพรรดิ แต่หากเหล่าเสนาบดีรับรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะต้องสาปแช่งว่าจักรพรรดิเป็นผู้อกตัญญู และหลังจากนั้นจักรพรรดิก็จะพบเจอแต่ปัญหา
“ปิ่นเฟิ่ง?” ทันทีที่เฟิ่งชิงเฉินพูดออกมา จักรพรรดิก็เข้าใจในทันที
สิ่งเดียวที่สามารถทำให้จักรพรรดิเกรงกลัวก็คือปิ่นเฟิ่งแห่งจักรพรรดิองค์ก่อน เนื่องจากมีปิ่นเฟิ่งอยู่ในครอบครอง ทุกอย่างก็แตกต่างกันออกไป
“กราบทูลฝ่าบาท นี่ก็คือปิ่นเฟิ่ง” เฟิ่งชิงเฉินนำปิ่นเฟิ่งออกมาอีกครั้ง วางไว้บนฝ่ามือและยื่นไปตรงหน้าจักรพรรดิ
เมื่อจักรพรรดิเห็นปิ่นเฟิ่งก็เข้าใจ เหตุใดฮองเฮาจึงล่วงเกินพระสนมซูเพื่อเฟิ่งชิงเฉิน ในความเป็นจริงพระสนมซูไม่ได้ล่วงเกินเฟิ่งชิงเฉิน แต่ล่วงเกินปิ่นเฟิ่งชิ้นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่เขาเองก็ยังต้องให้ความเคารพ
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเยี่ยมมาก……นำปิ่นเฟิ่งติดตัวเข้ามาในพระราชวัง” จักรพรรดิเกลียดมาก ปิ่นเฟิ่งเป็นสิ่งที่ทิ่มแทงใจจักรพรรดิมาโดยตลอด ปิ่นเฟิ่งไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนเสด็จแม่ของเสด็จอาเก้าที่มีความสำคัญเป็นพิเศษในหัวใจของจักรพรรดิองค์ก่อน แต่มันยังบ่งบอกอีกว่าเสด็จอาเก้านั้นแตกต่างจากคนทั่วไป
“สิ่งสำคัญที่จักรพรรดิองค์ก่อนประทานให้มา ชิงเฉินเกรงว่าจะสูญหาย ดังนั้นจึงพกติดตัวไว้ตลอด” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าคำพูดของจักรพรรดินั้นเป็นการเย้ยหยัน แต่มันเกี่ยวอะไรกับนาง
ความขัดแย้งระหว่างเสด็จอาเก้าและจักรพรรดิเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นางถูกตราหน้าว่าเป็นคนของเสด็จอาเก้า และไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจลบออก แม้ว่าอีกฝ่ายจะกอดขาของจักรพรรดิไว้แน่นมันก็ไร้ประโยชน์
ตรงกันห้าม หากนางไม่ได้ทำอะไรผิดซึ่งหน้า ต่อให้จักรพรรดิอยากได้ชีวิตนางมากแค่ไหนก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย
“เจ้าช่างมีความตั้งใจ” จักรพรรดิกัดฟัน จ้องมองไปยังปิ่นเฟิ่ง แอบคิดอยู่ในใจว่าจะนำปิ่นเฟิ่งอันนั้นกลับมาอย่างไร
ปิ่นเฟิ่งอันนี้ไม่ว่าจะอยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉินหรือในมือของเสด็จอาเก้า ทั้งหมดล้วนเป็นปัญหา หากเฟิ่งชิงเฉินไม่มีปิ่นเฟิ่งอยู่ในมือ นางก็ต้องสูญเสียความมั่นใจไปบ้าง
ส่วนบัญชีของพระสนมซู วันนี้เกรงว่าคงเอาความผิดจากเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ ใครใช้ให้พระสนมซูไปหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน
“ขอบพระคุณสำหรับคำชื่นชมของจักรพรรดิ ชิงเฉินไม่อาจรับไว้” สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินยังคงไม่เปลี่ยนไป หากคนที่ไม่รู้เรื่องราวอาจคิดว่าจักรพรรดิชื่นชมนางจริง ๆ
“ข้าไม่ได้ชื่นชมเจ้า” จักรพรรดิเห็นท่าทางอันเยือกเย็นของเฟิ่งชิงเฉิน เขารู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก ยิ่งดูยิ่งเหมือนเสด็จอาเก้า
“ชิงเฉินโง่เขลา ไม่เข้าใจเจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์ จักรพรรดิได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” เฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมเสียเปรียบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน นางไม่มีทางเปิดโอกาสให้จักรพรรดิจับผิดนาง……