นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1054 คลอดบุตร,สนมเอกเซี่ยครรภ์เป็นพิษได้
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 1054 คลอดบุตร,สนมเอกเซี่ยครรภ์เป็นพิษได้
จักรพรรดิถูกเฟิ่งชิงเฉินทำให้ไม่สบายใจ ยิ่งมองเฟิ่งชิงเฉินเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เข้าตา เขาไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น “เฟิ่งชิงเฉิน แม้เจ้าจะรู้จักจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง แต่เจ้าก็ยังโง่เขลายิ่งนัก เจ้าจะคู่ควรกับปิ่นเฟิ่งที่เป็นสมบัติแห่งพระราชมารดาแห่งตงหลิงได้อย่างไร ทหาร นำปิ่นเฟิ่งในมือของเฟิ่งชิงเฉินไปยังไต้เมี่ยว ข้าต้องการนำปิ่นเฟิ่งไปบูชาหน้าหลุมศพของจักรพรรดิและฮองเฮาองค์ก่อน”
“จักรพรรดิ……” ปิ่นเฟิ่งสำหรับเฟิ่งชิงเฉินมันคือสิ่งป้องกันตัว สนมเอกเซี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ถือกับยืนไม่อยู่ รู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ
หากนางไม่เชิญเฟิ่งชิงเฉินเข้ามาในพระราชวัง เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นความผิดของนาง……
จักรพรรดิไม่สนใจสนมเอกเซี่ย และไม่สนความเห็นของเฟิ่งชิงเฉิน สั่งให้คนมานำปิ่นเฟิ่งไปทันที
การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่า จักรพรรดิไม่รักษาเกียรติของตนเองโดยสิ้นเชิง แย่งปิ่นเฟิ่งไปจากมือของเฟิ่งชิงเฉิน แต่แม้จักรพรรดิจะมีเหตุผลที่ดี เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อาจปฏิเสธได้……
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินนิ่งสงบ ไม่รู้สึกปวดใจที่ปิ่นเฟิ่งถูกชิงไปเลยแม้แต่น้อย ต่อให้จักรพรรดิจะเห็นค่าของมันหรือไม่ จักรพรรดิก็ยังคงรังเกียจเฟิ่งชิงเฉินอยู่ดี
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีสมบัติล้ำค่าเฉกเช่นปิ่นเฟิ่งอยู่ในมือ เจ้าอาจจะไม่จำเป็นต้องเคารพข้า ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นเด็กและโง่เขลายิ่งนัก ดังนั้นข้าจะไว้ชีวิตเจ้า พ้นโทษประหาร แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยงการลงโทษได้……”
คำพูดนี้ของจักรพรรดิแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการลงโทษเฟิ่งชิงเฉิน ฮองเฮาแอบดีใจอยู่เงียบ ๆ วันนี้การเคารพของนางไม่สูญเปล่า แต่หลังจากฮองเฮาดีใจได้ไม่นาน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น……
ในตอนที่จักรพรรดิกำลังกล่าวโทษเฟิ่งชิงเฉิน เสียงกระแทกพื้นก็ดังขึ้น จู่ ๆ สนมเอกเซี่ยก็ล้มลงพื้น
“อร๊าย……ลูกข้า……ลูกของข้า” สนมเอกเซี่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลออกมาจากต้นของนาง ไม่นานเสื้อผ้าของสนมเอกเซี่ยก็เปียกโชกไปด้วยเลือด
เสียงดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้จักรพรรดิและฮองเฮาตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากนางเห็นว่าสนมเอกเซี่ยจงใจล้มลงด้วยตนเอง หรือพูดอีกอย่างก็คือ สนมเอกเซี่ยจงใจล้มลงก็เพื่อที่จะช่วยนาง ทำให้จักรพรรดิหมดโอกาสที่จะกล่าวโทษนาง
คำไหนคำนั้น หากจักรพรรดิกล่าวโทษออกมาแล้ว วันนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางรอดพ้นจากโทษนั้นเป็นอันขาด แต่หากยังไม่พูดออกมา ใครก็ไม่สามารถทำอะไรเฟิ่งชิงเฉินได้ทั้งนั้น
อาจกล่าวได้ว่าเจตนาของสนมเอกเซี่ยนั้นเป็นสิ่งที่ดี
“พระสนมของข้า……” จักรพรรดิไม่สนใจเฟิ่งชิงเฉิน หันไปหาสนมเอกเซี่ยที่อยู่ข้าง ๆ ทันที
ไม่ว่าอย่างไรสนมเอกเซี่ยก็กำลังตั้งครรภ์ทายาทของมังกร จักรพรรดิจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร เขาตั้งความหวังไว้กับเด็กคนนี้สูงมาก
ใบหน้าของฮองเฮาเองก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ยืนอยู่รอบ ๆ ของสนมเอกเซี่ย ในใจสาปแช่งว่าเหตุใดสนมเอกเซี่ยจึงไม่ล้มลงไปตั้งแต่แรก เหตุใดจึงมาล้มลงตอนที่จักรพรรดิกำลังกล่าวโทษเฟิ่งชิงเฉิน ช่างเป็นโชคดีของเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก
“ฝ่าบาท ข้ารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก ลูกของข้า……ฝ่าบาท ได้โปรดช่วยลูกของพวกเราด้วย” ร่างกายของสนมเอกเซี่ยเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ชั่วพริบตาก็เหมือนกับน้ำทั้งร่างกายของนางไหลออกมา มือทั้งสองข้างจับแขนของจักรพรรดิไว้แน่น ดูเหมือนกำลังพึ่งพาจักรพรรดิอยู่
“พระสนมของข้าวางใจ มีข้าอยู่ มีข้าอยู่ด้วย เจ้ากับลูกไม่มีทางเป็นอะไรอย่างแน่นอน หมอหลวง รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว……” จักรพรรดิตะโกนออกไปดังลั่น ดูจากท่าทางการแสดงออกของเขาแล้ว เขาให้ความสำคัญกับเด็กในท้องเป็นอย่างมาก
“ฝ่าบาท……ข้ารู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน” สนมเอกเซี่ยจับมือของจักรพรรดิไม่ยอมปล่อย ไม่ยอมให้จักรพรรดิไปไหน แม้ว่าจะเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแค่ไหน สนมเอกเซี่ยก็ไม่ลืมส่งสายตาให้เฟิ่งชิงเฉินเพื่อบอกให้นางใช้โอกาสนี้รีบออกไปจากพระราชวัง
เมื่อออกไปจากพระราชวังก็มีเสด็จอาเก้าคอยปกป้อง จักรพรรดิไม่มีทางทำอะไรเฟิ่งชิงเฉินได้เป็นแน่
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แต่นางไม่ได้จากไปไหน เพียงแค่ยืนอยู่ด้านนอกของกลุ่มคนเหล่านั้น
สนมเอกเซี่ยล้มลงไปนั้นเป็นการล้มจริง ๆ แม้ว่าอยู่ในช่วงเวลาใกล้คลอดของสนมเอกเซี่ย แต่การล้มลงเช่นนี้ก็เป็นอันตรายอย่างมาก จริงอยู่ว่าหมอหลวงในพระราชวังนั้นมีความสามารถอันยอดเยี่ยม แต่พวกเขาก็ล้วนแต่เป็นผู้ชาย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับสนมเอกเซี่ยจริง ๆ พวกเขาคงไม่อาจช่วยรักษาได้ นางจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่
สนมเอกเซี่ยยอมทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการช่วยเหลือนาง และนางจะปล่อยสนมเอกเซี่ยไปทั้งแบบนี้ได้อย่างไร
สนมเอกเซี่ยเจ็บปวดจนไม่อาจควบคุมสติอารมณ์ได้ เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินรับรู้ในสิ่งที่นางต้องการแล้ว นางก็ไม่เป็นห่วงเฟิ่งชิงเฉินอีกต่อไป เวลานี้สิ่งที่นางกังวลคือลูกในท้องของนาง แม้ตอนที่นางล้มลง นางตั้งใจที่จะปกป้องท้องของนางเป็นอย่างดี แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
เบาะรองนั่งนุ่ม ๆ มาถึงแล้ว นางกำนัลและขันทีพยุงสนมเอกเซี่ยขึ้น ในที่สุดสนมเอกเซี่ยก็ปล่อยมือจากจักรพรรดิ แต่ก็ไม่ลืมที่จะกล่าวออกมาอย่างน่าสงสาร “ฝ่าบาท ข้ารู้สึกกลัวเหลือเกิน”
“ข้าอยู่นี่ เจ้าไม่ต้องกลัว” เวลานี้ จักรพรรดิจะมีกะจิตกะใจไปสนใจเฟิ่งชิงเฉินได้อย่างไร พาฮองเฮาไปยังตำหนักจาวเยี่ยน ฮองเฮายังจำเรื่องของเฟิ่งชิงเฉินได้ แต่หลังจากหันกลับมาก็ไม่เห็นหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว
หลบได้หนึ่งครั้ง แต่ไม่อาจหลบได้ตลอดไป ฮองเฮาเรียกมามาที่อยู่ด้านข้างเข้ามากระซิบสองสามคำ มามาพยักหน้า จากนั้นก็รีบไปปฏิบัติตามคำสั่ง……
หลังจากเฟิ่งชิงเฉินแอบหนีออกมาแล้ว นางก็วางแผนที่จะไปหานางสนมสักคนที่รู้จักให้พานางไปยังตำหนักจาวเยี่ยน แต่ตอนที่เดินออกมาได้เพียงสองก้าว นางก็พบกับนางสนมอี้ที่ออกมาเดินเล่น
นางสนมอี้ดีใจมากที่ได้เชื่อมความสัมพันธ์กับเฟิ่งชิงเฉิน ตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวว่าต้องการให้นางสนมอี้พาไปยังตำหนักจาวเยี่ยน นางสนมอี้ก็รับปากโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น
อย่างไรเสียก็เป็นการแอบพาเฟิ่งชิงเฉินไป หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง นางก็เพียงบอกว่าตนเองไม่รู้เรื่องก็จบ ยิ่งไปกว่านั้นสนมเอกเซี่ยเองก็ใกล้จะคลอด นางเองก็อยากไปเยี่ยมเช่นกัน
“เจ้าก็แค่แฝงตัวไปกับสาวใช้ในพระราชวัง วันนี้เสื้อผ้าที่เจ้าสวมใส่ก็ไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใด เวลานี้ตำหนักจาวเยี่ยนกำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ขอเพียงแค่เจ้าไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขาก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเจ้า”
นางสนมอี้เองก็มีแผนของตนเองอยู่เช่นกัน นางให้สาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คล้ายกับเฟิ่งชิงเฉิน ด้วยเหตุนี้เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปอยู่ในหมู่ของสาวใช้ นางก็จะไม่โดดเด่นออกมา
เฟิ่งชิงเฉินเดินมาถึงตำหนักจาวเยี่ยน ตำหนักจาวเยี่ยนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทุกคนกำลังยุ่งและจริงจัง สาวใช้และหมอหลวงไม่กล้าออกเสียง เนื่องจากเสียงร้องของสนมเอกเซี่ยค่อย ๆ อ่อนแอลงเรื่อย ๆ
หมอหลวงเป็นผู้ชายไม่สามารถเข้าไปในห้องคลอดได้ ทำได้เพียงรออยู่ด้านนอก ในห้องคลอดมีเพียงนางผดุงครรภ์และหมอหลวงที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น สนมเอกเซี่ยกรีดร้องออกมาราวกับหัวใจของนางแหลกสลาย เลือดจำนวนมากไหลออกมา ไม่มีเสียงเด็ก หมอหลวงตรวจสอบชีพจรผ่านผ้าม่าน ใบหน้าของเขาน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ
“ฝ่าบาท ร่างกายของเหนียงเหนียงอ่อนแอยิ่งนัก เกรงว่าคงไม่อาจทนต่อไปได้”
เมื่อเสียงของหมอหลวงเงียบลง นางผดุงครรภ์ก็วิ่งออกมา คุกเข่าลงพื้นพร้อมกล่าวว่า “ฝ่าบาท ข้าไร้ความสามารถ เหนียงเหนียงกำลังตกที่นั่งลำบาก จักรพรรดิต้องการปกป้องแม่หรือเด็ก?”
ในช่วงเวลาทำการคลอด สิ่งที่ครอบครัวกลัวที่สุดก็คือสิ่งนี้
ปกป้องแม่หรือลูก?
เมื่อได้ยินหมอถามคำถามนี้ ผู้เป็นพ่อทุกคนจะต้องต่อสู้กับความเจ็บปวด แต่ในฐานะจักรพรรดิ เขาไม่มีทางลังเลกับเรื่องเช่นนี้
หากจักรพรรดิโปรดปรานในตัวของสนมเอกเซี่ยก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงจักรพรรดิสนใจเพียงเด็กในท้องของสนมเอกเซี่ยเท่านั้น จักรพรรดิตอบออกไปโดยไม่คิด “ปกป้องลูก”
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง” นางผดุงครรภ์ตอบรับคำสั่ง กลับเข้าไปอีกครั้ง ไม่สนว่าชีวิตของสนมเอกเซี่ยจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
สนมเอกเซี่ยเจ็บปวดจนแทบเสียสติ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดของจักรพรรดิที่ว่า “ปกป้องลูก” นางกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ฮ่าฮ่าฮ่า……” สนมเอกเซี่ยโกรธมาก จู่ ๆ นางก็หัวเราะออกมา ยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก แต่รอยยิ้มนี้ไม่มีใครที่ได้เห็นมัน……
แม้ว่านางจะรู้อยู่แล้วว่าจักรพรรดิคิดเช่นไร แต่เมื่อได้ยินจักรพรรดิตอบออกมาอย่างไม่ลังเล สนมเอกเซี่ยก็อดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้
ผู้ชายของนางเซี่ยเหยียนไค สามีของนางเซี่ยเหยียนไค เป็นคนเช่นนี้อย่างนั้นหรือ……
“ฮ่าฮ่าฮ่า……ฮือฮือฮือ” สนมเอกเซี่ยหัวเราะทั้งน้ำตา บรรยากาศในห้องคลอดก็บีบคั้นจนน่ากลัว
“เหนียงเหนียง เหนียงเหนียง ท่านอย่างเป็นเช่นนี้ ข้าเจ็บปวดเป็นอย่างมากที่เห็นท่านอยู่ในสภาพเช่นนี้” ในห้องคลอดยังมีนางกำนัลและหมอหลวงผู้หญิงที่คอยดูแลสนมเอกเซี่ยอยู่ พวกนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดแทนสนมเอกเซี่ย
แต่มีนางกำนัลหรือนางสนมคนไหนที่ต่างไปจากนี้ สำหรับจักรพรรดิ ขาดผู้หญิงไปคนหนึ่งมันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร สนมเอกเซี่ยเสียชีวิตเพราะคลอดบุตร ตระกูลเซี่ยก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้……