นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 1078 สถานะ,ที่นี่ไม่ใช่บ้านของข้า
นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1078
ระหว่างพวกเรายังมีอะไรต้องปิดยังกัน……
หวังจิ่นหลิงรู้สึกแสบจมูก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่ คำพูดนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน ทำให้ความคิดทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในใจของเขาพรั่งพรูออกมา
จริงอยู่ว่าเขากับเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่มีเรื่องอะไรต้องปิดบังกัน แต่ทั้งหมดเป็นเพราะเขาอยู่ในฐานะเพื่อน ทำให้เขาสามารถพูดคุยได้อย่างปกติ เขากับเฟิ่งชิงเฉินสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ยกเว้นแต่เรื่องของความรู้สึกที่ไม่อาจพูดออกมาได้
เฟิ่งชิงเฉินเห็นเขาเป็นเพื่อนมาตั้งแต่แรก และปฏิเสธเขาอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่ม และตอนแรกเขาเองก็เห็นเฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่ง ไม่เคยนึกถึงเรื่องเพศของนางเลย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ จะมีวันที่เขาหันมาชอบผู้หญิงคนนี้
ตอนแรก ในสายตาของเขาเฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงคนที่ควรค่าแก่การเป็นเพื่อน และไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเฟิ่งชิงเฉินนั้นเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงคิดกับเขาและรู้สึกเหมือนกับตอนที่รู้จักกันตอนแรก ปฏิบัติกับเขาในฐานะเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยได้ทุกอย่าง เป็นเพื่อนเก่าที่ไว้ใจ
นี่ถือเป็นความโชคดีของเขาและเป็นความโศกเศร้าในเวลาเดียวกัน หวังจิ่นหลิงไม่รู้ว่าควรโทษฟ้าหรือโทษตนเองที่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินมาถึงตอนนี้
หวังจิ่นหลิงแอบยิ้มอย่างขมขื่นกับตัวเอง กะพริบตาเบา ๆ ลดศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนความเจ็บปวดในดวงตาของเขา เก็บซ่อนความคิดที่มีอยู่ในใจเพื่อไม่ให้เฟิ่งชิงเฉินสังเกตเห็นมัน
เฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่ด้านหน้าของหวังจิ่นหลิง แต่นางไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ นางจึงถามออกมาด้วยความเป็นห่วงว่า “จิ่นหลิง? มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่มีอะไร” หวังจิ่นหลิงเงยหน้าขึ้น ยิ้มพร้อมส่ายหน้า ดวงตาของเขาอบอุ่นเหมือนเมื่อก่อน สงบนิ่งไม่มีระลอกคลื่น แม้แต่เขาก็สามารถหลอกตัวเองได้ มันแสดงให้เห็นว่าเขาซ่อนความรู้สึกที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉินไว้ลึกเพียงใด
เขาจะจำเอาไว้ คำสัญญาระหว่างเพื่อนของพวกเขา
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้สึกสงสัยถึงมันเลยแม้แต่น้อย นางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ข้าตกใจแทบแย่ เห็นใจไม่พูดอะไรตั้งนาน ข้าคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าเสียอีก”
“ตระกูลหวังอยู่ในการควบคุมของข้าแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง มันจะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง” จิ่นหานเสียสละเพื่อแลกกับความมั่นคงของตระกูลหวัง หวังจิ่นหลิงไม่ยอมให้ตระกูลหวังเป็นอะไรไปใต้ดูแลของเขา
“ไม่มีเรื่องอะไรก็ดีแล้ว จิ่นหานเป็นอย่างไรบ้าง? อาการดีขึ้นมาหรือยัง?” เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาอย่างสบายใจ ไม่รู้เลยว่าตนเองถูกหวังจิ่นหลิงชักนำ และลืมเรื่องเกี่ยวกับท่าทางผิดปกติของหวังจิ่นหลิงเมื่อครู่ไปเสียสนิท
“ดีขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เขายืนได้แล้ว” หวังจิ่นหลิงพูดเกี่ยวกับเรื่องของจิ่นหานมาพอประมาณ หลังจากพูดที่เกี่ยวกับหวังจิ่นหานเป็นที่เรียบร้อย หวังจิ่นหลิงก็ถามออกมา ถามเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่เขามาหาเฟิ่งชิงเฉินในวันนี้ “ชิงเฉิน เจ้าคิดจะอยู่ที่จวนอ๋องเก้าไปอีกนานแค่ไหน?”
“เรื่องนี้……มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินได้ยินเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่
หวังจิ่นหลิงยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวปลอบโยนออกมาว่า “มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่ข่าวลือด้านนอกนั้นไม่ค่อยน่าฟังเสียเท่าไหร่”
เฟิ่งชิงเฉินตะลึงงัน จากนั้นก็พยักหน้าออกมา “ข้าเข้าใจแล้ว”
ส่วนเรื่องที่ข่าวลือนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร แน่นอนว่าหวังจิ่นหลิงจะไม่พูดมันออกมา สิ่งเลวร้ายพวกนั้นเขาไม่อาจพูดออกมาได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ถามหรือพูดถึงเรื่องพวกนี้ แต่หวังจิ่นหลิงกลับมาหานางและพูดกับนางเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ นั่นแสดงว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดธรรมดาทั่วไป
หวังจิ่นหลิงรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินมีแผนการของตัวเอง เขาจึงไม่พูดอะไรออกมามาก ยืนขึ้นและกล่าวลา “ชิงเฉิน หากมีเรื่องอะไรก็ส่งคนไปหาข้า ช่วงนี้ข้าอยู่ในเมืองจักรพรรดิตลอดเวลา”
“ได้เลย” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ยืนขึ้นและเดินไปส่งหวังจิ่นหลิง แต่หวังจิ่นหลิงกลับปฏิเสธ “ข้ากลับเองได้” คิดไปคิดมา หวังจิ่นหลิงก็ระงับวิญญาณสุภาพบุรุษในตัวเขา และพูดออกมาตามใจของตัวเองว่า “ชิงเฉิน ข้ารู้ว่าเรื่องบางเรื่องเจ้าอาจจะไม่ใส่ใจกับมัน แต่……เจ้าควรเตรียมตัวไว้ก่อนจะดีกว่า”
ต่อให้ไม่คิดเพื่อตัวเอง แต่ก็ต้องคิดเพื่อแม่ทัพเฟิ่งและเฟิ่งฮูหยิน เฟิ่งชิงเฉินทำบางสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับกระแสของสังคม คนอื่นไม่เพียงแต่จะสาปแช่งและดูถูกเฟิ่งชิงเฉิน แต่พวกเขายังว่าไปถึงแม่ทัพเฟิ่งกับเฟิ่งฮูหยิน ด่าว่าจวนเฟิ่งไม่สั่งสอน หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย
คนที่ต้องขายหน้าไม่ได้มีเพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินคนเดียว แต่มันเป็นทั้งจวนเฟิ่ง
เสด็จอาเก้าอยู่ร่วมกับเฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นสิ่งที่โลกไม่ยอมรับตั้งแต่แรก ช่องว่างระหว่างเสด็จอาเก้ากับเฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่ไหน แม้มันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน แต่ทุกคนก็คงโจมตีมาที่เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินออดอ้อน อ่อยผู้ชาย หว่านเสน่ห์ใส่เสด็จอาเก้าเพื่อหวังสบายใจอนาคต
เป็นเพียงความแข็งแกร่งของเสด็จอาเก้าที่แสดงให้เห็นมาตลอดว่าเขากำลังตามจีบเฟิ่งชิงเฉิน เดินทางไปยังจวนเฟิ่งอยู่บ่อย ๆ และเฟิ่งชิงเฉินเองก็มาจวนอ๋องเก้าเป็นครั้งคราว ต่อให้เข้ามาในจวนก็ไม่เคยค้างคืน
แม้ว่าคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินจะเป็นความจริงมาโดยตลอด ประกอบกับการกระทำของเสด็จอาเก้า ทำให้ต่อให้ยากที่จะเชื่อแค่ไหนมันก็ยังคงเป็นความจริง แต่เวลานี้นั้นต่างกันออกไป ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิลือกันว่าฉู่ฉางฮว๋าจะแต่งงานกับเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินย้ายเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องเก้า เข้ามาอยู่ราวกับเป็นเจ้าบ้าน เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ทำให้คำพูดที่กล่าวหาเฟิ่งชิงเฉินยิ่งฟังดูน่าเกลียดขึ้นเรื่อย ๆ
หวังจิ่นหลิงสนับสนุนเฟิ่งชิงเฉินมาโดยตลอด แม้ว่ามันจะไม่เหมาะสมในเรื่องของมารยาท แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ยึดมั่นในมารยาท เขาไม่อาจทนฟังและยอมรับข้อกล่าวหาของคนภายนอกที่ต่อว่าและสาปแช่งเฟิ่งชิงเฉินในทางเสียหายได้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็ยิ่งตกเป็นเหยื่อ หากเสด็จอาเก้าเด็ดขาดกว่านี้และแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉินไปโดยตรง ต่อให้คนนอกจะสาปแช่งหรือต่อว่าเฟิ่งชิงเฉินอย่างไร ความจริงทุกอย่างมันก็มีเหตุผลมารับรองอยู่แล้ว
แต่เวลานี้มันเป็นแบบนั้นอย่างงั้นหรือ? เฟิ่งชิงเฉินถูกคนภายนอกต่อว่า ไม่ได้ในสิ่งที่นางควรได้รับ แบบนี้มันช่างไม่ยุติธรรมกับเฟิ่งชิงเฉินเอาเสียเลย……
หวังจิ่นหลิงจากไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย นางนั่งอยู่ตรงนั้น มือขวาของนางลูบไปตรงที่วางแขน ร่างกายของนางแข็งทื่อ น้ำตาคลอออกมาตรงขอบตาแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา
นางรู้ว่าหวังจิ่นหลิงพูดถึงเรื่องอะไร และรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงของหวังจิ่นหลิง ในจวนอ๋องเก้า นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่เหมือนกับคนพิการ ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้ คนของนางไม่ได้อยู่ที่นี่ นางไม่ได้ออกไปไหนมาไหน ข่าวสารจากด้านนอกเองก็เข้ามาไม่ถึง นางทำได้เพียงฟังเรื่องราวเหล่านั้นจากปากของพ่อบ้านเท่านั้น และกว่าจะมาถึงนาง เรื่องราวเหล่านั้นก็ผ่านการกลั่นกรองจากพ่อบ้านมาแล้ว
“ข้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” เฟิ่งชิงเฉินพึมพำออกมา เงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
จริงอยู่ว่านางชอบเสด็จอาเก้า การที่นางอยู่กับเสด็จอาเก้ามันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่มันผิดต่อชื่อเสียงของตนเอง และชื่อเสียงที่มีต่อเสด็จอาเก้า
“จวนเฟิ่งเหลือเพียงแค่ข้าคนเดียว แต่ข้ากลับยังทำให้จวนเฟิ่งต้องอับอาย ข้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่?” เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปากของตนเอง ไม่ยอมให้น้ำตาไหลออกมา
“ข้าสนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจว่าจวนเฟิ่งจะเป็นอย่างไร ในโลกนี้ยังมีใครที่เห็นแก่ตัวกว่าข้าอีกงั้นหรือ?”
คนรับใช้ในจวนอ๋องเก้านั้นมีอยู่ไม่มาก พ่อบ้านก็มีเรื่องมากมายให้ทำ เรื่องทุกเรื่องในจวนอ๋องเก้าล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเสด็จอาเก้า ไม่มีเวลามาดูแลเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่ในห้องรับรองมาโดยตลอด ไม่มีใครเข้ามารบกวน และไม่มีใครเข้ามาถามไถ่
เฟิ่งชิงเฉินกลับออกมาจากความคิดอันลึกซึ้ง นางพบว่าตนเองนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในห้องรับรองมานานกว่าครึ่งชั่วโมง ไม่มีใครเข้ามาถามอะไรนาง เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาที่มุมปาก ใบหน้านั้นน่าเกลียดกว่าตอนที่นางร้องไห้เสียอีก
นี่คือความแตกต่างระหว่างบ้านของตนเองกับบ้านของคนอื่น ทุกคนจะยึดถือการตัดสินใจของนางเป็นหลัก ไม่ต้องพูดถึงการนั่งอยู่คนเดียวเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง แค่ระยะเวลาหนึ่งก้านธูป หากเห็นนางอยู่คนเดียว คนรับใช้ของนางก็จะเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ต่อให้ไม่ถามก็จะนำชาหรือไม่ก็ขนมหวานมามอบให้
พ่อบ้านบอกให้นางออกไปป่าวประกาศถึงสิทธิ์ในการครอบครองเสด็จอาเก้า แต่นางกลับไม่มีอำนาจในจวนอ๋องเก้า มองจากภายนอกคนรับใช้ในจวนอ๋องเก้าปฏิวัติต่อนางราวกับว่านางเป็นนายหญิง แต่ในความเป็นจริง?
นางไม่สนใจสถานะที่นางเป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย อะไรที่ไม่ใช่หรือไม่ควรมันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าทุกคนจะคิดว่านางเป็นนายหญิงแห่งจวนอ๋องเก้า แต่โดยเนื้อแท้แล้วนางก็ยังเป็นเพียงแค่ “แขก” คนหนึ่ง เป็นแขกคนหนึ่งที่เข้ามาอาศัยอยู่ในจวนอ๋องเก้าอย่างไร้ยางอาย