นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 120 ต้องสู้
บทที่ 120 ต้องสู้!
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สีหน้าของตงหลิงจื่อลั่วดีขึ้นเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินแตะที่หน้าผากของเขา พบว่าไม่สามารถแน่ใจได้หากสวมถุงมืออยู่ แต่หากถอดถุงมือก็ลำบาก นางจึงใช้หน้าผากแตะเบาๆ
“โชคดีจริงๆ ที่ยังไม่มีไข้ แต่อีกไม่นานคงจะเป็นไข้สูง” เขาทั้งสองสัมผัสกันแค่วินาทีเดียว สำหรับเฟิ่งชิงเฉินแล้ว นางไม่รู้สึกกระไร
แต่… ตงหลิงจื่อลั่วซึ่งอยู่ในอาการหมดสติอย่างหนัก กลับฟื้นสติขึ้นมาเล็กน้อยในตอนนี้
ท่ามกลางความสับสนมันงง เขารู้สึกว่ามีใบหน้าที่สวยงามมากกำลังเข้าใกล้เขา แต่เขาจับต้องไม่ได้ เขารู้สึกเพียงว่าช่วงเวลาที่ใบหน้านั้นเข้าใกล้เขา ร่างกายของเขาก็อบอุ่นขึ้น น่าเสียดายที่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เกินกว่าที่เขาจะคว้าเอาไว้ได้
ตงหลิงจื่อลั่วบ่นด้วยความไม่พอใจ เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองไปที่เขา แต่ไม่ได้ใส่ใจ
ป่วยจนสับสนไปหมด
หลังจากยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ในที่สุดร่างกายของตงหลิงจื่อลั่วสามารถทนต่อความเสียหายที่เกิดจากการดึงลูกธนูออกแล้ว เฟิ่งชิงเฉินหยิบกรรไกรและตัดกางเกงของตงหลิงจื่อลั่วออกทั้งหมดพร้อมตัดลูกธนูส่วนที่อยู่นอกร่างกายไปด้วย
ไม่มีทางที่จะทำความสะอาดแผลอย่างละเอียดได้ เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ได้มีจิตใจที่ดีเช่นนั้น นางเปิดขวดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เฟิ่งชิงเฉินเทลงบนขาของตงหลิงจื่อลั่วโดยตรง
ยาบนแผลถูกแอลกอฮอล์ชะล้างออกไปจนหมด และแอลกอฮอล์ก็แทรกซึมเข้าไปในบาดแผล และได้ยินเสียงของดัง “ซี่ ซี่” แต่ตงหลิงจื่อลั่วกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ขาขวาของเขาให้เฟิ่งชิงเฉินจัดการทั้งหมด
เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเป็นคนที่รักษาของสวยงามกระไรอย่างดี มือซ้ายของนางเทแอลกอฮอล์ลงบนบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วต่อไป ส่วนมือขวาถือแหนบและหนีบสำลีเช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่รอบบาดแผล และห้ามเลือดในขณะเดียวกัน
หลังจากใช้แอลกอฮอล์หมดไปหนึ่งขวด เฟิ่งชิงเฉินก็เริ่มทำความสะอาดบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งตกค้างใด ๆ หลังจากที่ทำความสะอาดแผลเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็เปิดแผลด้วยแหนบ จากนั้นนางได้เห็นหัวลูกธนูที่ปักอยู่ในเนื้อ …
Smart address bar. th.readeraz.com นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 120 ต้องสู้! – th.readeraz
สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินเปลี่ยนไป มือที่ถือแหนบสั่น และแหนบตกลงที่พื้น
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
หัวลูกศรมีหนามสวนทาง เฟิ่งชิงเฉินเคยเห็นหนามแบบนี้มาก่อน อาการบาดเจ็บของหลานจิ่วชิงก็เป็นแบบนี้ หนามนั้นทรมานมาก หากว่าดึงออกมาจะต้องเกี่ยวเนื้อออกมาด้วยอย่างแน่นอน และถึงขั้นเกี่ยวเส้นเลือดขาด และเสียชีวิตเนื่องจากไม่สามารถห้ามเลือดได้
ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาที่จะดึงหัวลูกธนูชนิดนี้ และบางครั้งต้องผ่าแผลออกมาด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อหลอดเลือด
ตงหลิงจื่อลั่วได้รับบาดเจ็บที่หลอดเลือดแดง เดิมก็ไม่ง่ายที่จะรับมือ หากว่าจัดการไม่ดี เขาจะตายเพราะเสียเลือดมาก แต่เมื่อเปิดแปลออกมา เฟิ่งชิงเฉินก็ตระหนักว่ามันไม่ใช่แค่ยากอย่างเดียว
หนามของหัวลูกธนูติดอยู่ระหว่างหลอดเลือดสองเส้นที่บางมาก อย่าว่าแต่เอาลูกธนูออกมาแล้ว แม้แต่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็อาจทำให้หนามเหี่ยวเส้นเลือดจนขาดได้
เลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอจะทำให้เนื้อใต้ต้นขาตายได้ ในกรณีนี้ หมอจะเกลี้ยกล่อมให้ครอบครัวของผู้ป่วยเลือกตัดขา ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คนไข้ปลอดภัยได้
ชิงเฉินมองไปที่ตงหลิงจื่อลั่ว นี่เป็นครั้งแรก นางไม่รู้ควรทำอย่างไรดี
การตัดขาเป็นวิธีที่ดี แต่ไม่สามารถใช้ได้ และนางไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย
เสด็จอาเก้า เจ้าสร้างปัญหาใหญ่ให้ข้าจริงๆ
เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ ก้มศีรษะลงและหยิบแหนบที่อยู่บนพื้นขึ้นแล้ววางทิ้งไว้
ทำให้ดีที่สุด ฟังชะตากรรม ตอนนี้นางทำได้แค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
“คงจะดีหากว่านางมีผู้ช่วย อย่างน้อยก็มีคนที่สามารถช่วยข้าได้ หากว่าข้าทำเองทั้งหมดไม่รู้ว่าจะไหวหรือไม่?”
เฟิ่งชิงเฉินขจัดความรำคาญและความเศร้าใจออก นางนำมีดผ่าตัดหมายเลข 3 ออกจากถาดอุปกรณ์ และคราวนี้นางใช้วิธีนั่งยอง
นางนั่งยองข้างตงหลิงจื่อลั่ว นางเปิดบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วด้วยมือข้างหนึ่ง และมือที่ถือมีดพยายามกรีดแผล เพื่อที่จะลองว่าจะสามารถสอดนิ้วเข้าไปขยับเส้นเลือดออกไปได้หรือไม่
เมื่ออยู่ในป่า หากถูกยิงที่ต้นขาและหลอดเลือดแตก ในกรณีที่มีอุปกรณ์ผ่าตัดไม่พร้อม สามารถสอดนิ้วเข้าไปในบาดแผลโดยตรง แล้วดึงเอาหลอดเลือดที่อยู่ในต้นขาออกมาเย็บ
หลอดเลือดมีบางและหนา เส้นที่หนาเหมือนเส้นเลือดใหญ่และท่อเลือดดำ โดยทั่วไปมีความหนาประมาณนิ้วเราสองถึงสามนิ้ว สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและสามารถเย็บได้โดยตรง
ส่วนหลอดเลือดขนาดเล็กเหล่านั้น จะต้องเย็บภายใต้กล้องจุลทรรศน์ด้วยอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์
หลอดเลือดใหญ่ของตงหลิงจื่อลั่วได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้หลอดเลือดเล็กทั้งสองเส้นนี้ก็อาจไม่สามารถรักษาได้
และไม่ความหลอดเลือดจะหนาบางแค่ไหน ก็ต้องพลิกออกมาแล้วเย็บเข้ากัน เพราะหากว่าในเส้นเลือดไม่เรียบ อาจก่อให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน เช่นนั้นหลอดเลือดจะอุดตัน และขณะที่ทำการเย็บ สัดส่วนของหลอดเลือดแดงและดำคือหนึ่งต่อสอง เช่นนี้จึงจะสามารถไหลเวียนโลหิตได้ปกติ
ในเวลาเดียวกัน เข็มสำหรับเย็บหลอดเลือดก็เป็นเข็มที่พิเศษเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วเข็มและด้ายจะอยู่รวมกัน ด้ายหนึ่งเส้นและทั้งสองปลายของด้ายเป็นเข็ม
กล่าวโดยสรุป งานนี้ละเอียดอ่อนมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทดสอบทักษะของหมอเท่านั้น แต่ยังทดสอบสภาพทางจิตใจของหมอด้วย
ตราบใดที่มือสั่น ทุกอย่างที่ทำมาก็ล้มเหลวทันที
และอาการบาดเจ็บของตงหลิงจื่อลั่วไม่เพียงแต่ทดสอบสองจุดข้างต้น แต่ยังทดสอบด้วยว่าฝีมือของหมอนั้นไวมากพอหรือไม่
หลอดเลือดแดงหนึ่งเส้น หลอดเลือดขนาดเล็ก 2 เส้น ในกรณีนี้ แม้แต่พระเจ้าก็รับมือไม่ได้ หากเป็นยุคปัจจุบัน แผลแบบนี้ต้องการศัลยแพทย์ผ่าตัดอย่างน้อย 3 คนมาร่วมมือกัน
ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้เลย อย่าว่าแต่ศัลยแพทย์ผ่าตัด แม้แต่ผู้ช่วยนางก็ไม่มี
หลอดเลือดแดงอยู่ด้านบนและหลอดเลือดเล็ก 2 เส้นอยู่ด้านล่าง ตามหลักแล้วนางควรเย็บหลอดเลือดขนาดเล็กก่อน แล้วจึงเย็บหลอดเลือดแดงใหญ่ แต่…
หลังจากที่นางเย็บหลอดเลือดขนาดเล็กเรียบร้อยแล้ว ตงหลิงจื่อลั่วคงเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากไปนานแล้วล่ะ
แต่ถ้าเย็บหลอดเลือดแดงก่อนแล้วเย็บหลอดเลือดเล็ก หลอดเลือดแดงจะปิดกั้นหลอดเลือดขนาดเล็กสองเส้นเอาไว้
แม้ว่าทั้งสองจะสำคัญทั้งคู่ แต่มันยากที่เราจะรักษามันเอาไว้ทั้งสอง
เดิมทีนางก็ไม่ค่อยแน่ใจแล้วว่าจะดึงลูกธนูที่หักออกแล้วเย็บหลอดเลือดแดงนี้ได้ ตอนนี้เจอกับหลอดเลือดเล็กทั้งสองอีก นางอยากจะยอมแพ้เสียจริง แต่นางดันไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ
อาชีพหมอ ไม่เคยเป็นอาชีพที่อิสระ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ นางไม่สามารถออกไปพูดกับจักรพรรดิและฮองเฮาได้ว่า ” ข้าขอโทษ ข้าพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว แต่การผ่าตัดล้มเหลว”
เห้อ……
นางยอมแพ้ก็ตาย สู้ก็ตาย เฟิ่งชิงเฉินไม่ลังเลใจอีกต่อไป มีดผ่าตัดและแหนบชนิดต่างๆ หมุนไปมาอยู่ในมือนาง….
เฟิ่งชิงเฉินกรีดแผลให้กว้างที่สุด สอดนิ้วเข้าไป และต้องการเอาเส้นเลือดที่ติดอยู่ตรงหนามออก หรือไม่ก็เกี่ยวเส้นเลือดออกมาแล้วเย็บก่อน
เฟิ่งชิงเฉินเชื่อว่าด้วยฝีมือของตน นางสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ แต่อาจไม่เร็วเท่าไหร่นัก เพราะนี่เป็นงานที่ละเอียดอ่อน
ในสนามรบ เป็นเรื่องปกติที่จะบาดเจ็บที่เส้นเลือดเพราะกระสุน นางไม่มีทางที่จะย้ายกล้องจุลทรรศน์ไปเย็บแผล แม้ว่าจะย้ายกล้องจุลทรรศน์มาได้ ในสนามรบก็ไม่มีเงื่อนไขที่พร้อมจะวางเครื่องมือที่ซับซ้อนเช่นนี้
ของแบบนี้หากฝึกฝนมากจะสามารถชำนาญได้ ยิ่งเย็บมากฝีมือก็ยิ่งดี อีกอย่างในกระเป๋าแพทย์อัจฉริยะมีกล้องจุลทรรศน์ หากว่าเงื่อนไขพร้อม นางสามารถเอาเครื่องนั้นออกมาใช้ได้
แต่ทว่าเฟิ่งชิงเฉินเพิ่งเอานิ้วเข้าไปหนึ่งนิ้ว บาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วก็เริ่มมีเลือดออกจำนวนมาก ทำให้เฟิ่งชิงเฉินตกใจรีบดึงมือออกมา
“แบบนี้ไม่ได้ผล” เฟิ่งชิงเฉินปาดเหงื่อบนหน้าผากของตน แล้วเริ่มห้ามเลือดให้ตงหลิงจื่อลั่ว
เลือดหยุดไหลแล้ว แต่ยังไม่มีวิธีจัดการกับบาดแผล
เฟิ่งชิงเฉินวางมีดผ่าตัดกลับบนแผ่นเหล็ก นางยืนขึ้นและมองดูใบหน้าเจ็บปวดที่ยังดูหล่อเหลาของตงหลิงจื่อลั่ว เฟิ่งชิงเฉินกัดฟัน
ต้องสู้!
“ตงหลิงจื่อลั่ว เจ้าต้องอดทน ให้โอกาสข้าและให้โอกาสตัวเอง ไม่อย่างนั้นเราทั้งคู่จะตายกันหมด”