นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 134 ปฏิเสธ ข้าไม่ต้องการเป็นมือที่สาม
เฟิ่งชิงเฉินพลันปิดกล่องยาออกมา พร้อมทั้งมองไปยังตงหลิงจื่อลั่วด้วยความตกตะลึง “อะไร? ท่านเห็นอะไรไปบ้าง?”
ตึกตักตึกตักตึกตัก เฟิ่งชิงเฉินพลันได้ยินเสียงหัวใจของตนที่กำลังเต้นดังออกมาได้ในทันที
“เจ้าสนใจงั้นหรือ?”
ต้องสนใจอยู่แล้ว นั่นมันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของนางเลยทีเดียว
ยามที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังคิดที่จะเปิดปากถามออกมานั้น พลันพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
หากตงหลิงจื่อลั่วเห็นทั้งหมดนั้น เขาย่อมมิปล่อยนางไปง่ายดายแน่
ใจเย็น ๆ เฟิ่งชิงเฉินเจ้าต้องใจเย็น ๆ เข้าไว้ อาการของตงหลิงจื่อลั่วเมื่อวานเป็นเช่นไรเจ้ารู้ดี เขาย่อมมิได้มีสติเต็มร้อยแน่นอน แม้ว่าจะฟื้นขึ้นมา ก็ไม่อาจเห็นครบทุกอย่าง เขาเพียงแค่ลองเชิงนางเท่านั้น
ใช่ ต้องเป็นเช่นนี้แน่
อย่าได้คิดสนใจเขาเลย
เฟิ่งชิงเฉินพลันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พลางพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ที่กำลังว้าวุ่นของตนเอง พร้อมแย้มยิ้มขึ้นมาว่า “หากถูกหมอหลวงพบเห็นเข้า ข้าย่อมต้องสนใจ แต่ลั่วอ๋องนะหรือ? ชิงเฉินหาได้สนใจไม่ ลั่วอ๋องย่อมมิอาจคว่ำชามข้าวชิงเฉินได้ เนื่องจากว่าท่านไม่รู้จักการแพทย์”
“ที่แท้ เจ้าก็กังวลว่าผู้อื่นจะมาแย่งชามข้าวเจ้างั้นหรือ” ตงหลิงจื่อลั่วพลันใช้สายตาที่ผิดหวังจ้องมองนาง
เฟิ่งชิงเฉินมิอาจเผยความลับออกไปให้เขารับรู้ได้
“เป็นเช่นนั้นเพคะ ชิงเฉินยังต้องหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองอยู่” อารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ สงบลง
ในยามนี้ เฟิ่งชิงเฉินรู้แล้วว่า ตงหลิงจื่อลั่วเพียงแค่ลองใจนางเท่านั้น
Smart address bar. th.readeraz.com นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 134 ปฏิเสธ ข้าไม่ต้องการเป็นมือที่สาม – th.readeraz
ทว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น นางไม่อาจวางยาชาทั่วร่างของตงหลิงจื่อลั่วได้ มิเช่นนั้น มันจะดูน่าสงสัยเกินไป
เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อย่างน้อยการเย็บบาดแผลย่อมมิอาจเปิดเผยความลับอันใดได้ ทั้งเข็มและด้ายต่างก็ถูกองค์จักรพรรดิเก็บรวบรวมไปหมดแล้ว หากนางจะเย็บแผลตรงหน้าลั่วอ๋องก็คงจะมิเป็นอันใดกระมัง
เขามิใช่เห็นมันแล้วหรือ เช่นนั้น วันนี้นางก็จะทำให้เขาได้เห็นเต็มๆ ตาเสียเลย
ความลับบางเรื่องอาจจะเก็บซ่อนมันไว้ตลอดชีวิตได้ แต่บางเรื่องก็มิอาจทำได้เช่นกัน
หากลั่วอ๋องอยากจะรู้อยากจะเห็นเช่นนี้ นางก็จะมิปิดบังมันเอาไว้
เฟิ่งชิงเฉินมิสนใจตงหลิงจื่อลั่วอีกต่อไป พร้อมทั้งเปิดกล่องยาขึ้นมาอีกครั้ง พลางเกิดอาการลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหยิบยาชาขึ้นมา
นางเป็นหมอ นางไม่อาจกระทำการล้างแค้นเป็นการส่วนตัวได้ อีกทั้ง บาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วนั้น ก็มิอาจไม่ใช้ยาชาได้เช่นกัน มิเช่นนั้นเขาอาจจะปวดแผลจนตายก็เป็นได้
เมื่อถือเข็มฉีดยาเอาไว้ในมือแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็กำลังรอโอกาส ที่จะจิ้มมันลงบนขาของตงหลิงจื่อลั่วในทันที
เฟิ่งชิงเฉิน จักต้องมีสักวันนึง ที่ข้าจักต้องได้ล่วงรู้ความลับของเจ้า
ตงหลิงจื่อลั่วจึงมิได้เค้นถามอันใดอีก พลันก้มหน้าหลับตาลง เมื่อคิดไปถึงยามที่เฟิ่งชิงเฉินใช้เลือดของตนเองในการช่วยชีวิตเขาเอาไว้นั้น ก็พลันเปิดปากพูดขึ้นมาว่า “เฟิ่งชิงเฉิน ข้าจักแต่งเจ้าเข้ามาเป็นสนม มีเปิ่นหวางเลี้ยงดูเจ้าเช่นนี้ เจ้าจักได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปากท้องของตนเอง”
อย่าละทิ้งโอกาสที่ได้ไป เนื่องจากมันไม่อาจหวนคืนมาอีกแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินจึงหยิบก้านสำลีขึ้นมา พร้อมทั้งทำทีเช็ดไปที่บาดแผล จากนั้นก็ค่อย ๆ ฉีดยาชาลงบนขาของเขาในทันที
“อะไรกัน?” ตงหลิงจื่อลั่วพลันเบิกตามองขึ้นมาในทันที เฟิ่งชิงเฉินจึงได้ยกแขนเสื้อมาปิดบังเข็มฉีดยาเอาไว้
“ลั่วอ๋องเอ่ยอันใดออกมาหรือ? ” เฟิ่งชิงเฉินที่ค่อย ๆ ฉีดยาชาเข้าไป พร้อมทั้งเอ่ยพูดคุยกับลั่วอ๋อง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขาเอาไว้
“เปิ่นหวางจักแต่งเจ้าเป็นสนม” ตงหลิงจื่อลั่วเอ่ยปากถามขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เดิมตงหลิงจื่อลั่วที่มีอาการปวดแผลนั้น เมื่อได้ฉีดยาชาเข้าไป ก็ไม่รู้สึกปวดแผลอีกแล้ว ถึงแม้ว่าภายในใจของลั่วอ๋องจะอยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นภายใต้แขนเสื้อที่ถูกปิดบังนั่น
สนม?
เฟิ่งชิงเฉินพลันดึงเข็มฉีดยาออกมา สายตาของตงหลิงจื่อลั่วก็พลันจ้องไปที่สิ่งของที่อยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉินในทันที ยามที่กำลังคิดหาทางดูสิ่งของนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ทัน พร้อมทั้งนั่งหันหลังให้กับตงหลิงจื่อลั่ว
“ลั่วอ๋องต้องการแต่งพระชายาเอก และยังต้องการแต่งสนม ฝ่าบาทต้องการแต่งชิงเฉินเป็นสนมงั้นหรือ?”
“ใช่”
หรือว่า เฟิ่งชิงเฉินอยากจะเป็นชายาเอก?
นั่นเป็นความคิดที่ดูเพ้อเจ้อยิ่งนัก
แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเป็นไปไม่ได้ ในยามนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้อีกเช่นกั
นนางสนม?
หรือว่าหน้าของเฟิ่งชิงเฉินสื่อว่า นางต้องการเป็นมือที่สามงั้นหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างเตียง พลางก้มมองลงไปหาตงหลิงจื่อลั่ว
ในแววตาของตงหลิงจื่อลั่ว หาได้สื่อให้เห็นถึงความรักที่มีต่อนางไม่ การขอนางแต่งงานเช่นนี้ ย่อมแสดงถึงการมอบของรางวัลเสียมากกว่า หรืออาจจะเป็นวิธีที่ต้องการจะชนะใจนาง
อีกคนที่ยืนขึ้นกับอีกคนที่นอนลง ความแข็งแกร่งและอ่อนแอ่ถูกแบ่งแยกจากกันในทันที เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันสูดลมหายใจ พร้อมกล่าวปฏิเสธออกมา “ลั่วอ๋อง ชิงเฉินจักไม่เป็นสนม?”
“ไม่เป็นสนม? เจ้าอยากจะเป็นพระชายาลั่วอ๋องงั้นหรือ?” ตงหลิงจื่อลั่วพลันกล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
สตรีที่ไม่รู้จักประมาณตน
“ชิงเฉินมิกล้าคิดถึงเรื่องนี้” เฟิ่งชิงเฉินพลันหันหลังให้ เพื่อไปหยิบคีมอันเล็กออกมา พลางเตรียมการทำความสะอาดบาดแผลให้ พร้อมกับนำด้ายที่ขาดรุ่งริ่งติดแผลออกมา
“หากรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เพ้อฝันก็ดีแล้ว เฟิ่งชิงเฉินที่จริงแล้ว ตัวตนของเจ้า แม้จะเป็นพระชายารองเจ้าก็หาได้มีคุณสมบัตินั้นไม่” แม้ว่าในยามนี้จะมีการจำกัดคนในการเข้าคัดเลือกเป็นพระชายารอง แต่ทว่า หากเขาได้ขึ้นครองราชน์ในภายหน้า เขาจะสามารถดันเฟิ่งชิงเฉินให้ขึ้นมาเป็นคนคุมวังหลังได้
“ชิงเฉินรู้ดี เช่นนั้นจึงมิคิดใฝ่สูง ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องทำแผลให้พระองค์ มิอาจเสียสมาธิได้” เมื่อพูดจบ ก็พลันปิดปากตนเองมิให้เอ่ยอันใดออกมาอีก
เมื่อตงหลิงจื่อลั่วโดนขัดเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกโมโหยิ่งนัก แต่ทว่า เขาก็ไม่สามารถเอ่ยอันใดออกมาได้
หรือว่า เขาจักต้องบังคับให้นางตกลงงั้นหรือ?
มันดูจะเป็นการเสียหน้าเขาลั่วอ๋องผู้นี้ไปหน่อยกระมัง
ตงหลิงจื่อลั่วค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หากแต่เฟิ่งชิงเฉินหาได้เก็บเรื่องนี้ไปคิดไม่
ตงหลิงจื่อลั่วเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความเต็มใจ ถึงแม้ว่านางจะตกลงยอมรับข้อเสนอนี้ ฮองเฮาก็มิอาจทำอันใดได้
เฟิ่งชิงเฉินพลันล้มตัวนอนลงที่ข้างเตียง แสงภายในห้องมืดยิ่งนัก หลังจากที่นางดึงด้ายออกมาจากแผลจนหมดแล้วนั้น ก็พลันพบว่าตนเองตาลายไปหมด นางจึงได้แต่เอนตัวนอนลงที่ข้างเตียงของตงหลิงจื่อลั่ว
ยามที่ตงหลิงจื่อลั่วกำลังเอ่ยเอ็ดนางขึ้นมานั้น ทว่า เมื่อเห็นท่าทีพิถีพิถันในการเย็บแผลให้กับเขาเมื่อครู่ เขาก็รู้สึกจุกอกในทันที พร้อมทั้งจับจ้องเฟิ่งชิงเฉินต่อไป
มิรู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของยาชา หรือความงามที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะจัดการกับบาดแผลของตงหลิงจื่อลั่วจนสะอาดแล้วนั้น เขาก็ยังมิรู้สึกตัว
ตงหลิงจื่อลั่วในยามนี้ ราวกับสติหลุดไปแล้วก็มิปาน ในสายตาของเขา ราวกับว่ามีแต่เฟิ่งชิงเฉินแต่เพียงผู้เดียว
เดิมทีเฟิ่งชิงเฉินคิดที่จะหาวิธีปกป้องความลับจากตงหลิงจื่อลั่วทว่า ยามที่ตั้งใจจัดการกับบาดแผลอยู่นั้น นางจึงไม่มีกะจิตกะใจคิดถึงเรื่องอื่นอีก ทั้งยังมิได้คิดถึงเรื่องล้างแค้นด้วย เพียงแต่คิดหาวิธีบรรเทาอาการบาดเจ็บให้กับเขาไวที่สุด
เมื่อทำความสะอาดบาดแผล เย็บแผล ใส่ยาจนเสร็จแล้วนั้น นางหาได้ปิดบังวิธีการกับตงหลิงจื่อลั่วไม่ น่าเสียดาย ที่ตงหลิงจื่อลั่วเองก็มิได้มองพวกมันเช่นกัน
หลังจากผ่านไปถึงสองชั่วยาม เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ทำการพันแผลให้กับตงหลิงจื่อลั่วจนเสร็จ เมื่อมองยังบาดแผลของเขานั้น ก็ลังเลไปครู่หนึ่ง ว่านางควรจะให้ยาแก้อักแสบเขาดีหรือไม่ เมื่อคิดไปคิดมา ก็พลันนึกได้ว่า หากกินยาแพทย์แผนจีนจักได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
“ฝ่าบาท บาดแผลได้ถูกพันใหม่เรียบร้อยแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้ จะต้องระมัดระวังมิให้บาดแผลเกิดการฉีกขาด ทานของเผ็ดและมันให้น้อยลง ห้ามให้บาดแผลโดนน้ำ ทุก ๆ สามวัน หม่อมฉันจะเป็นคนมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้หนึ่งครั้ง ช่วงไม่กี่วันนี้ แผลอาจจะเกิดการระบมขึ้นมาได้ ”
ความเคยชินของหมอเช่นนาง ได้แต่พล่ามสิ่งที่ต้องระมัดระวังออกมาจนหมด โดยที่มิได้สนใจว่าตงหลิงจื่อลั่วจะฟังหรือไม่ฟัง
หากเป็นในอดีต เกรงว่าตงหลิงจื่อลั่วคงจะเอ่ยตัดบทด้วยความรำคาญใจไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นอันใดขึ้นมา เมื่อได้ฟังเสียงเฟิ่งชิงเฉินเอ่ยกำชับเรื่องการระมัดระวังตัวเช่นนี้ ก็พลันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก
แท้จริงแล้ว ไม่มีผู้ใดจะมาคิดเรื่องนี้เพื่อเขาเลย ไม่มีผู้ใดคิดที่จะห่วงใยเขาด้วยความใจจริงเลยสักคน
เสด็จแม่ของเขาก็เอาแต่กล่าวว่า “หวางเอ๋อร์ เจ้าจักต้องพยายามมากกว่านี้ เพื่อที่เสด็จพ่อจักได้ชื่นชมในตัวเจ้า เช่นนี้เจ้าจักสามารถแย่งชิงบัลลังค์มาได้”
“หวางเอ๋อร์ เจ้าจักต้องจัดการเรื่องราวให้ดี เจ้าต้องกดองค์รัชทายาทให้ต่ำกว่าเจ้าให้ได้ เจ้าถึงจะคู่ควรตำแหน่งนั้น”
“หวางเอ๋อร์ ขอเพียงแค่เจ้าได้นั่งอยู่บนต่ำแหน่งนั้น เจ้าก็จักได้เป็นคนที่มีเกียรติสูงสุดในใต้หล้า เมื่อนั้นมาถึง เจ้าจักได้ในสิ่งที่เจ้าต้องการทุกอย่าง”
เขาจึงเอาแต่แต่สนใจตำแหน่งขององค์รัชทายาทเท่านั้น
เดิมทีเขาคิดว่าตนเองมิจำเป็นต้องมีสิ่งของเหล่านี้เลยแม้แต่น้อยแต่ทว่า ในยามนี้เขาตระหนักได้แล้ว ที่แท้ การที่มีคนมาใส่ใจดูแล ความรู้สึกมันดีมากนี่เอง