นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 235 พาไป ชิงเฉินยุ่งมาก
ฝ่ามือที่นุ่มนวลของเฟิ่งชิงเฉิน ซูเหวินชิงที่กอบกุมมือของเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้นั้น พลันรู้สึกจักกะจี้ในหัวใจยิ่งนัก ภายในใจพลางแอบครุ่นคิดว่า ไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินดูแลสองมือของตนเองเช่นไร แม้ว่าจักต้องจับมีดทุกวันเช่นนั้น เหตุใดฝ่ามือยังนุ่มนิ่มเช่นนี้ได้
เมื่อมาถึงห้องของน้องชายของซูเหวินชิงแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันดึงมือของตนเองกลับมาในทันที ซูเหวินชิงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เขาหวังว่าตนเองจะได้จับมือนั่นอีกครั้ง
ซูเหวินหางก็คือเด็กชายที่เฟิ่งชิงเฉินไปช่วยชีวิตเอาไว้ที่ห้องเก็บศพในวันนั้น แม้ว่าในยามนี้ เด็กชายตัวน้อยจะหลับไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเองหาได้คิดที่จะปลุกเขาไม่
“จุดไฟ” เฟิ่งชินเฉินพลันเอ่ยปากสั่งกับคุณชายใหญ่ตระกูลซูด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติในทันที
เมื่อเด็กน้อยมีอาการปวดท้อง หากมิใช่เพราะอาการป่วยทางร่างกาย ย่อมต้องเป็นเพราะกินของผิดสำแดงเข้าไปเสียส่วนใหญ่
ก่อนหน้านั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ทำการตรวจร่างกายของซูเหวินหางบ้างแล้ว เด็กคนนี้ร่างกายแข็งแรงมากนัก ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าที่เหลืองซีดของเด็กชาย ยามที่นางกดไปที่หน้าท้องเบา ๆ นั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เข้าใจได้ในทันที
นางจึงโยนยาถ่ายพยาธิเป่าถ่าถังไปให้สามห่อ “อันนี้ให้เขากิน วันหนึ่งครึ่งห่อ อีกไม่นานย่อมเห็นผล”
ด้วยทักษะการแพทย์ของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ไม่เพียงแต่ซูเหวินชิงที่เชื่อใจ แม้แต่ซูเหวินหางเองก็ยังเชื่อใจเช่นกัน ยามที่ซูเหวินหางตื่นมาในวันที่สองนั้น ก็พลันเอาแต่บ่นโอดครวญว่า “พี่ใหญ่ พี่สาวเฟิ่งมา เหตุใดท่านไม่ปลุกข้าเล่า พี่สาวเฟิ่งมีบุญคุณต่อข้ามากนัก ท่านไม่ให้ข้าไปขอบคุณที่จวนก็พอแล้ว เหตุใดพี่สาวเฟิ่งมาถึงจวนเราเช่นนี้ ท่านยังไม่ให้ข้าพบนางอีก”
หน้าตาของซูเหวินหางดูดีเป็นอย่างมาก ทั้งยังดูใสซื่อยิ่งนัก แม้ว่ารูปหน้าจะดูยาวไปบ้าง แต่นั่นเป็นเพราะเขายังเป็นเด็ก จึงส่งเสริมให้ดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก
หากเฟิ่งชิงเฉินได้พบนั้น นางต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน การที่มองดูสิ่งของน่ารัก ๆ ย่อมทำให้ความเหนื่อยล้าและอาการกรุ่นโกรธหายไปได้ในทันที
“พี่ใหญ่ มิใช่ท่านกลัวว่า หากพี่สาวเฟิ่งเห็นข้า แล้วจักมาชอบข้า ไม่ชอบท่านใช่หรือไม่?” ซูเหวินหางแสดงสีหน้ารู้ทันพี่ชายใหญ่ของตนออกมา พร้อมกับดื่มยาเป่าถ่าถังลงไป
ซูเหวินชิงเพียงทำทีเหม่อมองไปด้านนอกอย่างเงียบ ๆ หาได้สนใจซูเหวินหางไม่
เจ้าเด็กบ้านี่ ตัวแค่นี้ ก็คิดเรื่องรัก ๆ ใคร่แล้วงั้นหรือ
“ไม่เสียแรงเลย ที่เป็นยาที่พี่สาวเฟิ่งให้มา หาได้มีรสขมไม่ พี่สาวเฟิ่งเก่งกาจยิ่งนัก ต่อไปในภายภาคหน้า ข้าจักแต่งงานกับพี่สาวเฟิ่ง” ซูเหวินหางกินยาเข้าไปนั้น พร้อมกับแย้มยิ้มออกมา จู่ ๆ เขาก็เริ่มยิ้มไม่ออกเสียแล้ว
“โอ๊ย พี่ใหญ่ ข้าปวดท้องยิ่งนัก” ซูเหวินชิงกุมหน้าท้องของตนเอง พร้อมด้วยสีหน้าที่ซีดเผือด พลางพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง
สีหน้าของซูเหวินชิงพลันเปลี่ยนสีไปในทันที พร้อมทั้งรีบเข้าไปกอดซูเหวินหาง “เหวินหาง เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจเช่นนี้ หมอ รีบไปเชิญท่านหมอมาเร็ว”
ญาติเพียงคนเดียวที่ซูเหวินชิงเป็นห่วงเป็นใยมากที่สุดย่อมต้องเป็นซูเหวินหาง
“ปู้ด ปู้ด” เสียงผายลมพลันดังออกมา
“พี่ใหญ่ท่านมิต้องเรียกท่านหมอมาแล้ว ข้าเพียงแค่ต้องไปเข้าห้องปลดทุกข์เท่านั้น”
“ได้ เช่นนั้น พี่ใหญ่จะเป็นคนอุ้มเจ้าไปเอง”
ครอบครัวคุณชายที่ร่ำรวย มิจำเป็นต้องไปปลดทุกข์ไกล ๆ ไม่ เนื่องจากหลังม่านมีถังไม้ที่เอาไว้ปลดทุกข์อยู่ ทั้งยังสะดวกต่อการให้สาวใช้มาทำความสะอาดอีกด้วย
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งนั้น ซูเหวินหางพลันรู้สึกทั่วร่างอ่อนแรงยิ่งนัก หากแต่ซูเหวินชิงกลับรู้สึกเหม็นเสียเขาอยากจะบ้าตาย แม้แต่ธูปหอมก็ไม่อาจดับกลิ่นได้ เมื่อเขากำลังจะออกไปรั้งรอด้านนอกนั้น ซูเหวินหางกลับร้องเรียกขึ้นมาว่า “อ๊าก พี่ใหญ่ งูตัวเล็ก เป็นงูตัวเล็ก ข้าเอางูตัวเล็กออกมาแล้ว!”
คนจากตระกูลซูพลันชักม้าออกจากจวนด้วยความฉับไว ซูเหวินชิงมีความคิดเพียงอย่างเดียว คือเขาต้องอุ้มน้องชายตนเองไปที่จวนเฟิ่งให้ได้ ทว่า เมื่อพี่น้องตระกูลซูทั้วสองคนมาถึงจวนเฟิ่งนั้น เฟิ่งชิงเฉินหาได้อยู่ที่จวนไม่
“คุณชายซู ขออภัยด้วยขอรับ ท่านอาจารย์ถูกท่านเจ้าเมืองพาไปแล้วขอรับ” ซุนซือสิงยังคงท่าทีเงียบสงบ พร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึม
ไม่มีทางเลือก เฟิ่งชิงเฉินต้องยุ่งวุ่นวายเช่นนี้เป็นเพราะบิดาของเขา บิดาของเขาทำเกินไปแล้ว ตนเองไม่อาจรักษาบาดแผลขององค์รัชทายาทซีหลิงได้ กลับต้องมาพาอาจารย์ของเขาไปเช่นนี้
วันนี้ในยามเช้าตรู่ ก็ต้องมาโดนท่านพ่อของเขาทำร้ายเช่นนี้
“ถูกท่านเจ้าเมืองพาไป เกิดเรื่องอันใดขึ้น?” ซูเหวินชิงรุ้สึกกังวลใจยิ่งนัก เจ้าเมืองมาจับกุมเฟิ่งชิงเฉินงั้นหรือ หรือจักมาเค้นถามกับนางว่าปู้จิงหยุนอยู่ที่ใด
ซูเหวินหางหาได้คิดมาไม่ “พี่ใหญ่ รีบไปช่วยพี่สาวเฟิ่งเร็ว ท่านห้ามให้เกิดเรื่องอันใดกับพี่สาวเฟิ่งโดยเด็ดขาดนะ พี่สาวเฟิ่งเป็นว่าที่ฮูหยินในอนาคตของข้าเชียว”
ซูเหวินหางในยามนี้ หาได้มีอาการปวดท้องอีกไม่ เมื่อได้ยินว่า เฟิ่งชิงเฉินถูกท่านเจ้าเมืองพาตัวไปนั้น พลันลืมอาการหวาดกลัวของงูน้อยเมื่อครู่ไปในทันที
“ไปกัน” ซูเหวินชิง ราวกับลมพายุคลั่งก็ไม่ปาน ยามที่ซุนซือซิงจะเอ่ยปากอธิบายออกมานั้น ก็ไม่ทันเวลาเสียแล้ว
“ซุนซือสิง อาจารย์ของเจ้าเล่า?”
ซูเหวินชิงเพียงไปได้ไม่นาน ตี๋ตงหมิงก็พลันย่างกรายเข้ามาในทันที
“องค์ชายซื่อจื่อ อาจารย์ของกระหม่อมถูกท่านเจ้าเมืองพาตัวไปแล้วพะยะค่ะ” ซุนซือสิงกล่าวตามตรง ยามที่กำลังจะเอ่ยคำอธิบายออกมานั้น ว่าเพราะเหตุใดอาจารย์ของตนถึงได้ถูกพาตัวไป ก็พลันเห็นตี๋ตงหมิงขึ้นหลังม้า พร้อมกับมุ่งหน้าไปที่จวนท่านเจ้าเมืองเสียแล้ว
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามันเป็นสตรีที่มีแต่เรื่องเสียจริง”
แม้แต่ไกล ๆ ก็ยังได้ยินเสียงกรนบ่นของเขา
หลังจากที่ตี๋ตงหมิงไปได้ไม่นาน เซี่ยซานและหวังชีก็มาพร้อมกัน เซี่ยซานเพียงแค่มาเยี่ยมเยียนป้าสะใภ้รองของตนเท่านั้น หากแต่หวังชีมาถามข่าวคราวเรื่องขององค์รัชทายาทซีหลิง หลังจากที่ทั้งสองได้ฟังคำพูดของซุนซือสิงไปนั้น ยังมิทันรอฟังความเป็นมาใด ๆ ก็พลันกระโดดขึ้นหลังม้าจากไปในทันทีเนื่องจากว่า
ซูเหวินชิงมีเด็กเล็กมาด้วยนั้น ฉะนั้นแล้ว ผู้ที่มาถึงคนแรกคือตี๋ตงหมิง ทว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้อยู่ในที่ตัดสินความไม่ แต่นางอยู่ในห้องเก็บศพ
“ห้องเก็บศพ? เกิดเรื่องขึ้นกับโจวสิงหรือ? เขาตายแล้วหรือ?เฟิ่งชิงเฉินเลยมารับร่าง?” ซูเหวินชิงที่ตามมานั้น พลันหนึ่งถึงโจวสิงขึ้นมา ก็ยังดีที่คนอันตรายข้างกายของเฟิ่งชิงเฉินเช่นเขา ได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว
น่าเสียดาย ที่ทำให้เขาต้องผิดหวังแล้ว โจวสิงหาได้เกิดเรื่องอันใดไม่ เฟิ่งชิงเฉินมาที่นี่ก็เพื่อมาช่วยเหลือแต่เพียงเท่านั้น
“ท่านหมอเฟิ่ง ศพทั้งห้าคนนี้ ล้วนแต่ได้กินยาของร้ายยาตระกูลหยุนทั้งหมดถึงได้ตาย เมื่อเรื่องแดงขึ้นมานั้น วัสดุที่พวกเขาทำยาขึ้นมานั้น หาได้เหมือนกันไม่” ท่านเจ้าเมืองเว่ยเสวียเหลียง หรือใต้เท้าเหว่ยพลันเดินตามเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้านหลัง พร้อมกับอธิบายระยะเวลาและอาการของคนตายออกมา
ยินยอมรังแกคนรวยดีกว่าต้องมารังแกคนจน คำพูดนี้ดียิ่งนัก ครึ่งปีที่ผ่านมานั้น ใต้เท้าเหว่ยหาได้มีท่าทีเคารพนางไม่ ทว่า ในยามนี้? กลับมาเอ่ยวาจาประจบสอพลอนาง
“ท่านหมอเฟิ่ง พวกเขามีจุดหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ริมฝีปากที่ดำคล้ำ และผิวพรรณที่กลายเป็นสีม่วง นี่เป็นปรากฏการณ์ของการโดนพิษ ข้าได้ทำการตรวจสอบวัสดุการทำยาของร้ายขายยาตระกูลหยุนหมดแล้ว หาได้พบเจอสิ่งใดหน้าผิดปกติไม่ อีกทั้งครอบครัวของผู้ตายเอง ก็ยืนยันว่า ก่อนตายพวกเขามิได้มีความผิดปกติอื่นใด นอกจากกินยาจากร้านขายยาตระกูลหยุน”
“ท่านหมอเฟิ่ง ข้ากล้ารับประกันได้เลยว่า ร้านยาของข้าหาได้มีปัญหาอันใด” หยุนไห่ คือผู้สืบทอดร้านยาของตระกูลหยุนลำดับที่สี่ ทั้งยังเป็นคนรับผิดชอบร้านยาแห่งนี้ด้วย ยามที่ร้านยาของเขาได้มาตั้งรกรากในตงหลิงนั้น เรื่องเช่นนี้หาได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวไม่ ทว่า ในครานี้เหตุการณ์ร้ายแรงยิ่งนัก หยุนไห่ในยามนี้เครียดเป็นอย่างมาก
“ในเมื่อยาของร้านขายยาตระกูลของท่านไม่ผิด นั่นย่อมต้องเป็นเพราะเหตุผลอื่น แล้วพวกท่านมาเรียกหาข้าทำไมกัน? ข้าหาใช่ทางการไม่” เฟิ่งชิงเฉินพลันหันไปพูดกับหยุนไห่
ตระกูลหยุนเป็นหัวหน้าของร้านยาสมุนไพร แต่เกี่ยวอะไรกับนางเล่า นางไม่รู้จักยาจีนเสียด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่ค่อยใช้ยาจีนอีกด้วย แม้ว่า นางจะเรียนแพทย์แผนจีนกับซุนซือสิงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ แต่นางก็หาได้เชี่ยวชาญไม่
แพทย์แผนจีนเน้นการบำรุงและฟื้นฟูผู้คน ซึ่งยากกว่าการเรียนรู้แพทย์แผนตะวันตกมากนัก นอกจากนี้ นางยังไม่สามารถให้ซุนซือสิงสอนนางโดยตรงอีกด้วย
ซุนเจิ้งเต้ารีบก้าวเท้าไปข้างหน้า “ชิงเฉิน หยุนไห่เป็นสหายเก่าของข้า หากเจ้าสามารถช่วยเขาได้ ได้โปรดช่วยเหลือเขาด้วย มิเช่นนั้น ก็เห็นแก่หน้าข้าได้หรือไม่?”
ซุนเจิ้งเต้ารู้ดีว่า ช่วงนี้เฟิ่งชิงเฉินยุ่งยิ่งนัก หากมิใช่ว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาก็ไม่อยากรบกวนเฟิ่งชิงเฉินเช่นกัน
เขาอยากจะขอโทษนางยิ่งนัก หากเฟิ่งชิงเฉินมิเห็นแก่หน้าเขา แล้วเขาจะเอาหน้าตนเองไปไว้ที่ใดกัน