นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 245 เดิมพัน ข้าต้องการมือและดวงตาเจ้า
“ขอรางวัลหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าจะชนะได้?” องค์จักรพรรดิรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่มีจิตใจกล้าหาญเพียงใด แต่จนกระทั่งวันนี้เขาจึงตระหนักได้ว่าความกล้าหาญของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา
นางคิดว่าตนจะสามารถฝึกม้าพยศทั้งสองตัวนั้นได้จริงหรือ ช่างน่าขำสิ้นดี ที่จริงแล้วต่อให้เฟิ่งชิงเฉินมีความสามารถในการฝึกม้าตัวใดตัวหนึ่งให้เชื่องได้ ตงหลิงก็นับว่าชนะแล้ว แต่องค์จักรพรรดิไม่คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทำได้ และที่จริงทุกคนในสนามนี้ไม่มีใครเชื่อเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะทำได้
“ในเมื่อเป็นการแข่งขัน แพ้และชนะแบ่งเป็นอย่างละครึ่ง อย่างน้อยชิงเฉินก็มีโอกาสที่จะชนะครึ่งหนึ่ง” เฟิ่งชิงเฉินค่อนข้างจะมั่นใจในตนเอง แต่คนที่อยู่ด้านข้างกลับไม่มั่นใจเลย มีโอกาสชนะครึ่งหนึ่งหรือ หากมีโอกาสเช่นนั้นจริงก็คงต้องหัวเราะกันหน่อยแล้ว
“หมอเฟิ่งเป็นสตรีที่เข้มแข็งเหลือเกิน ทำให้เหยาหวารู้สึกชื่นชมยิ่งนัก ในเมื่อหมอเฟิ่งต้องการจะขอรางวัล เช่นนั้นขอเชิญหมอเฟิ่งกล่าวมาเถิดว่าต้องการสิ่งใด” ในครั้งนี้ซีหลิงเหยาหวายังคงใช้วิธีเอ่ยชมทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าสูงส่ง
ทุกคนในที่นั้นไม่เชื่อ ประกอบกับเหวาหวาและซูหว่านที่ดูถูกเหยียดหยาม สิ่งเหล่านี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เห็นและนำมาใส่ใจเลย นางชี้ออกไปยังคอกม้าที่อยู่ห่างไกลออกไปแล้วกล่าวว่า “ม้าที่หม่อมฉันฝึกจนเชื่อง เป็นของหม่อมฉัน”
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าล้อเล่นหรือ?”
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมา ทุกคนล้วนคิดว่านางพูดเล่นติดตลก นางคิดว่าตนจะสามารถฝึกม้าที่ดุร้ายสองตัวนี้ให้เชื่องได้หรือ? แม้แต่นักรบของหนานหลิงและซีหลิงยังไม่กล้ากล่าวคำนี้ออกมา
เพียงแต่ทุกคนในที่นั้นไม่กล้าหัวเราะเยาะ เพียงทำได้เพียงมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินและอยากจะเห็นเหลือเกินว่าทำไมนางจึงมั่นใจในตนเองนัก แต่ดวงตาที่องค์จักรพรรดิมองไปทางเฟิ่งชิงเฉินกลับดูแตกต่างกันไป
หากว่าโอกาสหนึ่งในล้านที่เฟิ่งชิงเฉินจะชนะ ตงหลิงก็จะมีม้าศึกที่ดียิ่งของหนานหลิงและซีหลิงแล้ว ยอดเยี่ยมทีเดียวเฟิ่งชิงเฉิน เหตุใดตนจึงคิดไม่ได้กันว่าจะใช้ม้าทั้งสองประเทศนี้มาเดิมพัน
และเมื่อวางเดิมพันนี้ออกไป หนานหลิงกับซีหลิงคงไม่กล้าตอบรับง่ายๆ หากหนานหลิงและซีหลิงเป็นผู้เอ่ยปากขอยกเลิกการแข่งขันเอง ตงหลิงยังพอรับได้บ้าง ไม่ขายหน้าเท่าไหร่…..
เฟิ่งชิงเฉินผลักซีหลิงเหยาหวาและซูหว่านเข้าสู่ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และตัวนางเองก็ไม่มีความสุขเท่าไรนัก นางรู้ว่าซีหลิงเหยาหวาและซูหว่านไม่ใช่คนที่จัดการง่าย หากต้องการจะรังแกสตรีทั้งสองนางนี้ ตนก็จะต้องลงแรงให้มากกว่าเดิม
เหยาหวาเฝ้าสังเกตเฟิ่งชิงเฉินอยู่ตลอด ต้องการพยายามมองสีหน้าของนาง แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่เฟิ่งชิงเฉินทำสีหน้าเคร่งขรึมไม่มีอื่นใดบนใบหน้านอกจากรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์นั้น ท่าทางอันเฉยเมยไม่สนใจต่อโลกภายนอก ไม่แตกต่างอันใดเลยกับพระนักบวช
เหยาหวาโมโหยิ่งนัก นางทำได้เพียงแอบวางแผนจัดการไว้ในใจว่าหากเฟิ่งชิงเฉินชนะขึ้นมา จะมีวิธีใดกู้สถานการณ์กลับคืนได้บ้าง
ม้าเหงื่อโลหิตนี้จะให้ตกอยู่ในมือของตงหลิงไม่ได้ เพราะหากว่าชาวตงหลิงนำม้าเหงื่อโลหิตไปผสมพันธุ์ ม้าของพวกเขาในซีหลิงก็จะไม่มีข้อโดดเด่น ทำนองเดียวกันซูหว่านก็คิดเช่นนี้
“ทำไมหรือ? ทั้งสองท่านไม่กล้ามอบของเดิมพันนี้? ในเมื่อของเดิมพันยังไม่กล้าจะนำมาวาง ถ้าคิดว่าการแข่งขันครั้งนี้คงไม่จำเป็นต้องแข่งอีกต่อไป เพราะองค์หญิงเหยาหวาและคุณหนูซูหว่านไม่กล้าที่จะพ่ายแพ้” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวเยาะเย้ยอย่างเย็นชา
แม้ว่านางจะอยากได้ม้าสองตัวนั้นเพียงไร แต่ลึกในใจแล้วนางก็หวังว่าทั้งสองคนจะปฏิเสธ การฝึกมาไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ระวังล่ะก็อาจถึงแก่ชีวิตได้
“ฝ่าบาท……” ซีหลิงเหยาหวาต้องการให้องค์จักรพรรดิเอ่ยตำหนิเฟิ่งชิงเฉิน แต่เมื่อเห็นแสงในแววตาขององค์จักรพรรดิแล้ว ซีหลิงเหยาหวาก็เข้าใจได้ว่าองค์จักรพรรดิแห่งตงหลิงรู้สึกพอใจกับข้อเสนอนี้ของเฟิ่งชิงเฉิน นางจึงกลับคำพูดว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากว่าซีหลิงนำม้าเหงื่อโลหิตเป็นเดิมพัน แล้วตงหลิงเล่า?”
“องค์หญิงเหยาหวาเหตุใดท่านจึงโง่นัก ในเมื่อม้าที่หม่อมฉันทำให้เชื่องได้กลายเป็นของหม่อมฉัน เช่นเดียวกัน ม้าที่ท่านทำให้เชื่องได้ก็จะเป็นของท่านด้วย”
“ชิงเฉินกล่าวได้ถูกแล้ว” องค์จักรพรรดิพยักหน้าดูท่าทางเอ็นดูเฟิ่งชิงเฉินนัก
เฟิ่งชิงเฉินรีบก้มหน้าและแอบเยาะเย้ยเบาๆ ว่าองค์จักรพรรดิผู้นี้ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน ในสายตาของเขา คนอื่นๆ มีเพียงความสำคัญว่าจะมีผลประโยชน์หรือไม่ หากไม่มีผลประโยชน์ล่ะก็ต่อให้มีความสามารถเพียงใดเขาก็สามารถฆ่าทิ้งได้ทั้งนั้น
โชคดีที่กองกำลังทหารของตงหลิงโดยมากแล้วจะถูกกองกำลังต่างๆ ครอบครอง หากอำนาจนี้อยู่ในมือเขา คาดว่าคนเบื้องล่างคงจะเดือดร้อนน่าดู
น่าเสียดายเหลือเกินนี่ไม่ใช่สิ่งที่ซีหลิงเหยาหวาต้องการ ม้าศึกของราชวงศ์ตงหนิงนั้นสู้ไม่ได้กลับม้าเหงื่อโลหิตของนางเลย นางจะเอาม้าระดับล่างเช่นนี้ไปทำไม เพียงแต่ประโยคนี้นางก็ไม่กล้ากล่าวออกมา
“ฝ่าบาท แม้ว่าเหยาหวาจะอยากได้ม้าขาวแห่งที่ราบป๋ายสุ่ยเพียงใด แต่หม่อมฉันก็มีสิ่งที่อยากได้มากกว่า”
“สิ่งใหงั้นหรือ?” องค์จักรพรรดิรู้ดีว่าเหยาหวาไม่อยากได้ม้าของตงหลิง ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้าน
“ทักษะการใช้เข็มเย็บของหมอเฟิ่งนั้นยอดเยี่ยมนัก ด้วยมือที่ชำนาญคู่นั้นสามารถเย็บเข็มร้อยได้ทำให้แผลฉีกขาดเย็บเข้าหากันได้ภายในพริบตา เหยาหวาอิจฉาเหลือเกิน หากว่าหมอเฟิ่งไม่อาจจะทำให้ม้าเหงื่อโลหิตเชื่องได้ เช่นนั้นเหยาหวาต้องการ……”
เหยาหวาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนกำลังคิดว่านางต้องการทักษะการเย็บแผลของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ต่อมาองค์หญิงเหยาหวากลับกล่าวแต่ละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉิน ฝ่าบาทเพคะ เหยาหวาต้องการมือทั้งสองข้างนั้นของเฟิ่งชิงเฉินเป็นเดิมพัน”
อะไรนะ?
ทุกคนในที่นั้นหันไปมองดูเฟิ่งชิงเฉินและหันไปมองดูเหยาหวา คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงผู้นี้จะโหดร้ายมาก แม้แต่ตงหลิงจิ่วเองก็ตกตะลึง เขานั่งอยู่ข้างกายของซีหลิงเหยาหวาแล้วขมวดคิ้ว
ตงหลิงจื่อลั่วกำลังจะอ้าปากเพื่อเกลี่ยกล่อม แต่ซีหลิงเหยาหวาหันหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากจะสนใจเขา แล้วเอาแต่จ้องไปที่เฟิ่งชิงเฉิน
คนที่อยู่ในสนามแข่งขันเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนสงบนิ่งไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ นั่นก็คือเฟิ่งชิงเฉิน ดูเหมือนนางจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ซีหลิงเหยาหวากล่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนที่ซีหลิงเหยาหวากล่าวว่าต้องการมือทั้งคู่ของนาง หัวใจของนางได้ตกลงไปที่ตาตุ่ม องค์หญิงเหยาหวาฉลาดยิ่งนัก นางรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับมือทั้งสองข้างนี้มากเท่าไหร่
“คุณหมอเฟิ่ง ไม่รู้ว่าคิดเช่นไร?” ซีหลิงเหยาหวาเกลียดท่าทางอันมั่นใจของเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้ยิ่งนัก ดูเหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง
“รางวัลเดิมพันขององค์หญิงเหยาหวาช่างน่าสนใจยิ่งนัก แน่ใจหรือว่าจะไม่เปลี่ยนใจแล้ว?” เฟิ่งชิงเฉินยื่นมือทั้งสองข้างออกมาแล้วพิจารณามองดู “ชิงเฉินพอใจกับมือคู่นี้มาก องค์หญิงเหยาหวามีสายตาที่แหลมคมยิ่งนัก”
ภายใต้แสงแดด มือคู่นั้นของเฟิ่งชิงเฉินราวกับหยกไขแพะ ทั้งขาวผ่องเนียนนุ่ม เส้นเลือดแต่ละเส้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน ต้องยอมรับว่าเฟิ่งชิงเฉินรักษามือคู่นี้ของตนได้ดียิ่งนัก……
“ทำไมหรือ หมอเฟิ่งไม่เต็มใจหรืออย่างไร?” ซีหลิงเหยาหวารู้ดีว่าคนตงหลิงเหล่านี้ล้วนคิดว่าคำขอของนางดูโหดร้ายเกินไป แล้วอย่างไรเล่า คนเหล่านี้อย่างมากก็คงคิดว่านางต้องการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดใจ นางไม่อยากเสียม้าเหงื่อโลหิตไป ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินยอมแพ้ด้วยตนเอง
แต่เหยาหวาเข้าใจดีกว่าใครว่ามือคู่นี้ของเฟิ่งชิงเฉินยอดเยี่ยมพียงใด การที่ทำลายมือของนางได้ก็เท่ากับเป็นการทำลายอนาคตของนาง
“เฟิ่งชิงเฉิน จะตกลงไม่ได้!” ตงหลิงจื่อลั่วไม่สนใจองค์จักรพรรดิที่ประทับอยู่ ณ ที่นั่น แล้วเอ่ยห้ามด้วยเสียงอันดัง
“ใช่ อย่าไปตกลงกับนาง ข้อเสนอนี้ขององค์หญิงเหยาหวาเกินไปแล้ว!” ตี๋ตงหมิงเองก็รีบกล่าวขึ้นเช่นกัน คุณชายคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้ห้ามก็ได้เอ่ยปากผู้ทีละคน
“องค์หญิงเหยาหวาจงใจทำให้เจ้าต้องลำบากใจ ต้องการทำให้ราชวงศ์ตงหลิงล้มเลิกการแข่งขัน ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก!”
“ใช่ นั่นสิ องค์หญิงเหยาหวาเจ้าเล่ห์เหลือเกิน ฝ่าบาททรงอย่าได้ประธานสตรีเช่นนี้ให้แต่งงานกับกระหม่อมเลย!”
หึๆ เจ้าเล่ห์หรือ? ที่จริงแล้วเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ดีไปกว่าเหยาหวาเท่าไรนัก นางก็เพียงแค่เอ่ยร้องขอม้าเหงื่อโลหิตและม้าดำชางชานเป็นรางวัลไม่ใช่หรือ
คนเราหนา ช่วยเหลือญาติพี่น้องโดยไม่สนใจเหตุผล บัดนี้พวกเขาอยู่ในจุดยืนของราชวงศ์ตงหลิงแน่นอนว่าล้วนคิดแทนคนตงหลิงทั้งหมด