นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 269 ซักถาม ชิงเฉินมีส่วนเกี่ยวข้อง
“ขอบพระคุณท่านกงกง” เฟิ่งชิงเฉินไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเหตุใดขันทีผู้นี้ ถึงใจดีกับนางนัก ยามที่คิดจะตกรางวัลให้เขา ก็พลันพบว่าทั่วร่าง หาได้มีเงินตัวตัวไม่ ทั่วทั้งตัวเหลือแต่เพียงถุงหอมที่ยังมิได้โยนลงมาให้หวังจิ่นหลิงในเวลานั้น
“กงกง ข้าต้องขอโทษด้วย วันนี้ข้ารีบออกมาจากจวน จึงไม่สะดวกนัก”
ขันทีผู้นั้น หาได้มีอารมณ์โมโหไม่ เพียงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “เฟิงซิ่วพูดอะไรกัน ก่อนออกจากวัง เสด็จอาเก้าบอกให้พวกกระหม่อมคอยดูแลเฟิงซิ่วเป็นอย่างดี เฟิงซิ่ว ท่านควรรีบกลับเข้าไปในเมืองเร็ว ๆ เถิด ท่านอย่าได้ทำให้ฝ่าบาทรั้งรอท่านไปมากกว่านี้เลย ”
ที่แท้ เป็นเสด็จอาเก้านี่เอง เฟิ่งชิงเฉินจึงมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก หลังจากที่ขอบคุณท่านกงกงแล้ว นางก็รีบขี่ม้าจากไปในทันที
ยามที่เฟิ่งชิงเฉินชักม้าอยู่นั้น ในหัวก็พลันคิดถึงคำถามที่จักรพรรดิอาจจะต้องการถามนาง หลังจากที่เตรียมแผนการรับมือไว้คร่าว ๆ แล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงใจเย็นลง พร้อมกับเข้าวังไปด้วยสีหน้าที่เงียบสงบ
อย่างไรก็ตาม แม้จักต้องตาย นางก็จักไม่เปิดเผยออกแน่ว่าระเบิดคือสิ่งใด
เมื่อมอบป้ายประจำตัวให้ยามหน้าประตูวังแล้วนั้น ก็จักต้องเปลี่ยนมาขึ้นรถม้า เพื่อมุ่งหน้าเข้าไปที่ตำหนักไท่เหอในทันที รถม้าวิ่งเร็วยิ่งนัก ทำเอาเฟิ่งชิงเฉินที่นั่งอยู่ด้านในรู้สึกเวียนหัวไปหมด
เฟิ่งชิงเฉินพลันแอบครุ่นคิดในใจว่า “จักรพรรดิองค์นี้น่าสนใจจริงๆ ครั้งสุดท้ายที่ลั่วอ๋องได้รับบาดเจ็บและกำลังจะตายนั้น พระองค์หาได้มีท่าทีกังวลใจมากเท่านี้ไม่ แต่เรื่องระเบิดในครานี้ กลับทำให้เขารู้สึกร้อนใจยิ่งนัก ดูเหมือนว่า เป้าหมายขององค์จักรพรรดิ คือการรวมตัวแว่นแคว้นเพื่อให้เป็นหนึ่งในใต้หล้ากระมัง”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูเมืองนั้น ได้มีคนไปรายงานแก่องค์จักรพรรดินานแล้ว ตั้งแต่การแสดงออกของเฟิ่งชิงเฉินในที่เกิดเหตุ แม้ว่านางจะไม่ทราบวิธีสร้างของสิ่งนั้นขึ้นมา แต่นางต้องรู้อะไรมากกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน
จักรพรรดิมิได้โง่เขลา แม้ว่าคนที่เขาส่งไป จักมิได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ด้วยท่าทางการแสดงตัวของเฟิ่งชิงเฉินนั้น พระองค์ก็พอจะเดาเรื่องราวได้
มิใช่ว่าจักรพรรดิร้อนใจที่จะออกไปรวมแว่นแคว้นนัก แต่ทว่า เรื่องราวในวันนี้ ทำให้จักรพรรดิเห็นความเป็นไปได้ ที่เขาจักรวมตัวทุกแว่นแคว้นให้เป็นหนึ่งเดียวต่างหาก ตราบใดที่ตงหลิงสามารถคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาได้ พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวศัตรูหน้าไหนอีก
แน่นอนว่า ตอนนี้ มีผู้อื่นที่มีอาวุธดังกล่าวอยู่แล้วเช่นกัน จักรพรรดิจึงรู้สึกกังวลยิ่งนัก เขากลัวว่าตงหลิงเอง ก็จะถูกระเบิดด้วยสิ่งนี้เช่นกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด ก็คือการหาวิธีทำมันขึ้นมา หากตงหลิงสามารถผลิตมันขึ้นมาได้นั้น ย่อมต้องเรื่องที่ดี
ตำหนักไท่เหอ เป็นตำหนักที่ฝ่าบาทมักจะใช้เป็นสถานที่หารือกับขุนนางน้อยใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิ่งชิงเฉินได้เข้ามาที่นี่ ทันทีที่นางก้าวเข้าไปนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไปในทันที
จักรพรรดิ์ที่นั่งอยู่บนที่สูงในคราแรก ใบหน้าไร้อารมณ์ ทว่า ร่างกายพลันแผ่กลิ่นอายที่เย็นชาออกมา แม้จักมิได้แสดงท่าทีกรุ่นโกรธออกมานั้น แต่ผู้ที่ได้พบเห็น ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเสียไม่ได้
เสด็จอาเก้า องค์รัชทายาท ลั่วอ๋อง ซู่ชินอ๋อง และข้าราชบริพาร ต่างก็ยืนเรียงแถวกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทุกคนต่างก็เปล่งรัศมีความยิ่งใหญ่และรังสีของผู้บังคับบัญชาออกมาในทันที
ภายใต้แรงกดดัน ที่จักรพรรดิและท่านแม่ทัพส่งออกมานั้น เฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกว่า ตนเองหายใจมิค่อยออก ทั้งยังทำให้หายใจลำบากอีกด้วย แม้แต่การหายใจก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง หัวใจของนางแทบจะหยุดเต้นไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ แม้ว่าจะห้ามพูดโกหกออกมา แต่จะให้นางพูดออกมาดี ๆ ยังยากที่จะเปิดปากพูดออกมาเลย
โชคดีที่นางได้เห็นโลกมานักต่อนักแล้ว แม้ว่านางจะไม่มีโอกาสได้เป็นหัวหน้าแพทย์ในชีวิตก่อนหน้านี้ แต่นางก็ได้เข้าร่วมสุดยอดของการประชุมมาโดยตลอด อีกทั้ง ยังมีการประชุมทางการทหารกับผู้อาวุโสหลายคนอีกด้วย ฉะนั้นแล้ว นางจึงมีความสามารถในการทนต่อแรงกดดันได้ดี มากกว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ออร่าที่เย็นชาของท่านนายพลยังสร้างความกดดันได้มากกว่าแรงกดดันที่องค์จักรพรรดิจงใจสร้างขึ้นเพียงเล็กน้อย
หยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเต็มหน้า ก็ยังคงหลั่งไหลออกมาไม่หยุด เฟิ่งชิงเฉิน สูดลมหายใจเข้าไปเงียบ ๆ พร้อมกับหยิกเอวของตนเองเล็กน้อย เพื่อเรียกสติอารมณ์ของนางให้กลับคืนมาหลังจากได้รับความเจ็บปวด
“ทูลฝ่าบาท เฟิ่งชิงเฉินขอเข้าเฝ้าเพคะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญเป็นหมื่น ๆ ปี”
หวังจิ่นหลิงรู้สึกสบายใจยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินสามารถรับมือกับแรงกดดันที่จักรพรรดิสร้างขึ้นมาได้เป็นอย่างดี
เฟิ่งชิงเฉิน นางไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ มีเพียงไม่กี่คนในโลก ที่จะสามารถสงบสติอารมณ์อยู่ได้ ภายใต้แรงกดดันของจักรพรรดิและท่านแม่ทัพทั้งหลายในที่แห่งนี้
“ลุกขึ้น” จักรพรรดิพลันเปิดปากออกมา บรรยากาศภายในห้องโถงก็ผ่อนคลายลงเป็นอย่างมาก เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
นางเป็นคนธรรมดา เทียบกับจักรพรรดิกับข้าราชบริพารแล้ว นางคงตายไปตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วกระมัง หากมีชีวิตอยู่ ก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก
“เฟิงชิงเฉิน เจ้าลองดูเจ้าสิ่งนี้ เจ้ารู้จักมันหรือไม่?” จักรพรรดิมิได้ให้เวลาเฟิ่งชิงเฉินมากนัก พร้อมชี้ไปที่ของสีดำที่อยู่หน้าโต๊ะขององค์จักรพรรดิในทันที
“หื้ม”
เฟิ่งชิงเฉินอุทานด้วยความประหลาดใจ นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยเสียงดัง พร้อมน้ำตาที่ไหลพรากด้วยความสยดสยองและท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก ราวกับว่า นางกำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
นางมิได้คิดเลยว่า จักรพรรดิจะใช้กลอุบายนี้แก่นาง มันกะทันหันเกินไป โชคดีนักที่ทักษะการแสดงของนางนับว่าไม่แย่ ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วของนาง เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจภาพลักษณ์ของนางไม่ นางพลันนั่งลงกับพื้นโดยมิได้ขยับเขยื้อนไปที่ใดอีก
นางตกใจนั้นคือของจริง แต่ท่าทางทีหวาดกลัวเป็นของปลอม สำหรับหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอในดวงตาและเสียงร้องให้โฮโฮ เพื่อความสมจริงนั้น เสมือนกับว่า เรื่องราวในครานี้ กระทบกระเทือนจิตใจของนางยิ่งนัก
เมื่อเห็นสิ่งของบนโต๊ะของจักรพรรดิแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ร้องไห้ออกมา
ผู้ที่ทะลุมิติมาเช่นเดียวกับนาง เป็นผู้ใดกัน ถึงสามารถทำของสิ่งนี้ขึ้นมาได้ นับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว หากแต่มันคือระเบิดมือเทียนเหล่ย
ในยามนั้น ทุกอย่างพลันเกิดขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว นางจึงมองเห็นแต่เป็นเพียงก้อนสีดำเท่านั้น ในคราแรก นางเข้าใจว่ามันเพียงถุงดินปืนสีดำ ไม่คิดว่ามันจะเป็นระเบิดเทียนเหล่ย เช่นนั้น อานุภาพในการทำลายล้างของมันจึงสูงมาก
ระเบิดเทียนเหล่ย ด้านในเป็นดินปืนขนาดเล็ก เปลือกนอกหุ้มด้วยเหล็ก เมื่อจักใช้งาน ต้องกะระยะของเป้าหมายด้วย เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็พลันดึงสลักออกมา จากนั้นก็จะเกิดการระเบิดขึ้นในทันที หลังจากการระเบิดตัวนั้น เหล็กที่หุ้มอยู่ด้านนอกก็จักแตกกระจายออกมา อานุภาพในการทำลายล้างของมันมากกว่าดินปืนของปืนใหญ่เสียอีก
เฟิ่งชิงเฉิน กรนด่าคนที่ทะลุมิติเช่นนางภายในใจเป็นร้อนเป็นพันครั้ง
ลุงของนางอุตส่าห์ทำระเบิดเทียนเหล่ยขึ้นมา เพื่อเอาไว้ให้นางป้องกันตัวยามตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู ทว่า ในยามนี้มันกลับถูกเป็นสิ่งของที่จักรพรรดิใช้ลองเชิงนาง นับว่าโชคดีที่นาง ตอบกลับได้อย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้น วันนี้นางคงจะไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน
ระเบิดเทียนเหล่ย จักทำให้โลกนี้วุ่นวายจริง ๆ หรือไม่?
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก มีสิ่งดี ๆ มากมายในกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะของนาง แต่นอกเหนือจากการช่วยชีวิตคนแล้ว นางไม่เคยกล้าที่จะใช้มันอีกเลย เนื่องจากนางกลัวว่า มันจะเป็นฝ่าฝืนกฎของโลกใบนี้ และกลายเป็นตราบาปตลอดหลายชั่วอายุคนที่อยู่ที่นี่
ระเบิดเทียนเหล่ย ผู้ที่สามารถทำสิ่งนี้ขึ้นมาได้ ไม่สมควรที่จะถูกใช้โดยจักรพรรดิ หากทำสำเร็จแล้ว พวกเขาจะถูกจักรพรรดิสังหารอย่างแน่นอน นางไม่รู้จริงๆว่า แค่องค์จักรพรรดิคิดว่า หาตนเองมีระเบิดเทียนเหล่ยไว้ในมือแล้ว มันจะสามารถทำให้พระองค์รวมแว่นแคว้นให้เป็นปึกแผ่นได้จริง ๆ หรอ ไร้เดียงสายิ่งนัก
เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าลง เพื่อแสร้งทำเป็นกลัวและไม่กล้าสบตากับองค์จักรพรรดิ พร้อมกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ หากนางพลาดเปิดเผยสิ่งใดขึ้นมา นางต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ทว่า หลังจากเฟิ่งชิงเฉินร้องไห้คร่ำครวญอยู่นาน จักรพรรดิก็หาได้มีเสียงตอบรับใด ๆ ไม่ เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่ใจจนแทบจะบ้าตาย หากนางยังคงแสร้งทำเป็นหวาดกลัวเช่นนี้ นางก็กลัวว่าตนเองไม่อาจจะทำต่อไปได้ หากแต่ นางก็ไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองขึ้นไป เมื่อขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พลันกรอกตามองบนและทำทีหงายหลังลงไป
“พลัก” เฟิ่งชิงเฉินหงายหลังล้มไปในทันที พร้อมทั้งแอบใช้มือยันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ทำร้ายตัวเอง โดยครุ่นคิดกับตัวเองว่า ในเมื่อท่านไม่ยอมถาม เช่นนั้นข้าก็จะไม่ตอบ
“ฝ่าบาท เฟิงซิ่วเป็นลมไปแล้วพะยะค่ะ ” ขันทีก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ แม้ว่านางจะแสร้งหลับได้ไม่เนียนนัก แต่นางมีฝีมือมากในการแสร้งทำเป็นลม อย่างน้อยขันทีผู้นี้ก็ไม่อาจจับผิดนางได้