นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 270 ความวุ่นวายก่อเค้าลางอยู่ตรงหน้า
หากเฟิ่งชิงเฉิน ได้เห็นเสด็จอาเก้าในยามนี้ ย่อมต้องพบว่าคิ้วของเขาที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง พลันโค้งขึ้นเล็กน้อย เสมือนกับการละลายของหิมะในฤดูใบไม้ผลิ พร้อมด้วยแสงระยิบระยับในดวงตาของเขา โดยที่ไม่มีผู้ใดสามารถเห็นรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาเพียงชั่วครู่ได้เลย
“ตามหมอหลวง” เฟิ่งชิงเฉินดีใจเร็วเกินไปแล้ว จักรพรรดิหาได้ปล่อยนางไปไม่
เฟิ่งชิงเฉินหาได้กลัวโดนลงโทษไม่ ร่างกายของนางในยามนี้ ทำงานหนักเกินไป ทั้งยังอ่อนแอ เพราะผลกระทบจากเหตุการณ์ในวันนี้ ทำให้จิตใจของนางบอบช้ำ
แน่นอนว่า หมอหลวงหลายคน ก็วินิจฉัยอาการของนางได้เช่นนี้เช่นกัน นับว่าใกล้เคียงกับที่เฟิ่งชิงเฉินคาดการณ์เอาไว้
หาใช่เฟิ่งชิงเฉินเป็นอัจฉริยะไม่ แต่ทว่า แพทย์แผนจีนนั้นมีจุดอ่อนคือการสังเกต การได้ยิน การถาม เพื่อวินิจฉัยโรค นางจึงใช้จุดอ่อนตรงนี้มาหลอกลวงพวกเขา เช่น นางสามารถปรับการหายใจและเปลี่ยนความถี่ของชีพจรของนาง ได้ ทั้งยัง สามารถทำให้ใบหน้าของนางดูซีดเซียวได้ เช่นนี้ ก็ไม่มีผู้ใด ตรวจหาโรคของนางเจอ
เมื่อเห็นข้อสรุปของหมอหลวงแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก นางคิดว่าจักรพรรดิ จักต้องปล่อยนางกลับจวนอย่างแน่นอน หากแต่นางไม่คิดว่า จักรพรรดิจะพูดออกมาอย่างเลือดเย็นว่า “พวกเจ้าคิดหาวิธีปลุก เฟิ่งชิงเฉินขึ้นมาเสีย เจิ้นมีเรื่องมากมายที่ต้องการถามนาง”
เลือดเย็นยิ่งนัก!
เฟิ่งชิงเฉิน ได้แต่สาปแช่งภายในใจ แต่มิกล้าแสดงออกมามากนัก
หมอหลวงพลันก้าวไปข้างหน้า เพื่อป้อนยา ฉีดยา ทั้งเช็ดตัว เพื่อทำให้เฟิ่งชิงเฉิน ฟื้นขึ้นมาโดยไว ไม่นานนักหมอหลวงพลันกล่าวขึ้นมาว่า “ฝ่าบาทวางใจได้พะยะค่ะ เฟิ่งซิ่วจักฟื้นขึ้นมาในเร็วๆ นี้ อย่างแน่นอน”
เนื่องจากในพระราชโองการ ทุกคนล้วนแต่เปลี่ยนจากเรียกนางว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นเฟิ่งซิ่ว อย่างไรในยามนี้ นางก็มีศักดิ์เป็นคุณหนูของจวนอันผิงโหว หาใช่สตรีอ่อนแอที่จะรังแกได้เฉกเช่นในวันวานอีกแล้ว
ขั้นตอนในการแกล้งเป็นลมทั้งหมด เฟิ่งชิงเฉินถือว่าให้เกียรติมากแล้ว จากนั้นไม่นาน นางก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา ขนตาที่เป็นแพยาวของนางสั่นเล็กน้อย จึงทำให้เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้ดูอ่อนแรงยิ่งนัก
น่าเสียดายที่ภาพลักษณ์ของเฟิ่งชิงเฉินหาได้มีท่าทีสง่างามไม่ อีกทั้ง ยังไม่มีอารมณ์อ่อนโยนเฉกเช่นสาวน้อยอีกด้วย
ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินมิใคร่มั่นคงมากนัก หากแต่ก็ยังพยายามที่จะลุกขึ้นมา พร้อมกับคุกเข่าลงไปตามเดิม พร้อมทั้งกัดฟัน เพื่อพยุงตัวเองเอาไว้ มิให้ผู้ใดเห็นว่านางอ่อนแอ
“ฝ่าบาทพะยะค่ะ หม่อมฉันขออภัยที่ต้องเสียมารยาทแล้ว ” พร้อมทั้งนั่งลงคุกเข่า ด้วยท่าทีโงนเงนคล้ายจะหมดแรง
ทั้งเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงสีหน้าพลันเข้มลงด้วยท่าทีที่จริงจัง คิ้วของพวกเขาเลิกขึ้นเล็กน้อย หากแต่ผู้อื่นพลันแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาแทน
บางครั้ง สตรีที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอมักจะมิได้ให้ความรู้สึกน่าสงสารมากนัก ในทางกลับกัน ความอ่อนแอที่เฟิ่งชิงเฉินแสดงออกมาตรง ๆ นั้น กลับคล้ายว่าทำเป็นเข้มแข็งเสียมากกว่า เช่นนี้ จึงทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกใจอ่อนได้
อย่างไรก็ตาม บุรุษที่อยู่ในแวดวงทางการเมือง เมื่อเห็นสิ่งนี้ จักรพรรดิไม่เพียงแต่ไม่มีท่าที่จะปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินกลับไป ทั้งยัง ไม่มีความคิดที่จะเรียกนางให้ลุกขึ้นด้วย พร้อมกับปล่อยให้นางคุกเข่าลงเช่นนั้น
“ชิงเฉิน เจิ้นได้ฟังรายงานจากองค์รัชทายาทแล้ว วันนี้ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว คุณชายใหญ่ของตระกูลหวังจึงไม่ได้รับอุบัติเหตุช่นนี้ ต้องขอบคุณเจ้า ที่ทำให้ความโกลาหลที่ประตูเมืองสามารถสงบลงได้อย่างรวดเร็ว องค์รัชทายาทกล่าวว่า ยามที่เกิดระเบิดขึ้นในคราแรกนั้น เจ้ากระโดดลงไปช่วยคุณชายใหญ่ พร้อมกับสั่งให้ทุกคนนอนหมอบ
หลังจากการระเบิด เป็นครั้งแรกที่เจ้าช่วยรักษาชื่อเสียงขององค์รัชทายาทเอาไว้ พร้อมกับจัดการรักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างเป็นระเบียบ ยามที่หมอหลวงซุนกลับมา ยังแจ้งกับข้าว่า เจ้ามีทักษาะในการรักษาผู้ป่วยที่ดีมาก ทั้งยังมีความเชี่ยวชาญในการรักษาบาดแผลภายนอกเป็นอย่างดี ต่อหน้าเจิ้น เขายังกล่าวชื่นชมเจ้าไม่หยุด เจิ้นได้ยินรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก บิดาเป็นพยัคฆ์แล้วบุตรีจะไร้ความสามารถไปได้อย่างไร”
จักรพรรดิกล่าวคำชื่นชมเยินยอออกมาไม่มีหยุด ด้วยรูปลักษณ์ที่อ่อนโยน หากได้มีท่าที ที่จะซักถามนางไม่
องค์รัชทยาทที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันก้มลงมองนิ้วเท้าของตน เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมา หากแต่เสด็จพ่อกลับแอบอ้งชื่อของเขาออกมาเช่นนี้ เขาไม่รู้จะทำเช่นไรเลยจริงๆ แต่เขาก็ไม่อาจโต้แย้งออกมาได้เช่นกัน จึงได้อต่เพียงยอมรับมันเท่านั้น
โชคดีที่มีหวังจิ่นหลิงอยู่ที่นั่นด้วย ตอนที่เขารายงาน ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องสูญเสียมความเชื่อใจไปมากแน่
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่ยิ่งนัก หากจักรพรรดิถามนางตรงๆ มันจะทำให้นางปฏิเสธได้ง่ายมากกว่านี้ แต่ เมื่อพระองค์พูดอ้อมไปอ้อมมาเช่นนี้ นางไม่รู้จะตอบอย่างไรเลยจริงๆ
“จักรพรรดิทรงยกย่องหม่อมฉันเกินไปแล้วเพคะ ในยามที่ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว ชิงเฉินเพียงแค่ทำตามสิ่งที่องค์รัชทายาทออกคำสั่งมาเท่านั้น ชิงเฉินมิอาจรับคำชื่อนชมของฝ่าบาทได้หรอกเพคะ” คุณงามความดีนี้ ข้าขอมอบให้กับองค์รัชทายาทที่เหนื่อยยากแล้วกัน หากให้นางรับไว้ รังแต่จะทำให้มีเรื่องตามมาไม่หยุด นางที่เป็นสตรี หาได้มีเรื่องต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับราชสำนักไม่ นางจักต้องได้รับคำชื่นชมไปทำไมกัน
“ที่ชิงเฉินช่วยชีวิตคุณชายใหญ่เอาไว้ มันเป็นเรื่องบังเอิญเพคะ ในขณะนั้น หม่อมฉันตั้งใจว่าจะโยนถุงหอมของตนเองไปให้คุณชายใหญ่ แต่ จู่ ๆ ก็เกิดระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน หม่อมฉันจึงตกใจตกลงมาจากหน้าต่างเพคะ โชคดีที่คุณชายใหญ่รับหม่อมฉันไว้ได้ทัน มิเช่นนั้น หม่อมฉันคงจะตายหรือไม่ก็พิการไปแล้วเพคะ” ขณะที่พูด เฟิ่งชิงเฉินยังไม่ลืมที่จะหยิบถุงหอมในแขนเสื้อของตนออกมาด้วย เพื่อพิสูจน์ว่านางมิได้โกหก พร้อมทั้งทำหน้าขึ้นสี แสร้งทำเป็นเขินอาย เจือไปด้วยความหวาดกลัวเล้กน้อย
หากมีกระจกเงาอยู่ตรงหน้าของนาง เฟิ่งชิงเฉินอยากจะบอกกับตนเองนัก ว่าเจ้าแสดงได้ดีเยี่ยม
คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินที่พูดออกมาราวกับน้ำไหลไฟดับ แถมยังมีถุงหอมเป็นเครื่องพิสูจน์อีก ในยามนั้น จักรพรรดิ์ไม่รู้เลยว่า มันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ กันแน่ อีกทั้ง สถานการณ์ในครานั้น วุ่นวายเกินไป ไม่มีใครคิดว่า จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นมาได้ ทุกคนต่างให้ความสนใจกับหวังจิ่นหลิง จักมีผู้ใดไปสนใจเฟิ่งชิงเฉินกัน
ตงหลิงจิ่วยังคงเย็นชาและหยิ่งเช่นเดิม หากแต่รอยยิ้มในดวงตาของเขา พลันหายไปในทันที ยามที่เฟิ่งชิงเฉินนำถุงหอมออกมา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หวังจิ่นหลิงได้เห็นถุงหอมออกมแล้ว ความเหนื่อยหน่ายในวันนี้ พลันหายปลิดทิ้งไปในทันที พร้อมกับท่าทีมีความสุขเข้ามาแทนที่
ริมฝีปากของตงหลิงจื่อลั่วพลันแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะก้าวไปข้างหน้า เขาก็พลันถูกชายชราที่อยู่ตรงข้ามหยุดเขาเอาไว้ ชายชราผู้นั้น ก็คือท่านพ่อของฮองเฮา หรือก็คือท่านตาของตงหลิงจื่อลั่วนั้นเอง
หลังจากคุกเข่าเป็นเวลานาน เฟิ่งชิงเฉินมิจำเป็นต้องแสดงสิ่งใดอีก นางเพียงแค่คุกเข่าอย่างไม่มั่นคง จักรพรรดิพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อตรวจสอบเฟิ่งชิงเฉิน แต่ก็ไม่เห็นเบาะแสใด ๆ จากร่างกายของนางเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่า นางจะไม่ได้โกหก ดังนั้น ฝ่าบาทจึงพูดตรงๆ ขึ้นมาว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร”
เมื่อยื่นระเบิดเทียนเหล่ยมาให้ดูตรงหน้า พร้อมกับกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดเสมือนกับสอบปากคำผู้ต้องขังในทันที
เดิมที เฟิ่งชิงเฉินต้องการแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เช่นเดิม แต่ทว่า มันดูแสแสร้งเกินไป ทั้งยังเสียความสนุกไปเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินจึงพยักหน้าลง ” ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันรู้เพคะ”
“รู้ เจ้ารู้งั้นหรือ ว่านี่คืออะไร?” สีหน้าของจักรพรรดิฉายแววดีใจเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาพลันเป็นประกายขึ้นมาในทันที หากแต่เฟิ่งชิงเฉินพลันมองดูด้วยความงุนงง “ฝ่าบาทเพคะ นี่คือสิ่งที่ทำให้ระเบิดที่ประตูเมืองในวันนี้มิใช่หรือ?
หม่อมฉันว่า หม่อมฉันมองไม่ผิดแน่ เมื่อครู่ หม่อมฉันได้เห็น ยังคงตกใจยิ่งนัก ต่อมา หม่อมฉันคิดว่า หากสิ่งนี้ถูกวางไว้ที่นี่ มันคงไม่น่าจะระเบิดออกมากระมัง”
หลังจากพูดจบ ก็พลันกล่าวออกมาด้วยท่าทีขี้ขลาดว่า “ฝ่าบาทเพคะ สถานการณ์ในครั้งนั้นเร่งด่วนเป็นอย่างมาก ทั้งหม่อมฉันเองก็ตกใจจนตื่นตระหนกเช่นกัน หากฝ่าบาทถามองค์รัชทายาท น่าจะได้ความมากกว่าหม่อมฉัน”
จู่ ๆ ความหวังก็พลันสลายไปในทันที คำพูดของเฟิ่งชิงเฉินทำให้ความดีใจของฝ่าบาทเมื่อครุ่หายไป พร้อมกับสีหน้าที่เย็นลง ” เฟิ่งชิงเฉิน เมื่อครู่มิใช่เจ้าบอกว่าเจ้ารู้หรือ? นี่เป็นสิ่งที่เจ้ารู้จัก?”
ปั้ง จักรพรรดิพลันทุบโต๊ะในทันที พร้อมกับแท่นหมึกที่แตกกระจายลงบนโต๊ะ
ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินพลันซีดเผือด ตัวสั่นเทา และรีบกล่าวขอพระราชทานอภัยออกมา “ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันมิทราบจริง ๆ ”
เมื่อเห็นสีหน้าของจักรพรรดิที่กรุ่นโกรธเช่นนั้น ขุนนางภายในท้องพระโรงต่างตกตะลึงไปในทัน พร้อมทั้งสองฝ่ายก็ค่อย ๆ คุกเข่าลงทีละคน “ฝ่าบาทได้โปรดสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะพะยะค่ะ!”
“เฟิ่งชิงเฉิน ในเมื่อเจ้ารู้สึกผิด ก็จงบอกทุกสิ่งที่เจ้ารู้มา” เมื่อฟังจากน้ำเสียงขององค์จักรพรรดิ ดูเหมือนว่า พระองค์จะรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินต้องรู้อะไรบางอย่างมาอย่างแน่นอน
หากนางมิได้เข้ารับ การฝึกต่อต้านการสอบสวน เฟิ่งชิงเฉินคงจะตื่นตระหนก พร้อมกับเผยความลับยามที่องค์จักรพรรดิทำการสอบสวนนางไปแล้ว.
จักรพรรดิช่างโชคร้ายจริงๆ!
“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันรู้แต่ว่า มันคือสิ่งที่ทำร้ายราษฏรในวันนี้ นอกนั้นหม่อมฉันไม่รู้อะไรเลยเพคะ ” หยาดน้ำตาพลันร่วงหล่นลงมาอย่างสิ้นหวัง
ว้าว การแสดงของนางในวันนี้ ช่างเยี่ยมยอดยิ่งนัก แม้แต่รูปลักษณ์ภายนอกของนาง หาได้มีผู้ใดสนใจไม่ หากมันสามารถทำลายควงามมุ่งมั่นของฝ่าบาทได้ นางก็จะทำ
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ที่จะสามารถสร้างระเบิดเทียนเหล่ยขึ้นมาได้ แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉิน นางจะไม่ได้ใจดีนัก แต่นางจะไม่มีวันวางยาพิษต่อสิ่งมีชีวิต เพื่อก่อให้เกิดความโกลาหลในใต้หล้าอย่างแน่นอน
อย่างน้อย ก็ไม่ใช่เพราะจักรพรรดิลูกหมานี่