นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 324 ลอบสังหาร ข้ายังอยากหาเรื่องเจ้ามากกว่านี้
ในบรรดาทหารองครักษ์ทั้งสิบหกนาย มีเพียงแปดนายเท่านั้น ที่ใช้จัดการกับพวกเหล่าขอทาน รวมสาวใช้ของนางอีกสองคนที่เข้าไปร่วมด้วยนั้น ยังลงมีดกับผู้ที่มีลมหายใจลงไปอีก
“หยุดมือ หยุดมือ” เมื่อหัวหน้าของเหล่าเจ้าหน้าที่พวกนั้นเห็นเข้า ก็พลันรีบวิ่งเข้ามาขัดขวางในทันที
หากคนตาย ตายไปย่อมไม่หลักฐานเหลืออยู่ เขาต้องเหลือพยานเอาไว้
เหลือพยานเอาไว้หรือ?
ความคิดช่างไร้เดียงสายิ่งนัก นางเฟิ่งชิงเฉินลงมือโหดร้ายเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่า ข้าจักเหลือพยานเอาไว้ให้พวกเจ้านำมาใส่ร้ายข้าอีกหรือ
ต้องการให้เหลือพยานเอาไว้? คราวหน้าเจ้าก็มาไว ๆ แล้วกัน
“ขัดขวางเขาเอาไว้” เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจว่าคนภายนอกจะทำเช่นไร นางเพียงออกคำสั่งเท่านั้น
หน้าที่ของเหล่าทหารคือเชื่อฟังในคำสั่ง นางเชื่อว่า ทหารองครักษ์ของจวนซู่ชินอ๋องเข้าใจในเหตุผลนี้ดี
และพวกเขาก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง องครักษ์ของซู่ชินอ๋องพลันนำกำลังคนมาขัดขวางเจ้าหน้าที่พวกนั้นเอาไว้ หากไม่มีคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาย่อมไม่ปล่อยตัวให้เข้ามาโดยเด็ดขาด
แต่เดิมองครักษ์พวกนี้ รังเกียจการที่พวกเขาต้องมาฟังคำสั่งของสตรียิ่งนัก ทว่า เมื่อพวกเขาได้มาเห็นด้านที่มีความเด็ดขาดของเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น ทั้งสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม พวกเขาจึงเข้าใจได้ในทันทีว่า เจ้านายของพวกเขาหาได้อ่อนแอไม่ การเชื่อฟังคำสั่งของนาง มิได้ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าแต่อย่างใด น่าเสียดายนัก ที่นางเป็นสตรี จึงมิอาจออกรบได้
“คุณหนูเจ้าคะ ทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อเสียงโหยหวนครั้งสุดท้ายดังขึ้น สาวใช้พลันรีบเข้ามารายงานเฟิ่งชิงเฉินด้วยความเคารพในทันที
“อืม ปล่อยตัวให้เข้ามา”
ยามที่คำสั่งของเฟิ่งชิงเฉินจบลง พวกเจ้าหน้าที่ขุนนางพวกนั้นถึงได้สามารถเข้ามาได้ เมื่อเห็นซากศพมากมายที่อยู่บนพื้นนั้น พร้อมกับหยาดเลือดที่เอ่อนองคล้ายกับทะเลเลือดก็ไม่ปาน ผู้ที่ขวัญอ่อนพลันส่ายหน้า พร้อมกับวิ่งไปอ้วกที่ข้างกำแพงในทันที
“กระหม่อมจ้าวหวายเฉิง ขอเข้าพบคุณหนูเฟิ่งชิงเฉิน” จ้าวหวายเฉิงย่อมต้องเป็นหัวหน้าของพวกขุนนางเหล่านี้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดยิ่งนัก
นี่ถือเป็นการตบหน้าเขาเลยทีเดียว การฆ่าคนกลางเมืองเช่นนี้ ยังมีกฎหมายบ้านเมืองอยู่หรือไม่
“ที่แท้เป็นใต้เท้าจ้าวนี่เอง ขออภัยที่เสียมารยาท” เฟิ่งชิงเฉินหาได้ทำการลงจากรถม้าไม่ อีกทั้งยังไม่มีความคิดที่จะเปิดประตูรถม้าเพื่อทำความรู้จักกับเขาอีก นั่นแสดงออกอย่างชัดเจนว่า นางไม่ต้องการคบค้าสมาคมกับเขา
สกุลจ้าวงั้นหรือ หากเดาไม่ผิด ใต้เท้าจ้าวผู้นี้ คงจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลจ้าว ในยามที่ซุนยี่จิ่นต้องหมั้นหมายกับตระกูลจ้าวกระมัง หากเขามาจากตระกูลยากจน อย่างไรย่อมมิได้มานั่งบนตำแหน่งนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากว่าเขามิได้มีความกล้าที่จะออกมาจัดการสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่
คนของตระกูลจ้าว นางไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาผูกมิตรด้วยเลย เพียงแค่ทำให้พวกเขาโกรธเคืองนางไปจนตายก็พอแล้ว
“กระหม่อมมิกล้า ในวันนี้กระหม่อมมาเพื่อจัดการกับคดี ขอให้เฟิ่งซิ่วให้ความร่วมมือด้วย ตามกระหม่อมมาที่จวนท่านผู้ว่ามณฑลด้วยเถิดขอรับ” ประโยคนี้คือ พวกเขาต้องการนำตัวนางไป
เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นมิได้ยิน “ใต้เท้าจ้าวให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนั้น มารบกวนรถม้าของข้า ข้าจึงได้สั่งให้คนของข้าลงไปจัดการเท่านั้น ต้องขออภัยด้วย ใต้เท้าจ้าวมาช้าเกินไป องครักษ์ของข้าได้จัดการควบคุมพื้นที่แห่งนี้เอาไว้แล้ว
ข้ารู้ว่าการที่องครักษ์ของข้าไปแย่งหน้าที่การงานของพวกท่านนั้นไม่ถูกต้อง ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ งานที่เหลืออยู่ ใต้เท้าจ้าวก็จัดการเถิด ใต้เท้าจ้าวสามารถตรวจสอบได้เลย ว่ามีผู้เหลือรอดชีวิตมาเป็นพยานให้ท่านได้หรือไม่ หากมีละก็ทำการสอบสวนเสีย ข้าก็อยากรู้เช่นกัน ว่าเป็นผู้ใดถึงได้กล้าทำให้เหล่าราษฎรก่อเหตุจลาจลเช่นนี้ได้ ถึงยังมารบกวนรถม้าของจวนขุนนางภักดีอีก”
มิบอกมิได้เลยว่า การที่ฝ่าบาทพระราชทานตำแหน่งนี้ให้กับนางนั้น มันมีประโยชน์มากเพียงใด ถึงแม้ว่ามันจะมิได้มีอำนาจมากนัก แต่ทว่า หากมิได้มีตำแหน่งหน้าที่ไปมาในเมืองหลวง นางก็จักกลายเป็นซาลาเปานิ่ม ๆ ให้ผู้คนจัดการได้
ถ้าหากทำได้ละก็ จ้าวหวายเฉิงอยากจะอ้วกออกมาเป็นเลือดเสียจริง สตรีนางนี้ สามารถทำเรื่องกลับดำให้เป็นขาวได้อย่างหน้าตาเฉย นางฆ่าผู้คนทั้งยังจัดการเก็บกวาด จ้าวหวายเฉิงพยายามระงับอารมณ์โกรธของตนเองให้ลงไป พร้อมทั้งกล่าวออกมาอย่างถ่อมตนว่า “เฟิ่งซิ่ว ท่านสั่งให้องครักษ์ของท่านทำการฆ่าคนกลางถนนใหญ่เช่นนี้ นับเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก เฟิ่งซิ่วอย่าได้ทำให้กระหม่อมลำบากใจเลย ได้โปรดตามกระหม่อมมาที่จวนท่านผู้ว่ามณฑลด้วยเถิด”
ขอเพียงแค่นางได้เข้าไปอยู่ในจวนผู้ว่ามณฑลเท่านั้น เฟิ่งชิงเฉินก็จะออกมาไม่ได้อีก ท่านผู้ว่ามณฑลเป็นคนของฮองเฮา แม้แต่เสด็จอาเก้าก็ต้องไว้หน้าพระนางอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเสด็จอาเก้าจะจัดการสะสางความสัมพันธ์แล้วอย่างไร ก็สายไปที่จะนำตัวเฟิ่งชิงเฉินออกมาอยู่ดี
การช่วยคนต้องพึ่งพาเวลา หากแต่การทำลายคน ใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น
“สั่งให้องครักษ์ทำการสังหารผู้คน? ใต้เท้าจ้าว ท่านใช้ตาใดมองกันว่าข้าสั่งให้องครักษ์ฆ่าคน หูข้างใดของเจ้าที่ได้ยินข้าสั่งการให้องครักษ์ฆ่าคนกลางถนนใหญ่กัน?” น้ำเสียงของเฟิ่งชิงเฉินพลันแข็งกระด้างยิ่งนัก พร้อมทั้งปล่อยไอสังหารออกมาในทันที ทำเอาจ้าวหวายเฉิงตกตะลึงจนตัวสั่นไปหมด พร้อมกับต้องถอยตัวไปก้าวหนึ่ง ภายในใจรู้สึกหวาดผวายิ่งนัก เหตุใดสตรีนางนี้ ถึงได้มีไอสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้ได้
มิได้มีแต่เขาเพียงเขาผู้เดียวที่ตกใจ แม้แต่องครักษ์ทั้งสิบหกนายต่างก็ตกใจเช่นกัน ไอสังหารของเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีแต่ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนอยู่บนสนามรบเท่านั้นที่จะทำได้ หรือว่า เฟิ่งซิ่วเคยร่วมรบมาก่อนกัน?
ไม่น่าจะใช่ หรือว่า เพราะเป็นบุตรีของท่านแม่ทัพกัน เฟิ่งซิ่วมีความสามารถสืบทอดมาจากท่านแม่ทัพเฟิ่งงั้นหรือ?
“เฟิ่งซิ่ว คนพวกนี้ตายอยู่บริเวณโดยรอบรถม้าของท่าน” จ้าวหวายเฉิงยังคงหน้าด้านพูดต่อไป แต่เดิม เขาคิดว่าภารกิจในครานี้ สามารถนำไปเอาหน้าได้สบาย ๆ มิคาดคิดเลยว่า เหตุการณ์จะเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ได้ เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดคิดถึงกระมัง ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้
“เฮอะ” เฟิ่งชิงเฉินพลันส่งเสียงออกมาด้วยความเย็นชา “ตายอยู่บริเวณโดยรอบรถม้าของข้า นั่นหมายความว่า ข้าเป็นคนสั่งให้องครักษ์สังหารพวกเขางั้นหรือ ใต้เท้าจ้าว ตำแหน่งของท่านได้มาอย่างไรกัน มิคิดสืบหาหลักฐาน ก็มากล่าวหาว่าข้าเป็นคนผิดได้แล้วงั้นหรือ ผู้ใดให้อำนาจเจ้ามาทำเช่นนี้กัน?
ใต้เท้าจ้าวฟังข้าให้ดีเล่า ราษฎรที่ก่อการจลาจลในวันนี้ มีเป้าหมายมุ่งตรงมาที่ข้า ที่องครักษ์ของข้าต้องฆ่าพวกเขานั้น ถือเป็นการป้องกันตัวเอง ในตอนนี้ข้ากำลังจะไปรายงานต่อราชวังว่ามีคนต้องการทำการสังหารข้า
หากมิใช่เพราะว่าองครักษ์ของข้าพอจะใช้การได้นั้น หากต้องรอจนกว่าพวกท่านจวนผู้ว่ามณฑลมาถึง ข้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว ทางที่ดีใต้เท้าจ้าวควรจะมีคำอธิบายที่ดีให้ข้าเสียมากกว่า ว่าเรื่องนี้เป็นเช่นไรกันแน่ กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ ยังมีคนขวัญกล้าเทียมฟ้า ต้องการจะมาสังหารบุตรีจวนขุนนางภักดีเสียได้ มิรู้ว่าไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ใดกัน ถึงได้ไม่เห็นหัวราชสำนักเช่นนี้”
การลากองค์จักรพรรดิเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องใหญ่ เฟิ่งชิงเฉินย่อมมิคิดเกรงใจที่จะนำฝ่าบาทมาเป็นไม้กันหมาเช่นนี้ การกระทำของนาง ล้วนแต่เรียนรู้มาจากฝ่าบาททั้งสิ้น ในเมื่อฝ่าบาทนำนางไปเป็นไม้กันหมาก่อน เช่นนั้น การที่นางแอบอ้างชื่อของฝ่าบาทมาคงไม่นับว่าเป็นอันใด
“เฟิ่งซิ่ว” ทั่วใบหน้าของจ้าวหวายเฉิงพลันเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อในทันที เจ้าหน้าที่อยู่ด้านหลังต่างพากันก้มหน้าเงียบไม่ออกความคิดเห็นใด ๆ
จะพูดได้อย่างไรกัน เฟิ่งซิ่วสั่งฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาเช่นนี้ องครักษ์รอบตัวนางทั้งสิบหกนายต่างก็มีท่าทีดุร้ายราวกับพยัคฆ์ เขาจะไปกล้าล่วงเกินได้อย่างไร
เฟิ่งชิงเฉินแสร้งทำเป็นมิได้ยินสิ่งใดทั้งนั้น พร้อมกับออกคำสั่งต่อองครักษ์ที่อยู่ข้างกายว่า “ฮั่วซาน เจ้าคอยอยู่ช่วยใต้เท้าจ้าวที่นี่เสีย สืบหาให้ดีว่าผู้ที่ลอบสังหารข้ายังมีพยานคนสำคัญเหลืออยู่หรือไม่”
เรื่องตั้งแต่ที่ราษฎรก่อการจลาจลรวมไปถึงการลอบสังหาร เป็นเรื่องที่ต้องการคำอธิบายที่ดี ถึงแม้นางจะมิเห็นความสำคัญของมันเท่าใดนัก แต่คำพูดนี้สามารถบ่งบอกได้ว่า นางไม่ยินยอมที่จะตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าราษฎรกลางถนนใหญ่อย่างแน่นอน นางเพียงฆ่าผู้ที่ลอบสังหารเท่านั้น นับว่าเป็นการป้องกันตนเอง ถึงอย่างไร คนตายก็พูดไม่ได้ นางมิปล่อยให้พวกมันนำโอกาสพาพยานออกมาชี้ตัวนางได้แน่
ส่วนหลักฐานงั้นหรือ? ของเช่นนั้นจะไปหาจากที่ใดได้
ถ้าหากมีคนไม่พอใจละก็ ต้องการทำเรื่องใหญ่โตเข้าไปอีกละก็ นางจะยอมร่วมมือด้วยก็ได้ ถึงอย่างไร หากพวกเขาทำลายนางด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องมีเรื่องต่อไปอีก ๆ อย่างแน่นอน
ฮั่วซานเป็นหัวหน้าองครักษ์ที่ตี๋ตงหมิงให้นาง รูปร่างกำยำที่ใหญ่โตสมกับชายชาตรี หากแต่จิตใจอ่อนไหวยิ่งนัก เพื่อให้เขาจดจำเอาไว้ นางจึงต้องชื่นชมเขา
“ขอรับ” ฮั่วซานพลันก้าวไปด้านหน้า เพื่อยืนต่อหน้าจ้าวหวายเฉิง จ้าวหวายเฉิงพลันรู้สึกได้ถึงหินภูเขาที่ค่อย ๆ กดทับตนเองในทันที
พวกเขาเป็นถึงขุนนางที่อยู่ในเมืองหลวง ส่วนใหญ่ล้วนแต่พยายามหาหลุมหลบภัยให้กับตนเอง พวกเขาจึงต้องนับถือคนใหญ่คนโตไว้เสียบ้าง เพื่อที่จะได้นำมาขู่ขวัญชาวบ้านได้ง่าย หากว่าทำการกดขี่ทหารยศผู้น้อยยังพอทำได้ไม่ยาก ทว่า พวกเขาไม่อาจกระทำการกดขี่ต่อเหล่าทหารร่างใหญ่ที่ผ่านการสู้รบมาได้อย่างแน่นอน
“ใต้เท้าจ้าว ท่านสืบความให้ดีเล่า ข้าจะรอพยานของท่าน เช่นนี้จักได้สืบไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ได้ง่าย” ผู้ที่มีชนักติดหลังย่อมต้องรู้สึกหวาดระแวงในตนเอง เพียงเฟิ่งชิงเฉินเอ่ยออกมาเช่นนี้ ขาทั้งสองข้างของจ้าวหวายเฉิงพลันสั่นเทาโดยไม่อาจห้ามได้
หรือว่าเฟิ่งชิงเฉินมีหลักฐานอยู่ในมือกัน ถึงได้รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกนี้คือผู้ใด ?