นางสนมแพทย์อัจฉริยะ - บทที่ 348 แก้แค้น ตามใจเจ้าอย่างไร้เงื่อนไข
บทที่ 348 แก้แค้น ตามใจเจ้าอย่างไร้เงื่อนไข
เชื่อใจงั้นหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินเบือนหน้าหนี ซ่อนความเย้ยหยันในดวงตาของตนเอาไว้
นางไม่ใช่เด็กสาวอายุน้อยที่ยังซื่อๆ ไม่ใช่หญิงสาวที่ไร้เดียงสาเสียจนจะเชื่อคำพูดของเหล่าคนเจ้าเล่ห์ “เสด็จอาเก้า จะเชื่อหรือไม่เชื่อไม่สำคัญ แค้นของข้าข้าจะจัดการมันเอง”
ยังไม่เชื่อใจอีกหรือ?
เสด็จอาเก้าลุกขึ้น และเดินออกจากความมืด ยืนอยู่ต่อหน้าเฟิ่งชิงเฉิน พูดอย่างประชดประชันว่า “เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าก็จะบอกเจ้าว่า ภายในขอบเขตอำนาจที่ข้าทำได้ ข้าจะตามใจเจ้า ดูแลเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าเจ้าจะทำกระไรข้าก็จะอนุญาต”
เขาบอกคำกล่าวสัญญาออกมา หลังจากกล่าวออกมาแล้ว เสด็จอาเก้าจึงได้รู้ตัวว่าตนพูดกระไรไป แต่เขาไม่เสียใจเลย
ชีวิตของเขาได้มีการวางแผนมาอย่างแม่นยำ ทุกย่างก้าวของเขาจะต้องผ่านการวางแผนที่ละเอียด แต่เฟิ่งชิงเฉินเป็นอุบัติเหตุ และเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เขาต้องยกเว้นในเรื่องต่างๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
และอุบัติเหตุครั้งนี้ได้เพิ่มสีสันให้กับชีวิตของเขา
แต่น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่รับความหวังดีนี้เอาไว้ “ขอบใจเสด็จอาเก้าอย่างมาก”
คำพูดของเสด็จอาเก้าดูอบอุ่นใจอย่างมาก แต่เฟิ่งชิงเฉินเชื่อไม่ลงจริงๆ นางถอยตัวเข้าในเก้าอี้ นางพยายามเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสอง ” หากว่าเสด็จอาเก้าไม่มีเรื่องกระไร ชิงเฉินขอลา”
เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะลุกขึ้น แต่เสด็จอาเก้าก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ และดักเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ ” เฟิ่งชิงเฉิน เชื่อใจข้าสักครั้ง ข้าขอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
ระหว่างสองคนนี้ จะต้องมีใครสักคนที่ถอยออกมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่เฟิ่งชิงเฉินที่ถอยให้เขา คราวนี้เขาจะลองถอยออกมาบ้าง เขาอยากจะรู้ว่าหากทำเช่นนั้นแล้ว คนจะเสียดายหรือไม่
เชื่อสักครั้งงั้นหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินมองจ้องที่เสด็จอาเก้า ดวงตาของท้องสองโอบกอดกันอยู่กลางอากาศ วินาทีนี้ในแววตาของพวกเขามีแต่อีกฝ่าย
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ ทั้งสองคนไม่พูดกัน ได้แต่มองหน้ากันแบบนี้ พยายามจะมองหาอะไรบางอย่างในดวงตาของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง ทั้งคู่ต่างก็เก่งในเรื่องการซ่อนความคิดของตน
น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่สามารถสู้เสด็จอาเก้าได้ ภายใต้แรงกดดันอันแข็งแกร่งของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินค่อยๆ อ่อนลง นางถอยเข้าไปติดเก้าอี้ สุดท้ายเมื่อนางรู้ตัวก็พบว่า ระยะห่างระหว่างใบหน้าของทั้งสอง เหลือเพียงช่องว่างที่กั้นได้ด้วยกระดาษเท่านั้น ทุกลมหายใจของพวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงอีกฝ่าย
พวกเขาอยู่ใกล้กันเกินไป และบรรยากาศที่ดูสนิทสนมเช่นนี้ อาจทำให้พวกเขาจมดิ่งกับมันหรือหวาดกลัวกับมัน แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นแบบที่สองคือหวาดกลัว เมื่อนางพบว่าทั้งสองเข้าใกล้กันมากจนเกินไป มือของเคลื่อนไหวเร็วกว่าสมองสั่งการ………..
“บูม…”
เสด็จอาเก้าไม่ได้ตั้งตัว จากนั้นเขาก็ถูกเฟิ่งชิงเฉินผลักออก เขาล้มลงกับพื้นด้วยท่าทีที่น่าอาย เขาเอามือยันพื้นอยู่นานก็ยังไม่ลุกขึ้น
วินาทีที่เขาล้มลงกับพื้น ดวงตาของเสด็จอาเก้าเบิกกว้าง ราวกับว่าเขาไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะถูกผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่งผลักล้มลงกับพื้น และไม่กล้าเชื่ออย่างยิ่งว่าเฟิ่งชิงเฉินจะผลักเขาออก คนบางคนและเรื่องบางอย่างได้อยู่เหนือการควบคุมของเขา…
หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินโต้ตอบ นางจึงตระหนักได้ว่าตนทำอะไรลงไป นางรู้สึกผิดจึงไม่อยากจะอยู่ที่นี่นาน ขณะที่เสด็จอาเก้าเหม่อลอย นางก็วิ่งหนีไปทันที
“ขอโทษนะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
คำขอโทษที่ตื่นตระหนกของนางดังมาแต่ไหล
ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ คนของจวนอ๋องเก้าไม่มีใครหยุดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้เลย เฟิ่งชิงเฉินวิ่งออกไปนอกจวนท่านอ๋อง จากนั้นนางจึงพบว่าแม้ว่าฟ้าจะสว่างแล้ว แต่พบถนนไม่มีผู้คนเลย และสิ่งสำคัญคือ ตอนนี้นางจะไปที่ใด นางไม่มีบ้านให้กลับไปแล้ว……..
เฟิ่งชิงเฉินยืนอยู่บนถนนอย่างอ้างว้าง นางเดินโดยไร้สติ หลังจากลังเลแล้ว สุดท้ายนางเดินตรงไปที่จวนซุน ซุนเจิ้งเต้าอาจจะรับนางเอาไว้
เมื่อนางมาถึงจวนตระกูลซุน ประตูของจวนตระกูลซุนยังปิดสนิท เฟิ่งชิงเฉินเหนื่อยและหิวอย่างมาก และบาดแผลที่อยู่บนหลังของนางเริ่มเจ็บปวดขึ้นมา เฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่หน้าจวนตระกูลซุนอย่างเงียบ ๆ กำลังรอจวนซุนเปิดประตู ท่าทีของนางดูเหมือนลูกสุนัขตัวน้อยที่นั่งรอคนมารับไปเลี้ยงอย่างมาก
ที่มุมถนนตรงข้ามจวนซุน มีร่างสีดำยืนอยู่จุดห่างไกล เฟิ่งชิงเฉินนั่งอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน เขาก็ยืนไปนานเท่านั้น จนเมื่อประตูจวนซุนเปิดออก ซุนเจิ้งเต้ารับเฟิ่งชิงเฉินเข้าไป จากนั้นเขาจึงเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ เขาใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นบนหลังคาจวนซุน ปู้จิงหยุนที่สวนชุดดำตามเขาขึ้นไปเช่นกัน
“จิ่วชิง เจ้าแน่ใจหรือว่าซุนเจิ้งเต้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิ่งหลี?” ปู้จิงหยุนถามอย่างสงสัยขณะหมอบอยู่บนหลังคา
เขาชอบผู้หญิงอย่างเฟิ่งชิงเฉิน แต่เพียงแค่ชอบเท่านั้น เขาไม่อยากให้หลานจิ่วชิงเสียเวลากับคนที่ไม่เกี่ยวข้องมากจนเกินไป คนอย่างพวกเขาไม่มีเวลามากพอที่จะมาใช้อย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้
“ไม่แน่ใจ” หลานจิ่วชิงพูดอย่างเย็นชา ร่างกายของเขาแสดงอาการเฉยเมยและเย็นชาราวกับว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร
“ในเมื่อไม่แน่ใจ แล้วเรามาที่นี่เพื่อการใด? มาเพื่อแน่ใจว่าเฟิ่งชิงเฉินปลอดภัยหรือไม่งั้นหรือ? จิ่วชิงเจ้าแค่ให้ตราประทับจิ่วโจวกับนางไป แต่นั่นมิได้หมายความว่าพวกเราจะยอมรับนาง และต้องปกป้องนาง อีกอย่างนางไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าด้วยซ้ำ หากนางรู้เกี่ยวกับตัวตนของเจ้า นางอาจฆ่าเจ้า” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ปู้จิงหยุนนึกถึงเป่าเอ๋อขึ้นมาอีกครั้ง หลานจิ่วชิงไอ้คนเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนเขาจะเก่งเรื่องผู้หญิงอย่างมาก
หลังจากที่หลานจิ่วชิงรับเป่าเอ๋อไป เขาก็ปล่อยให้เป่าเอ๋อรู้เรื่องที่เขาหาผู้หญิงมาระบาย เป่าเอ๋อโกรธเคืองอย่างมาก จากนั้นก็ด่าทอกล่าวหาหลานจิ่วชิงว่าเขาเป็นคนลามกและไร้ยางอาย แต่หลานจิ่วชิงกับบอกว่าตนเป็นผู้ชาย และนี่เป็นความต้องการของตน เป่าเอ๋อไม่สามารถทำให้เขาสมหวังได้ เช่นนั้นเขาก็ต้องไปหาหญิงอื่นมาช่วย ผู้ชายในราชวงศ์เมื่ออายุครบสิบห้าแล้ว พวกเขาจะมีสาวใช้มาช่วยพวกเขาให้ทราบเรื่องที่ชายหญิงทำกัน ฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างมาก
สิ่งที่ไร้ยางอายที่สุดคือ ผู้ชายคนนี้เตือนให้เป่าเอ๋อรู้ว่า ด้วยตัวตนของเขา เขาจะไม่สามารถแต่งงานกับผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เขามอบให้กับเป่าเอ๋อได้มีเพียงตำแหน่งของพระชายา และปกป้องเป่าเอ๋อเท่านั้น แต่ไม่สามารถมีเป่าเอ๋อเพียงผู้เดียวเหมือนที่พ่อแม่ของเป่าเอ๋อเป็น
เป่าเอ๋อโกรธจนเป็นลมทันที เมื่อนางฟื้นขึ้น นางตาแดงอย่างมากแต่ไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเป่าเอ๋อเข้าใจสิ่งเหล่านี้มาแต่เนิ่นแล้ว เพียงแต่นางไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ตอนนี้จิ่วชิงเปิดเผยเรื่องโหดร้ายที่จะเกิดขึ้นนี้ต่อหน้าเป่าเอ๋อ
ปู้จิงหยุนทราบดีว่าจุดประสงค์ของจิ่วชิงคือกระไร แต่ถึงแม้เขาจะเข้าใจแต่ก็ไม่มีทางหยุดมันได้ เพราะสิ่งที่จิ่วชิงได้พูดและทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากเป่าเอ๋อจะแต่งงานกับจิ่วชิง ก็ต้องยอมรับทุกอย่างที่จิ่วชิงเป็น…..
“เฟิ่งหลีและตระกูลหลานไม่ใช่ศัตรูกันแต่เริ่ม” หลานจิ่วชิงขว้างมีดที่เยือกเย็นให้ปู้จิงหยุน เพื่อให้เขาหุบปาก เวลานั้นเฟิ่งชิงเฉินได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดในจวนเฟิ่งจนจบเช่นกัน
ซุนเจิ้งเต้าเป็นคนใจเย็นอย่างมาก แต่เมื่อเขาได้ยินว่าจวนเฟิ่งถูกเผา เขาพูดอย่างใจร้อนว่า ” ข้าจะหาวิธีฆ่าหลี่เซี่ยง ข้าจะไม่ปล่อยให้มันพ้นผิดอย่างแน่นอน”
“ไม่จำเป็น ข้าจะล้างแค้นด้วยตนเอง” เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธ นางต้องล้างแค้นด้วยตนเอง มีเพียงการจัดการศัตรูด้วยมือตนเองเท่านั้น ถึงจะเรียกว่าการแก้แค้น
อีกอย่างคนที่นางอยากแก้แค้นไม่ใช่แค่หลี่เซี่ยงคนเดียวอย่างแน่นอน เรื่องไฟไหม้จวนเฟิ่ง หลี่เซี่ยงไม่มีทางทำมันคนเดียวได้อย่างแน่นอน คนที่อยู่เบื้องหลังนี้นางจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว
“เจ้าจะทำอย่างไร หากมีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วยเจ้าสามารถบอกได้เลย ข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน” ซุนเจิ้งเต้าไม่สงสัยในตัวเฟิ่งชิงเฉิน เขาเชื่อว่าผู้หญิงที่มีสายเลือดของเฟิ่งหลีจะไม่ใช่คนที่อ่อนแออย่างแน่นอน
“ตาต่อตา ฟันต่อฟัน อย่าคิดว่ามีแต่เขาคนเดียวที่เล่นไฟเป็น ตอนที่ข้าเล่นไฟ มันยังไม่เกิดเลย เผาบ้านข้างั้นหรือ ข้าไม่มีทางปล่อยให้เขาอยู่สุขสบายอย่างแน่นอน ข้าจะทำให้เขาตายอย่างอนาถต่อหน้าทุกคน…” แววตาที่เย็นชาของเฟิ่งชิงเฉินปรากฏขึ้นมา มันไวมาก แต่ซุนเจิ้งเต้าก็เห็นทัน ซุนเจิ้งเต้าตะลึงจากนั้นก็สงบลง
ผู้หญิงในตระกูลเฟิ่งหลี ไม่เคยเป็นคนที่ใจอ่อนหรือเมตตาคนเลว ความเด็ดขาดและโหดเหี้ยมของเฟิ่งชิงเฉินเขาเจอมาแล้ว ซุนเจิ้งเต้าแสดงความมุ่งมั่นของตนอีกครั้ง ” ในเมื่อเจ้าจะทำเช่นนี้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างเต็มที่”
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า ปฏิกิริยาของซุนเจิ้งเต้าอยู่ในความคาดการณ์ของนาง ” คำขอบคุณกระไรเหล่านั้นข้าจะไม่กล่าว ข้าขอเพียงเรื่องเดียว อย่าปล่อยข่าวเรื่องที่ข้าทำระเบิดเทียนเหล่ยเป็นออกไป” นางไม่เชื่อใจเสด็จอาเก้า แต่นางเชื่อใจซุนเจิ้งเต้าโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
ซุน เจิ้งเต้าสาบานด้วยชีวิตของทั้งครอบครัว เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้ห้ามเขา แต่นางไม่ทราบว่าเมื่อนางกล่าวเรื่องที่ตนทำระเบิดเทียนเหล่ยเป็นออกมา ชายทั้งสองที่อยู่บนหลังคาเผยสีหน้าที่ตะลึงและกระจ่างออกมาทันที
เป็นไปตามคาด เฟิ่งชิงเฉินสร้างระเบิดเทียนเหล่ยได้!